KAGAWA

KAGAWA

ทริปนี้เราจะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับเกาะ KAGAWA จังหวัดเล็ก ๆ ในประเทศญี่ปุ่นที่เปี่ยมไปด้วยผลงานศิลปะ มาพร้อมกับบรรยากาศอันแสนจะเรียบง่าย ผู้คนน่ารักเป็นกันเอง สามารถเดินเล่นหรือปั่นจักรยานเที่ยวกินลมชมวิวกันได้แบบเพลิน ๆ 

ไฮไลต์ของที่นี่คืองานศิลปะมากมายบนเกาะต่าง ๆ ที่เหมาะแก่การมานั่งชิลล์ใช้เวลาดื่มด่ำไปงานศิลป์กันได้อย่างเต็มที่ ตอบโจทย์ชาวอาร์ตที่รักการเที่ยวชมผลงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์หรืออาร์ตแกลลอรี่เป็นชีวิตจิตใจ มีพื้นที่ให้เราได้ถ่ายรูปกับจุดเช็กอินน่ารัก ๆ ไว้อัปลงโซเชียลแบบเก๋ ๆ มีมุมพักผ่อนมากมายที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติสีเขียว นั่งรับลมบนเนินหญ้านิ่ม ๆ พร้อมกับภาพเบื้องหน้าที่เป็นวิวทะเลที่สวยงาม เป็นการพักผ่อนที่แสนพิเศษและได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดได้คุ้มค่าแบบสุด ๆ

นอกจากนั้นเรายังได้ไปชื่นชมความมหัศจรรย์ของ Teshima Art Museum สถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง ที่ใครไปก็ต่างชื่นชอบและประทับใจ พร้อมกับได้เปลี่ยนบรรยากาศมาปิคนิคที่ใต้ต้นมะกอก ให้ผ่อนคลายกับธรรมชาติ บุกชิมขนมชื่อดังของญี่ปุ่นอย่างซอฟ์ตครีมนุ่มสุดฟินหรือไก่ติดกระดูกชิ้นโตอาหารขึ้นชื่อประจำเมืองที่หมักเครื่องเทศมาเป็นอย่างดี บอกได้คำเดียวว่าใครเป็นสายกินต้องห้ามพลาดทริปนี้

ส่วนเรื่องการเดินทางมาเกาะนี้ก็สะดวกสบายมาก สามารถนั่งรถไฟจากโอซาก้าตรงมาได้เลย ใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ใครที่สนใจมาเที่ยวทริปเกาะศิลปะ อยากเสพงานอาร์ตแบบฟูลออฟชั่น ก็สามารถบินมาโอซาฟ้ากับ VIET JET AIR ที่มีเที่ยวบินใหม่จากเชียงใหม่ – โอซาก้า เอาใจคนภาคเหนืออีกด้วย

ข่าวดีสำหรับใครที่อยู่เชียงใหม่ทางสายการบิน VIET JET AIR เอง ก็ได้เปิดบริการเส้นทางใหม่เอาใจคนเหนือ เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างเชียงใหม่กับโอซาก้า จุดหมายยอดนิยมอีกที่ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้คนเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงสามารถเที่ยวญี่ปุ่นได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องผ่านโตเกียวก่อน ทั้งรวดเร็ว สะดวกสบาย และไม่ต้องกลัวหาไฟลท์ยาก เพราะ VIET JET AIR มีเที่ยวบิน VZ822 เชียงใหม่-โอซาก้า ออกเดินทางได้ตั้งแต่เวลา 23.00 – 06.00 น. ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ อาทิตย์รวมถึงเที่ยวบิน VZ823 โอซาก้า-เชียงใหม่ ออกเดินทางเวลา 08.00 – 12.35 น.จะมี 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และก็อาทิตย์

สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ : https://th.vietjetair.com

เรื่องการเดินทางมาเกาะนี้ก็สะดวกสบายมาก สามารถนั่งรถไฟจากโอซาก้าตรงมาได้เลย ใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ใครที่สนใจมาเที่ยวทริปเกาะศิลปะ อยากเสพงานอาร์ตแบบฟูลออฟชั่น ก็สามารถบินมาโอซาก้ากับ VIET JET AIR ที่มีเที่ยวบินไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอยู่ตลอดได้เลย เตรียมลิสต์จุดเช็กอิน ปักหมุดให้พร้อมแล้วตามมากันได้เลย! 

