4 Days Summer in OSAKA 2023

4 Days Summer in OSAKA 2023

โอซาก้าหน้าร้อน 4 วัน 3 คืนกับ 10 โลเคชั่นที่จะทำให้คุณหลงรักประเทศนี้มากกว่าเดิม!

ใครว่าญี่ปุ่นช่วงซัมเมอร์ไม่น่าเที่ยว บอกได้คำเดียวว่าพลาดมาก ถ้ายังไม่เคยมาเห็นความสวยงามของภูมิภาคคันไซกับตาและวันนี้เราจะชวนทุกคนมาเช็กอินกับโลเคชั่นสุดปังมากมายพร้อมกับสัมผัสความฟินในช่วงหน้าร้อน เริ่มตั้งแต่ตะลุยกินอาหารขึ้นชื่อย่านโดทงโบริ จิบกาแฟที่คาเฟ่เก๋ ๆ พร้อมกับปลดปล่อยความสนุกให้มันสุดเหวี่ยงที่ UNIVERSAL ต่อด้วยการเดินเล่นชมความน่ารักของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ในโลกใต้ทะเล เป็นทริปที่เต็มที่ทั้งการกิน การทำกิจกรรมสนุก ๆ และการพักผ่อนสุดชิลได้แบบครบทุกรูปแบบเลย

แน่นอนว่ามาเช็กอินที่เที่ยวได้จุใจขนาดนี้ ก็ต้องมีตัวช่วยดี ๆ ที่ให้เราสามารถจุของใส่กระเป๋าได้อย่างเต็มที่และการ ไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ เราใช้กระเป๋ารุ่น BEAMIX ขนาด 20 นิ้ว ใบสีขาวสุดมินิมอล แต่พิเศษกว่ากระเป๋าน่ารัก ๆ ทั่วไปตรงที่มีระบบล้อกันสะเทือน คลายล็อคด้วยลายนิ้วมือและรหัส TSA สุดล้ำ ดีไซน์สุดทันสมัยด้วยโลโก้เรืองแสงกับแท็กส่วนบุคคล  ทำให้หมดกังวล ไม่ต้องกลัวว่าจะหากระเป๋าไม่เจอเลย 

แน่นอนว่ามาเช็กอินที่เที่ยวได้จุใจขนาดนี้ ก็ต้องมีตัวช่วยดี ๆ ที่ให้เราสามารถจุของใส่กระเป๋าได้อย่างเต็มที่ ไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ เราใช้กระเป๋า Samsonite รุ่น BEAMIX ขนาด 20 นิ้ว ใบสีขาวสุดมินิมอล แต่พิเศษกว่ากระเป๋าน่ารัก ๆ ทั่วไปตรงที่มีระบบล้อกันสะเทือน และมือจับคันชักคู่ ทำให้กระเป๋าดูทนทานแข็งแรง แถมมี Fingerprint Lock เป็นการคลายล็อคด้วยลายนิ้วมือและรหัส TSA ล้ำมาก ๆ เพิ่มการรักษาความปลอดภัยด้วยซิปป้องกันการโจรกรรมพร้อมตัวดึงซิบแม่เหล็ก หมดห่วงเวลาเดินทางไกลหรือไปต่างประเทศ และดีไซน์สุดทันสมัยด้วยโลโก้เรืองแสงกับแท็กส่วนบุคคล  ทำให้หมดกังวล ไม่ต้องกลัวว่าจะหากระเป๋าไม่เจอเลย

