E-VISA INDIA

E-VISA INDIA

ประเภทของวีซ่าอินเดีย

ทั้งนี้วีซ่าอินเดียจะแบ่งเป็นสองประเภทคือ

1.Visa คือวีซ่าแบบที่ติดเล่ม เราสามารถไปส่งเอกสารเองที่อาคารเดอะเทรนดี้ ชั้น 8 สุขุมวิท ซอย 13 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ

2.อีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมมากสุดคือ E-visa เป็นวีซ่าที่เรายื่นขอออนไลน์ สามารถยื่นขอได้ที่เว็บ https://indianvisaonline.gov.in ข้อสังเกตเว็บของวีซ่าต้องลงท้ายด้วยว .gov.in เท่านั้น หากไม่ใช่อาจจะเป็นเว็บของมิจฉาชีพหรือเว็บของเอเจนซี่ นอกจากนี้ e-Visa ยังมีราคาที่ถูกกว่าวีซ่าแบบเล่มอีกและทำง่ายกว่า

โดยวีซ่ามีแบบจำนวน 30 วัน, 1 ปี และ 5 ปี และ e-Visa ไม่สามารถขยายเปลี่ยนและไม่สามารถใช้ได้สำหรับการเยือนพื้นที่ที่เป็นพื้นที่คุ้มครอง

ข้อมูลและเอกสารที่ต้องใช้

แนะนำว่าให้เตรียมข้อมูลและเอกสารให้พร้อมเพราะการเข้าไปกรอกรายละเอียดในเว็ปเค้าจำกัดเวลาด้วย ถ้าใช้เวลานานไปเว็บจะทำการเด้งออก แต่สามารถจดเลขแอปพลิเคชันเพื่อเข้าไปกรอกข้อมูลต่อจากเดิมได้ เอกสารที่ต้องเตรียมคือ

1.รูปถ่ายหน้าตรง พื้นหลังสีขาว หรือสีอ่อน

2.หน้าพาสปอร์ตไฟล์ PDF

3.ข้อมูลที่อยู่ที่แพลนกำลังจะไป

4.ส่วนคนที่มีประวัติเคยขอแล้วจะต้องเตรียมข้อมูล E-Visa ล่าสุดที่ได้รับ และที่พักล่าสุดที่ไปพัก เพราะจะต้องกรอกส่วนนี้ด้วย

วิธีกรอกรายละเอียด

1. เข้าไปที่เว็บ https://indianvisaonline.gov.in ( ต้องเป็น .gov.in เท่านั้นถึงจะเป็นเว็บของทางการ) 

2. เลือกเมนู ” For e-visa Apply here “

3. กรอกข้อมูลส่วนแรก คือ สัญชาติ / ประเภทพาสปอร์ตที่เราถืออยู่ / เข้าอินเดียที่สนามบินไหน / วันเดือนปีเกิด / E-mail / ประเภทวีซ่าที่คุณต้องการขอ / วันที่คาดว่าจะไป

4. เมื่อกรอกข้อมูลส่วนแรกสุดเสร็จแล้วให้กด “Continue” จากนั้นหน้าถัดมาจะปรากฎเลข Application ID ให้จดเลขนี้เก็บไว้ด้วย กรณีเว็บมีปัญหา เน็ตล่ม ใช้เวลากรอกในหน้านั้นนานไปหน้าเว็บมันจะโหลดใหม่ เราต้องมีเลข Application ID เพื่อกลับไปกรอกต่อจากเดิมให้เสร็จ 

5. ข้อมูลส่วนที่ 2 จะเป็น “ข้อมูลส่วนตัว” ชื่อ-นามสกุล / เคยเปลี่ยนชื่อไหม / เพศ / วันเดือนปีเกิด / เมืองเกิด / เลขบัตรประชาชน / ตำหนิ / การศึกษา / ที่มาของสัญชาติ

6. ข้อมูลส่วนต่อมาคือ “ข้อมูลพาสปอร์ต” ให้ระบุ เลขพาสปอร์ต / สถานที่ออก / วันออกและวันหมดอายุพาสปอร์ต 

7. ตอบคำถาม “คุณมีพาสปอร์ตอื่นๆ อีกไหม” ถ้ามีก็ทำเครื่องหมายที่ Yes แล้วกรอกรายละเอียดต่อ จากนั้นกด Save และ Continue

8. กรอกข้อมูลที่อยู่อาศัย ตามด้วยข้อมูลพ่อและแม่ ชื่อ สัญชาติ เมืองที่อยู่ สถานที่เกิด เบอร์ติดต่อ 