Day 1

001  SHIKOKU AQUARIUM 

หลังจากลงเครื่องที่สนามบินคันไซเราก็นั่งรถไฟยาว ๆ มาลงที่สถานี Utaza Station พร้อมฝากกระเป๋าแล้วโบกแท็กซี่มายัง Shikoku Aquarium ที่เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอยู่ในเขตจังหวัด Kagawa มีเอกลักษณ์ที่ต่างจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอื่น ๆ นั่นก็คือการนำเสนอเรื่องราวและความงดงามใต้ท้องทะเลผ่านการผสมผสานเอางานศิลปะมาใช้ในการจัดแสดงสัตว์น้ำได้อย่างลงตัวแถมที่นี่ยังเป็นอควาเรียมที่ใหญ่และล้ำสุดบนเกาะชิโกกุอีกด้วย

อีกหนึ่งโซนที่ทำให้เราหัวใจเต้นรัว ๆ คงเป็นบริเวณโซนทิวทัศน์แห่งวาตาซึมิ (Watatsumi no Kei)

ที่เปรียบเหมือนตู้ปลาขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับสัตว์โลกใต้ทะเลจากกระแสน้ำอุ่นคูโรชิโอะ มุมนี้เราจะได้สัมผัสกับปลาหลากหลายสายพันธุ์และไฮไลต์คือปลากระเบนค้างคาวที่น้องจะว่ายวนไปวนมาให้เราได้เก็บภาพคู่ นอกจากนั้นมุมนี้ยังเป็นมุมที่ถ่ายรูปออกมาสวยอีกด้วย แนะนำให้เลือกมาถ่ายช่วงที่มีกิจกรรมโชว์ เพราะคนจะน้อย ถ่ายรูปได้ง่าย

นอกจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะสื่อสารออกมาได้ดีแล้ว ยังออกแบบมาได้สวยงามน่ารัก เหมาะกับการถ่ายรูปมาก ๆ เป็นการเที่ยวที่ได้ทั้งชมสัตว์น้ำและชมงานอาร์ตในเวลาเดียวกัน แนะนำว่าคนรักสัตว์ต้องห้ามพลาดมาเช็กอินที่นี่เลย

อย่าลืมออกมาทักทายน้องแมวน้ำด้านนอกนะ น้องน่ารักเล่นกับกล้องแบบไม่กลัวคนเลย

อีกหนึ่งความน่ารักที่ไม่มีชาติไหนสู้ได้ กับความครีเอทเมนูอาหารให้เข้ากับบรรยากาศในอควาเรียมนี้ โดยโซนชั้น 2 ของที่นี่จะมีห้องอาหารให้เราได้เพลิดเพลินและพักผ่อนกับเมนูน่ารัก ๆ และห้องอาหารวิวทะเล

ชุโกะคุง (Syukokun) น้องมาสคอตประจำ SHIKOKU AQUARIUM ที่ได้ชื่อจากการประกวด ซึ่งต้นแบบคือปลาฉลามหัวค้อนหยัก น้องน่ารักไม่ไหวจนทำให้เป็นตัวเอกที่เด็ก ๆ คนไหนมาที่นี่ก็ไม่พลาดที่จะหิ้วน้องชุโกะคุงกลับบ้านกันคนละตัวสองตัวเลย

002 ถนนคนเดินย่าน KONPIRA SHRINE

การมาเที่ยวถนนคนเดินย่าน KONPIRA SHRINE หลายคนก็มักจะแวะมาเยี่ยมชมศาลเจ้าคอนปิระซัง ปีนขึ้นบันไดหินยาวหลายร้อยขั้น เพื่อขึ้นไปสักการะและชมความงดงามของศาลเจ้าแห่งนี้ แต่รู้ไหมว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่ศาลเจ้าเท่านั้น แต่ยังมีของกินอร่อย ๆ มากมายให้สายกินอย่างเราได้ตะลุยชิมกัน

ตลอดทั้งถนนคนเดินจะเต็มไปด้วยตึกและอาคารมากมายติดริมแม่น้ำ แนะนำให้หามุมถ่ายรูปมุมกว้าง ๆ ให้เห็นความสูงต่ำแตกต่างกันของตึกที่สะท้อนลงมาบนผิวน้ำ ตัดกับกับสีฟ้าและสีขาวของท้องฟ้ากับก้อนเมฆ มองดูแล้วเป็นภาพบรรยากาศที่ดูสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ 