แต่ที่ชอบสุด ๆ เรียกว่าเป็นกระเป๋าที่พัฒนามาเพื่อเอาใจสายของเยอะ กับช่องสัมภาระที่สามารถขยายเพิ่มความจุได้ มีช่องเก็บของที่แบ่งไว้ให้ทั้งสองด้านกับที่กั้นสัมภาระที่สามารถถอดออกได้ มาพร้อมสายรัดสัมภาระแบบไขว้และซับในผ้าแจ๊คการ์ด แถมยังมีช่องด้านบนไว้สำหรับเก็บสิ่งของอื่น ๆ ได้อีกด้วย ยิ่งใครเดินทางหลายวันอาจมีผ้าชื้นหรือสกปรก เจ้า BEAMIX ก็มีกระเป๋าตาข่ายด้านในไว้เก็บเสื้อผ้าเหล่านี้แยกไว้ต่างหาก เป็นกระเป๋าเดินทางที่ภายนอกดูดี แล้วก็ใช้งานสะดวกมาก ๆ

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.samsonite.co.th/th/samsonite/beamix/กระเป๋าเดินทางขนาด-26-นิ้ว-ขยายได้/ss-147131-1041.html

กระเป๋าพร้อม คนพร้อม เตรียมตัวออกเดินทางได้ ใครอ่านแล้วอยากรีบตามมา ก็อย่ามัวช้า หลังอ่านจบรีบตามมาเช็กอินโอซาก้ากันได้เลย!  

Day 1

001 Bluepearpie Cafe

วันแรกขอเปิดทริปชิลล์ ๆ ด้วยคาเฟ่สุดชิคที่จะทำให้ไอจีสตอรี่เราปังแบบรัว ๆ กับร้าน Bluepearpie Cafe ที่บอกเลยว่านอกจากการตกแต่งสไตล์ร้านได้น่ารักมากแล้ว ตัวเมนูเครื่องดื่มและขนมก็ดูดีเหมาะแก่การเติมพลังเช้าวันแรกที่ญี่ปุ่นสุด ๆ แถมร้านนี้ยังมีการบริการออเดอร์และการเสิร์ฟที่เก๋ ๆ อีกด้วย ใครที่อยากทำตัวเป็นสายคาเฟ่ฮอปเปอร์ต้องลิสต์ร้านนี้ให้มีอยู่ในแพลนแล้วนะ

Bluepearpie Cafe ตัวร้านจะตกแต่งด้วยโทนขาว ดำ มีที่นั่งเรียงรายมากมาย แต่เห็นแบบนี้ถ้ามาช่วงวันหยุดคือคนเต็มจนต่อแถวเลยนะ กิมมิคน่ารัก ๆ ของที่นี่คือการบริการตัวเองทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่สั่งออเดอร์ผ่านทาง Instagram รับเมนูในช่อง Pickup และบริการน้ำเปล่าแบบมินิมอล ยิ่งกว่านั้นบรรยากาศก็ดูดี มีมุมถ่ายรูปยิบย่อยให้เอาไว้เก็บความทรงจำกันเล็กน้อย โดยรวมคือร้านน่ารักเหมาะแก่การหาเวลามานั่งชิลล์ พักผ่อนกับกาแฟดี ๆ เลยแหละ

อยากจะบอกว่าตัวร้านว่าดูดีแล้ว เมนูของเค้ายิ่งดีกว่าเพราะตัวกาแฟแต่ละเมนูไม่ว่าจะเป็นกาแฟดำ กาแฟนมก็มีรสชาติที่หอมละมุน แถมไฮไลต์คือตัวขนมอย่าง Strawberry Cream Pie ที่ตัววิปครีมคือฟินคือดีมาก สอดไส้ด้วยสตรอว์เบอร์รีลูกโต ๆ ทานคู่กับตัวพายที่กรอบคืออร่อยมาก นอกจากนั้นยังมีเมนูเอาใจคนรักช็อกโกแลตอย่างเมนู Tiramisu Pie ที่บอกเลยว่าพวกแกจะต้องฟินกับทุกเมนูในร้านนี้กัน