9. จากนั้นเลือกสถานภาพของผู้ของวีซ่า เช่น โสด / แต่งงาน / หย่าร้าง หรืออื่นๆ

8. กรอกข้อมูลที่อยู่อาศัย ตามด้วยข้อมูลพ่อและแม่ ชื่อ สัญชาติ เมืองที่อยู่ สถานที่เกิด เบอร์ติดต่อ 

9. จากนั้นเลือกสถานภาพของผู้ของวีซ่า เช่น โสด / แต่งงาน / หย่าร้าง หรืออื่นๆ

10. กรอกข้อมูลส่วนของ “อาชีพ” ประเภทอาชีพ / ชื่อหน่วยงาน องคร์กร บริษัท / ตำแหน่งงาน / ที่อยู่ / เบอร์ติดต่อ / อาชีพที่ผ่านมา ( ถ้ามี ) 

*สำหรับฟรีแลนซ์ จริงๆ ให้เราเลือก “Other” เพื่อระบุประเภทงานใหม่เช่น ” freelance travel blogger ” และใน “Employer Name” ระบุเป็นชื่องานที่ทำแบบเต็มๆ ในส่วนของที่อยู่ใส่ว่า “work from home” เลย

11. ข้อมูลส่วนต่อมาคือ “วีซ่าที่เคยได้รับ” กรณีคนไม่เคยเข้าอินเดีย เป็นการขอครั้งแรก ตอบ No แล้วข้ามไปกรอกส่วนอื่นเลย แต่สำหรับคนที่เคยไปอินเดียแล้ว ตรงนี้เราจะต้องใส่ข้อมูลที่พักล่าสุดที่ไปมา

12. จากนั้นระบุเมืองที่คุณเคยไปมา ไปมากี่เมืองก็ใส่ไปให้หมดตามด้วยข้อมูล e-visa ล่าสุดที่คุณได้รับ เลขวีซ่า / ประเภทวีซ่า / วันหมดอายุ ( ดูข้อมูลจากเมลอนุมัติเก่า ) จากนั้นตอบคำถามเรื่อง “เคยถูกปฏิเสธวีซ่าบ้างไหม”

13. ระบุชื่อเมืองที่คุณจะไปเที่ยวชมในครั้งนี้ ใส่ไปคร่าวๆ ก็ได้เช่น LEH LADAKH , New Delhi

14. ระบุ “สนามบินที่คุณจะออกจากอินเดีย” ให้ใส่ชื่อสนามบิน “Indira Gandhi International Airport

15. ระบุ “ชื่อประเทศ” ที่คุณไปมาในช่วง 10 ปี

16. ระบุ “ชื่อบุคคลอ้างอิงในอินเดีย” หากไม่ได้จองผ่านทัวร์อินเดีย ไม่ได้จ้างไกด์ ไม่มีแฟน เพื่อนหรือคนรู้จักอยู่ที่นั่น ให้ใส่ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของที่พักแรกที่คุณจะพักไปแทน ( อันนี้แนะนำให้ใส่ชื่อที่พักและเบอร์ที่พักวันแรก )

17.  ระบุ “ชื่อบุคคลอ้างอิงในไทย” พร้อมที่อยู่และเบอร์ติดต่อ

18. หลังจากกรอกรายละเอียดทั้งหมดเสร็จให้ไปอัปโหลดรูปภาพ โดยภาพต้องเป็นพื้นหลังสีขาว หรือสีสว่าง พร้อมอัปโหลด “หน้าพาสปอร์ต แบบ PDF”

19. จากนั้นไปอ่านข้อตกลงทั้งหมด แล้วกด”ยอมรับข้อตกลง” แล้วไปชำระเงินเลือก “Pay Now” โดยให้เลือกชำระผ่าน “Sbi e-pay” เว็บจะพาไปยังหน้าที่ต้องใส่ข้อมูลบัตร สามารถใช้ได้ทั้งบัตรเดบิตและเครดิต

18. หลังจากกรอกรายละเอียดทั้งหมดเสร็จให้ไปอัปโหลดรูปภาพ โดยภาพต้องเป็นพื้นหลังสีขาว หรือสีสว่าง พร้อมอัปโหลด “หน้าพาสปอร์ต แบบ PDF”