หลังจากเดินเล่นสักพัก ก็ต้องแวะกินซอฟต์ครีมตัวดังอย่าง Soft cream Oiri ที่เแต่ก่อนเป็นขนมที่ใช้ในพิธีแต่งงานกันโดยญาติฝั่งเจ้าสาวจะนำมาแจกแขกภายในงานแต่งงานกัน

ซึ่งตัว Oiri เป็นขนมญี่ปุ่นโบราณ หน้าตาคล้ายลูกกวาดเม็ดเล็ก ๆ สีสันสดใส เอาไว้ท๊อปปิ้ง Soft Cream มีรสชาติหวานนิด ๆ เมื่อรวมกับ Soft cream รสชาติระมุนลิ้น ได้กลิ่นหอมนมแล้ว ต้องบอกเลยว่าอร่อยสดชื่นมาก ๆ ที่สำคัญได้คอนเทนต์ซอฟต์ครีมน่ารัก ๆ ไปอวดลงโซเชียลกันได้ด้วย 

ส่วนเจ้า Soft cream Udon ที่มีเนื้อครีมคล้ายเส้นอุด้ง แต่จริง ๆ ก็คือครีมรสนม ไม่ใช่เส้นจริง ๆ แต่อย่างใด แล้วรสชาติก็คืออุด้งเลยที่มีกลิ่นของผักชีผสมกัน แปลกและอร่อยเหมือนกัน ใครที่เลือกซื้อไม่ถูกแนะนำว่าให้ซื้อทั้งสองแบบไปเลย รับรองเลยว่าถูกใจสายหวานแน่นอน

อีกหนึ่งเมนูที่พลาดไม่ได้เลยคือ “ซานุกิอุด้ง” ที่โด่งดังและขึ้นชื่อของจังหวัดคางาวะ โดยเมนูนี้ติด 1 ใน 3 สุดยอดอุด้งแห่งญี่ปุ่นเลยนะ คำว่า ซานุกิ คือชื่อเรียกคางาวะในอดีต โดยเมืองนี้เค้าว่ากันว่าผู้คนที่นี่ชื่นชอบการกินอุด้งเป็นชีวิตจิตใจ จุดเด่นของงอุด้งที่เมืองนี้คือตัวเส้นจะใช้เวลาลวกในเวลาสั้น ๆ ทำให้ตัวเส้นจะเหนียวเป็นพิเศษและทำให้เส้นไม่อมน้ำซุป บางร้านที่ดังคนต่อแถวตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดกันเลยนะ 

Day 2

003 เกาะ NAOSHIMA

เที่ยวในเมืองกันจนหอมปากหอมคอก็ได้เวลาพาทุกคนมาเช็กอินที่เกาะแรกกันคือ Naoshima เกาะแห่งงานศิลปะ ศูนย์รวมผลงานอาร์ตสุดเท่กลางแจ้ง ที่กระจายตัวอยู่ตามมุมต่าง ๆ บนเกาะ ให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้เดินชมงานศิลปะกันแบบจุใจ บรรยากาศบนเกาะแห่งนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในชนบทสักที่ เป็นการดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์

ใครที่ตั้งใจมาพักผ่อนบนเกาะ ก็สามารถจองที่พักกันได้ ถึงจะให้บรรยากาศบ้าน ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีทั้งห้องน้ำ ร้านสะดวกซื้อและร้านอาหาร ส่วนใครที่มาแล้ว One day ทริป แค่แวะมาเช็กอินถ่ายรูปคู่กับงานศิลปะเท่ ๆ ก็สามารถมาเช็กอินได้เช่นกัน เพราะบนเกาะมีกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจให้เราได้ชมอีกมากมาย เริ่มต้นที่ฟักทองแดงลูกโตบริเวณท่าเรือกันก่อนเลย  

ตัวฟักทองแดงเราสามารถเข้าไปถ่ายรูปครีเอทท่าทางต่าง ๆ ได้จากด้านในด้วย

นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะ NAOSHIMA PAVILION โดมใสทรงเลขาคณิตที่ไม่สมมาตรสักเท่าไหร่ แต่ดูเก๋มีสไตล์ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปยืนถ่ายรูปด้านในได้ ใครไม่อยากเดินชมงานศิลปะให้เมื่อยก็สามารถเช่าจักรยานปั่นเช็กอินตามจุดต่าง ๆ บนเกาะได้เช่นกัน