002  OSAKA พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ไคยูกัง  

พักจากเรื่องของกิน แล้วมาชมความน่ารักของสัตว์โลกใต้ทะเลกันดูบ้าง โดยเฉพาะดาวเด่นประจำพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ไคยูกัง อย่างน้อนอุ๋ง ที่เป็นแมวน้ำลายจุดตัวอวบอ้วนสุดน่ารัก แหวกว่ายไปมา โผล่หน้ามาทักทายนักท่องเที่ยวผ่านช่องกระจกด้านบน มีลักษณะเป็นอุโมงค์ให้เราเดินลอดผ่านและยืนชมความน่ารักของบรรดาน้อน ๆ ได้อีกด้วย ส่วนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ไคยูกัง ก็อยู่ในโซนเมือง เดินทางโดยรถไฟสาย ๆ ก็สามารถมาถึงเลย แนะนำช่วงเย็น ๆ คนจะไม่เยอะมาก

ตลอดเส้นทาง เราจะเห็นโลกใต้ทะเลสุดอลังการ ผ่านแผ่นกระจกกั้นที่เปรียบเสมือนเราได้เข้าไปอยู่ใต้ท้องทะเลยังไงอย่างงั้น มองเห็นทั้งฉลามตัวใหญ่ ปลากระเบนที่แสดงสีหน้าเหมือนยิ้มให้นักท่องเที่ยวตลอดเวลา รวมไปถึงเจ้าปลาตัวเล็กตัวน้อย เป็นภาพน่ารัก ๆ ของเหล่าสัตว์ใต้ทะเล ที่เหมือนกำลังออดอ้อนหยอกล้อให้เรานั่งชมซะจนแทบลืมเวลากันไปเลย

อีกหนึ่งเสน่ห์ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ คือการตกแต่งบรรยากาศรอบ ๆ ด้วยไฟสีโทนน้ำเงินหรือฟ้าคราม สร้างบรรยากาศลึกลับน่าค้นหา ให้เรารู้สึกเหมือนกำลังด่ำดิ่งลงไปท่องโลกใต้ทะเล เหมาะกับการถ่ายรูปเช็กอินเก๋ ๆ ให้มีรูปสวย ๆ เลยแหละ

นอกจากโซนชมสัตว์น้ำหลากหลายสายพันธุ์แล้ว ยังมีโซนป่าญี่ปุ่น ที่มีสัตว์โลกชนิดอื่น ๆ ให้เราได้ชมอีกด้วย เป็นการจำลองระบบนิเวศของสัตว์ในประเทศญี่ปุ่นที่คุ้มค่ากับการมาเยือน ได้รับทั้งความรู้ แถมยังใจฟูกับความน่ารักของเหล่าน้อน ๆ คนรักสัตว์ต้องห้ามพลาดที่นี่เลย

003 Dontonbori


เตรียมท้องให้โล่งเข้าไว้เพราะเย็นนี้เราจะตะลุยชิมอาหารขึ้นชื่อกันที่ย่าน “Dontonbori” ใจกลางเมืองโอซากับถนนเส้นเลียบคลองที่มีอายุมากกว่า 300 ปี โดยนี่ที่เราให้นิยามเปรียบเหมือนสวรรค์ของคนที่รักในการกินเลยเพราะตลอดสองข้างทางเราจะพบกับร้านอาหารทุกซอกทุกมุมและผู้คนที่มาเที่ยวกันแบบคึกคักพร้อมกับเสน่ห์ของความเป็นญี่ปุ่นที่ไม่ว่าจะทำเมนูอะไร ๆ มันก็ดูน่ากิน น่าลองสั่งไปหมด ส่วนไฮไลต์ความน่ารักของย่านนี้ที่ใคร ๆ ก็ต้องมาเยือนกันคือป้ายโกลิโกะสุดคิ้วท์ที่มาแล้วอย่าลืมมาทำท่าเก๋ ๆ ถ่ายรูปคู่กับป้ายนี้กันนะ

Takoyaki Juhachiban Dotonbori 

และหนึ่งในเมนูไฮไลต์ย่าน Dontonbori ขอมอบให้กับทาโกะยากิที่ถือว่าเป็นอาหารจานด่วนยอดฮิตของย่านโดทงโบริเลยก็ไม่ผิดเพราะเราจะได้เห็นหลากหลายร้านที่ตั้งเรียงรายกัน แต่ที่สะดุดตาสุดคือร้าน Takoyaki Juhachiban Dotonbori ที่มีคนต่อคิวยาวจนเป็นหางงูและป้ายโลโก้เป็นทาโกะยากิลูกโต ๆ ติดอยู่หน้าร้าน 