19. จากนั้นไปอ่านข้อตกลงทั้งหมด แล้วกด”ยอมรับข้อตกลง” แล้วไปชำระเงินเลือก “Pay Now” โดยให้เลือกชำระผ่าน “Sbi e-pay” เว็บจะพาไปยังหน้าที่ต้องใส่ข้อมูลบัตร สามารถใช้ได้ทั้งบัตรเดบิตและเครดิต

หากตัดบัตรสำเร็จจะมีข้อความบอกว่าแอปพลิเคชันไอดีนี้ได้ถูกส่งไปแล้ว ให้รอการตอบกลับของผลพิจารณาอนุมัติวีซ่าประมาณ 72 ชั่วโมง เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ ไปรอลุ้นวีซ่ากันต่อไป 

  • ราคา e-visa 30 วัน 27.5 USD ( ประมาณ 843 บาท ) 
  • ราคา e-visa 1 ปี  40 USD แต่ตัดจริงคือ 41 USD ของผู้เขียนตัดผ่าน SCB เป็นเงินไทยอยู่ที่ 1,455 บาท 
  • ราคา e-visa 5 ปี 84 USD ( ประมาณ 2,880 บาท ) 

*ทั้งนี้ราคาอาจมีค่าบริการการชำระผ่านบัตรเพิ่ม ซึ่งแต่ละบัตรจะมีเรทที่แตกต่างกันไป

20. หลังจากได้รับเมลอนุมัติแล้วให้เราเข้าไปที่ “Check your Visa Status” นำเลข Application Id ที่อยู่ใน “เมลอนุมัติ” ไปใส่ ตามด้วยเลขพาสปอร์ต แล้วเลือก “Check Status” จะปรากฎหน้าเว็ปที่มีหน้าตาแบบเดียวกับในเมล ให้เราเลือก “Print Status” จะเซฟไว้ก่อนหรือจะพิมพ์ออกมาเลยก็ได้

20. หลังจากได้รับเมลอนุมัติแล้วให้เราเข้าไปที่ “Check your Visa Status” นำเลข Application Id ที่อยู่ใน “เมลอนุมัติ” ไปใส่ ตามด้วยเลขพาสปอร์ต แล้วเลือก “Check Status” จะปรากฎหน้าเว็ปที่มีหน้าตาแบบเดียวกับในเมล ให้เราเลือก “Print Status” จะเซฟไว้ก่อนหรือจะพิมพ์ออกมาเลยก็ได้

ในส่วนนี้จะเป็นหน้าตาของเอกสารวีซ่าที่ใช้แสดงสำหรับการเข้าออกประเทศอินเดียสามารถปริ้นใบแล้วยื่นให้พร้อมพาสปอร์ตตอนเข้าตม.ได้เลย ส่วนหน้าอื่นๆ จะไม่ใช่นะให้สังเกตคือ เอกสารจะต้องมีรูปเราอยู่ใต้คิวอาร์โค้ดและเหนือบาร์โค้ดแทบยาว พร้อมทั้งมีข้อมูลแบบเดียวกับที่ปรากฎในเมลอนุมัติ มีเลขแอปพลิเคชันไอดี เลขพาสปอร์ต มี ETA Number มี Application Status เป็น Granted และมีวันหมดอายุ รวมถึงมีลายน้ำที่เป็นตราประทับทรงกลมกลางหน้ากระดาษ บางคนปริ๊นผิดใบจะเข้าประเทศไม่ได้ และตม.จะดูในแบบกระดาษเท่านั้น ไม่สามารถดูแบบผ่านอีเมลได้

เบื้องต้นตามที่กำหนดคือ 72 ชม. หรือก็คือประมาณ 3 วัน หรือบางคนก็รอวีซ่าแค่วันเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความเร็วในการอนุมัติมันขึ้นอยู่กับอะไรหลายๆ อย่าง บางคนอาจจะรอ 7วัน 14 วันหรือ 30 ก็มี เพราะฉะนั้นเราควรทำวีซ่าก่อนออกเดินทางล่วงหน้า 1-2 เดือนเลย หากใครที่รอมานานแล้ว 10 วันขึ้นไปสามารถลองเมลไปถามได้ แต่ไม่แนะนำไม่เมลไปถามซ้ำบ่อยๆ และให้รอจนกว่าผลจะออกและอย่าเพิ่งทำการขอใหม่ทั้งๆ ที่อันเก่ายังไม่ได้รับพิจารณา เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการโดนปฏิเสธวีซ่าได้


Leave a Reply

Your email address will not be published.