ถ่ายรูปกันที่บริเวณท่าเรือเสร็จแล้ว แนะนำให้ปั่นจักรยานหรือนั่งรถมาลงที่ Chichu Art Museum โดยด้านในเราจะได้เห็น “Lee Ufan Museum” ผลงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปิน Lee Ufan ชาวเกาหลีที่นอกจากนั้นยังมีผลงานศิลปะอยู่บริเวณรอบด้านอีกมากมายให้เราได้ชมกัน 

โดยรอบนอก Benesse House Museum

จะมีผลงาน “Three Squares Vertical Diagonal” ของ George Rickey ที่มาพร้อมบรรยากาศสนามหญ้าริมทะเลที่ชิลล์มากเว่อ

ภายในสวนนี้ยังมีผลงานศิลปะให้เราได้ชมกันอีกมากมาย

และแล้วเราก็มาถึงหนึ่งในนั้นก็คือไฮไลต์เด็ดอย่างเจ้าฟักทองสีเหลืองของคุณป้าป้ายาโยอิ โดยเจ้าฟักทองสีเหลืองที่เด่นเป็นสง่าตั้งอยู่อย่างโดดเดียวบนสะพานคอนกรีตทอดยาวลงไปในทะเล ยิ่งดูยิ่งน่ารัก

ฟักทองสีแดงลายจุด เป็นงานศิลปะร่วมสมัยสีสันสดใส ใครผ่านมาก็ต้องเข้าไปถ่ายรูปด้วย ด้วยสเกลที่ถูกออกแบบมาให้ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวได้ง่าย ถ่ายรูปมุมไหนก็ดูชิคไปหมด

005 เกาะ TESHIMA 

เกาะ Teshima จริง ๆ เกาะเล็ก ๆ ที่ขับเคลื่อนไปด้วยแรงบันดาลใจในงานศิลปะ ถ้าได้ลองมองจาก Google map ก็จะรู้เลยว่าเกาะนั้นตั้งอยู่ห่างจากฝั่งและเกาะน้อยใหญ่เยอะมาก แต่เกาะนี้มีอะไรดี ทำไมนักท่องเที่ยวถึงชอบมากัน

เกาะ “เทชิมะ” ตั้งอยู่บนหมู่เกาะ Seto Inland Sea มักถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานแสดงศิลปะ เกาะนี้มีเสน่ห์ในเรื่องการจัดวางผังเมือง เพราะมีถนนสายหลักเพียงเส้นเดียวที่เป็นเส้นทางเดินรถลัดเลาะไปตามชายขอบของเกาะทำให้คนที่ใช้ถนนเส้นนี้สามารถชมวิวทะเลและถ่ายรูปเล่นได้ตลอดทั้งเส้นทาง  

และสิ่งที่ทำให้สะดุดตามากที่สุดก็คงเป็นแป้นบาสเก็ตบอลฟีลมินิมอลเก๋ ๆ มีแป้นและห่วงให้ชู๊ตถึง 6 แป้นในจุดเดียว ระยะสูงต่ำ ซ้ายขวา ลดหลั่นกันออกไปดูเหมือนเป็นงานศิลปะสักชิ้น เหมาะกับการเป็นมุมถ่ายรูปที่ทั้งเท่และดูอาร์ตมาก ๆ สามารถมาเช็กอินโพสต์ท่าชู๊ตลูกบาสเท่ ๆ กันได้ ส่วนใครที่ถ่ายรูปจนเบื่อแล้ว ที่นี่ก็มีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งที่น่าสนใจให้เราได้เดินชมกันต่ออีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมไฮไลต์ประจำเกาะ อย่างการปั่นจักรยานชมวิวถนนเรียบทะเล ปั่นแบบสบาย ๆ เอาหน้าโต้รับลมเย็น บอกเลยว่าฟินสุด ๆ ด้วยหมู่บ้านในเกาะนี้ให้ฟีลเหมือนอยู่ย่านชนบท มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย บ้านเรือนยังคงความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมอยู่บ้าง ทำให้บรรยากาศโดยรวมบนเกาะเหมือนกำลังอยู่ในซีรีย์ ยิ่งตอนเย็นได้นั่งชมพระอาทิตย์ก็ยิ่งรู้สึกโรแมนติกเข้าไปอีก เป็นเกาะที่เงียบสงบน่าพักผ่อน เต็มไปด้วยงานศิลปะ สร้างแรงบันดาลใจและฮีลใจเราได้ดีในช่วงนี้จริง ๆ 

006  TESHIMA ART MUSEUM 

Teshima Art Museum เป็นอาคารที่มีความอ่อนช้อยเพราะจากการออกแบบที่เน้นความโค้ง ความเกลี้ยงเกลาของตัวอาคาร สถาปัตยกรรมที่ดูล้ำยุคบวกกับบรรยากาศโปร่งโล่งของ landscape ที่มีฉากหลังเป็นเนินเขาปกคลุมด้วยหญ้าเข้ากับทิวทัศน์งดงามทอดยาวไปตามแนวทะเล เป็น Art Museum ที่ดึงดูดใจให้น่าค้นหาตั้งแต่ทางเข้าเลยทีเดียว

การก่อสร้างอาคารเป็นโครงสร้างแบบไร้รอยต่อ มีช่องวงรี 2 ช่องขนาดใหญ่เพื่อให้เกิดการระบายอากาศ และแสงธรรมชาติที่ทอดผ่านเข้ามา เล่นกับประสาทสัมผัสของคน ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ มีแต่พื้นที่โปร่งโล่งให้เราได้รู้สึกสงบ ได้ใช้จินตนาการไปกับสถาปัตยกรรมแห่งนี้ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติโดยรอบ

หลังจากได้เดินชมสักพักรู้สึกว่าเป็นการเปิดโลกมาก ๆ ทั้งตัวอาคาร วิว หรือส่วนที่นำมาประดับตกแต่งล้วนผสมผสานกันได้อย่างมีเสน่ห์  แฝงความหมายไว้อย่างล้ำลึกและทรงพลัง ทุกอย่างล้วนมีนัยยะของการเล่าเรื่องราว อย่างการถ่ายทอดเชิงสัญลักษณ์ผ่านงานศิลปะที่เป็นน้ำหยดเล็ก ๆ จากรูขนาดเล็กมาก ๆ ซึ่งเจ้าหยดน้ำเหล่านี้ก็จะไหลไปแบบไม่มีทิศทางและไม่แน่นอน บางครั้งก็ไหลไปรวมกันจนเป็นแอ่ง เหมือนกำลังจะสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนของทุกสิ่ง แม้กระทั่งชีวิตของคนก็เช่นกัน ซึ่งส่วนนี้ห้ามถ่ายภาพเนื่องจากจะเป็นการรบกวนผู้อื่นและทำลายบรรยากาศ  เสียดายที่ด้านในเค้าห้ามถ่ายรูป แต่บอกเลยว่ามันดีมากควรค่าแก่การเสียเวลามาที่นี่สุด ๆ

จบจากงานศิลป์ ก็มาต่อกันที่ คาเฟ่ของมิวเซี่ยม ที่เต็มไปด้วยข้าวของดีไซน์เก๋ ๆ เป็นงานอาร์ตที่น่าเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก โซนคาเฟ่นี้สามารถถ่ายรูปได้ ใครที่เดินเสพงานศิลป์กันจนอิ่มใจแล้ว สามารถมานั่งจิบกาแฟท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติได้ 

มีที่นั่งให้เลือกทั้งด้านในและด้านนอก ซึ่งทางคาเฟ่ใส่ใจทุกรายละเอียดแม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะหรือที่นั่ง ก็ดีไซน์ออกมาได้ดูดีสมกับเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะจริง ๆ

007 เกาะ SHODOSHIMA

พักสายตาจากการชมงานศิลปะมานั่งกินลมชมวิวธรรมชาติที่เกาะ SHODOSHIMA หรือเกาะมะกอกกันบ้าง สามารถที่ชื่อนี้ก็เป็นเพราะต้นไม้ส่วนใหญ่บนเกาะเป็นต้นมะกอก ทำให้ทุกคนที่มาเกาะนี้จะได้ใกล้ชิดกับบรรยากาศธรรมชาติเป็นพิเศษ

หลังจากชมวิวแล้วนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาศาลเจ้าโทมิโอกะ ฮาชิมันได้อีกด้วย ศาลเจ้าเก่าแก่โบราณ ที่มีการใช้สีแดงตัดกับสีเขียว มีการออกแบบลวดลายลูกเล่นให้ดูอ่อนช้อยงดงาม เป็นสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่ยังคงถูกรักษาให้ดูสวยงามอยู่เสมอ เราสามารถแวะมาเยี่ยมชมความงดงาม สักการะขอพร รวมถึงถ่ายรูปเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกได้ด้วยเช่นกัน บรรยากาศโดยรอบร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวมากมายโอบล้อม ทำให้ระหว่างเดินชมไม่ต้องกลัวว่าจะรู้สึกร้อนจนเกินไป

มีจุดชมวิวยอดฮิตเป็นจุดชมวิวมุมสูง ซึ่งสามารถมองเห็นเกาะที่อยู่ใกล้ ๆ และเวิ้งน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา ใครที่ต้องการได้ภาพสวย ๆ ถ่ายให้ติดทั้งวิวและต้นไม้สีเขียวบนเกาะ แนะนำมุมบันไดเลย บันไดที่ทอดยาวเป็นทางลงไปใกล้ชิดกับริมน้ำ ถ้าเราเลือกมุมนั่งดี ๆ จะได้ภาพที่เป็นองศาพอดีกับเส้นนำสายตา โดยมีวิวข้าง ๆ เป็นต้นไม้สีเขียวและใบไม้เปลี่ยนสี มีวิวด้านหน้าเป็นทะเลกว้างใหญ่ และมีเกาะอยู่กลางทะเลพอดี

008 SHODOSHIMA OLIVE PARK

ถ้าถามว่าที่ไหนในญี่ปุ่นมีพื้นที่กว้าง ๆ บรรยากาศห้อมล้อมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ แถมมีเนินสูงที่ปกคลุมด้วยต้นหญ้านุ่ม ๆ ตัดกันกับท้องฟ้าสีสดใส ด้านล่างเป็นวิวผืนทะเลสวย ๆ แนะนำที่นี่เลย “Shodoshima OLIVE PARK” หรือที่เรียกว่าสวนสาธารณะโชโดะชิเมะ เต็มไปด้วยต้นมะกอกกว่า 2,000 ต้น เป็นแหล่งบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจ ให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับมะกอกตามจุดเช็กอินต่าง ๆ

ใครที่กระโดดถ่ายรูปท่าขี่ไม้กวาดจนเหนื่อยแล้ว ก็มานั่งพักหลบร้อนให้ลมโกรกพัดเย็น ๆ ที่ใต้ต้นมะกอกได้ บรรยากาศแบบนี้ให้ฟีลเหมือนได้มาปิคนิคเบา ๆ รู้สึกสงบและได้พักผ่อนเต็มที่ ยิ่งเป็นคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ ต้นไม้เขียว ๆ ทะเล และท้องฟ้า ลองแวะมาเที่ยวชมสวนมะกอกแห่งนี้ได้เลย

009  ร้าน HONETSUKI DORI IKKAKU TAKAMATSU 

มาพักเบรกกับอาหารขึ้นชื่อของจังหวัด KAGAWA กันบ้าง กับเมนูไก่ติดกระดูก หรือโฮเนะสึกิโดริของร้าน HONETSUKI DORI IKKAKU TAKAMATSU กัน ร้านนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นร้านยอดฮิตของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าใครมาเยือนจังหวัดนี้ ก็มักจะแวะมาชิมเจ้าไก่ติดกระดูกนี้เสมอ

เมนูนี้ทำจากขาไก่ชิ้นโตหมักด้วยเครื่องเทศมาเป็นอย่างดี มีรสชาติเค็มนิด ๆ เผ็ดหน่อย ๆ ทุกคำที่กัดจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเนื้อไก่และความฉ่ำ น้ำจากตัวไก่ที่ไหลออกมามีรสชาติเข้มข้นผสมกลิ่นหอมอ่อน ๆ กระตุ้นการอยากอาหารได้เป็นอย่างดี นอกจากเมนูไก่ขึ้นชื่อประจำร้านแล้ว ยังมีเมนูอื่น ๆ อีกมากมายไว้บริการ 

แนะนำว่ามาแวะร้านนี้ต้องสั่งเจ้าขาไก่ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยสั่งเครื่องดื่มเย็น ๆ มาสักแก้วไว้ดื่มตบท้าย บอกได้คำเดียวว่าฟินซะจนหายเหนื่อยไปเลย

ใครที่มากินไก่ร้านนี้ แนะนำให้ลองกินแบบเอามือจับกระดูกแล้วยกทั้งชิ้นขึ้นมากัดคำโต ๆ แทนที่จะหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เราจะได้ลิ้มรสเนื้อไก่แบบเต็มปากเต็มคำ ซึ่งทางร้านก็มีไก่ให้เลือกสองแบบ คือแบบเนื้อนุ่ม และแบบเนื้อเหนียวหนึบสู้ฟัน ใครชอบกินไก่ทอด หรือไก่ย่างแกล้มกับเครื่องดื่มเย็น ๆ ต้องร้านนี้เท่านั้น

010  SABI 

ใครมาเมือง Kagawa แล้วอยากหาที่แวะดื่มชาชิล ๆ แนะนำร้าน Sabi เลยครับ ร้านนี้ก็ดูผิวเผินก็เหมือนร้านขายชา กาแฟ ทั่วไปที่หาได้ในหลาย ๆ เมือง แต่มีความพิเศษตรงที่มีคุณภาพของชาที่ถูกปรับปรุงและพัฒนาสูตรใหม่เสมอ ทำให้ได้ชาที่มีความเข้มข้นพร้อมกับความหอมกรุ่นจากชาแท้ ๆ ไม่ว่าจะเป็น Sensha Tea, Roasted Tea และชาชนิดอื่น ๆ ที่มีให้เราได้เลือกอีกมากมาย

เมนูที่อยากแนะนำให้ทุกคนลองก็คือ Matcha Cider หลายคนคงสงสัยว่ารสชาติจะไปด้วยกันได้ไหม? คำตอบก็คือเข้ากันได้เป็นอย่างดี ทางร้านใส่ใจพิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนการบดชาเขียวในปริมาณที่ตวงวัดมาอย่างดี เลือกใช้ Cider สูตรเฉพาะทางร้าน มาผสมรวมกัน เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง ให้เป็นเมนูเย็นชื่นใจ จากการได้ลองครั้งแรกต้องบอกเลยว่ารสชาติของชาเขียวนั้นไม่ขมเลย กลับมีความหอมอ่อน ๆ ให้เราได้เข้าถึงรสชาติต้นตำรับชาเขียวชัดเจน ส่วน Cider ที่ใส่มาไม่เปรี้ยวจนเกินไป ให้ความสดชื่นของผลไม้กำลังดี

ส่วนอีกเมนูอย่าง Matcha Latte สีสันสวยงามเอาใจสายถ่ายรูป มีกิมมิคเล็ก ๆ ตั้งแต่การวาง Layer ของชาเขียวและนม ที่แบ่งชั้นกันได้เนียนมาก ๆ ส่วนรสชาติของชาแน่นอนว่าเข้มข้นถึงใจไม่แพ้กัน ด้วยการใส่ใจในทุกขั้นตอนเป็นอย่างดี จึง ทำให้ชาเขียวลาเต้แก้วนี้อาจกลายเป็นเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คน รับรองว่ากลับไทยไปแล้วจะต้องนึกถึง จนรีบหามัจฉะลาเต้สักแก้วมาดื่มเลยทีเดียว

ทริปนี้หวังว่าคงจะโดนใจสายอาร์ตแบบสุด ๆ อย่างที่บอกไปครับว่าการมาเกาะ KAGAWA นั้นง่ายนิดเดียว เพราะเราสามารถบินตรงกับเส้นทางใหม่ที่สายการบินเวียตเจ็ทแอร์เปิดเพิ่ม บินถึงโอซาก้าได้แบบชิล ๆ นอกจากจะสะดวกสบายแล้ว ยังประหยัดเวลามาก ๆ ใครที่อยู่เชียงใหม่ไม่ต้องลำบากบินมาเริ่มจากในกรุงเทพฯเลย สามารถนั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่แถมใช้เวลาไม่นานก็เดินทางถึงโอซาก้าประเทศญี่ปุ่นแล้ว ใครแพลนทริปเที่ยวโอซาก้าไว้ช่วงนี้ แนะนำให้รีบจองตั๋วด่วนแล้วตามมากันได้เลย!

,

Leave a Reply

Your email address will not be published.