โดยความพิเศษของที่นี่ตัวแป้งจะให้สัมผัสกรอบนอก นุ่มใน ไส้ปลาหมึกเค้าก็ใส่แบบไม่งกเครื่อง สัมผัสได้ถึงเนื้อหวาน ๆ ตัดเลี้ยนด้วยซอสมายองเนสและซอสโอโคโนมิยากิโรยหน้าด้วยปลาแห้ง เอาเป็นว่าจะ 6 ชิ้นหรือ 10 ชิ้นก็ไม่มีเหลือแน่นอน

Osaka Ohsho

อีกหนึ่งเมนูยอดฮิตไม่แพ้ทาโกะยากิมอบยกความดีความชอบให้กับเกี๊ยวซ่าที่อัดแน่นด้วยไส้หมูคำโต ๆ และร้านนี้คือเจ้าดังที่มีโลโก้เด่นสะดุดพาทุกคนที่เดินผ่านไปมาแน่นอน ด้วยความที่ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1969 ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็นราชาของเกี๊ยวซ่าแห่งย่านโอซาก้าแห่งนี้!

ตัวเกี๊ยวที่มีขนาดพอดีคำที่มาพร้อมกับกลิ่นหอม ๆ ของกระเทียม ลอยเตะจมูกชวนให้ต้องแวะมาลิ้มลองกัน ความพิเศษของที่นี่ตัวแป้งด้านนอกจะถูกอบให้ร้อนกรอบ แต่ใส้ด้านในยังชุ่มฉ่ำ ตัวเนื้อหมูที่ให้สัมผัสนุ่ม ๆ ผสมผสานกับความหวานของกะหล่ำปีได้อย่างลงตัว สามารถสั่งแบบเป็นกล่อง 6 ชิ้นราคา 260 มายืนทานหน้าร้านกันได้เลย

Daiou Cheese Jyu-en-pan 

อีกร้านที่อยากแนะนำเพราะเป็นเมนูไวรัลทั่วญี่ปุ่นกับชีสยืดเหรียญสิบเย็นที่น่ารัก น่าลอง ตัวแป้งข้างนอกจะกรอบและหอมมาก แต่ไฮไลต์คือตัวชีสที่ยืดได้แบบสุดแขน แนะนำคือมาช่วงมืด ๆ คนจะไม่เยอะมากเท่าไหร่ แต่ถ้ามากลางวันเห็นคิวแล้วอย่างเพิ่งตกใจ ถึงแถวจะยาวแต่บอกเลยว่าเค้าจัดการคิวได้ไวมาก

Day 2

004  UNIVERSAL JAPAN


เที่ยวในเมืองแบบชิลล์ ๆ ไปแล้ว วันนี้พวกเราขอย้อนวัยแล้วไปสนุกเต็มวันกับ UNIVERSAL JAPAN ที่แค่ได้ยินชื่อหลาย ๆ คนถึงกับต้องร้องว้าว งอแงอยากไปกันให้ได้ เพราะสวนสนุกแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เติมเต็มความฝันในวัยเด็กของใครหลายคนเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมเมอร์หรือเหล่านักอ่านที่ต้องการเติมเต็มความฝันและจินตนาการของตนเองด้วยการมาสัมผัสของจริงให้เห็นด้วยตาซักครั้ง เป็นจุดเช็กอินที่สามารถอยู่ได้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกอยากรีบออกไปไหนเลย

ส่วนใครอยากเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นแบบสะดวกสบายไม่ต้องแพลนเองให้เหนื่อย เราขอแนะนำทัวร์ของ Unithai Trip แหล่งรวมทริปดี ๆ ที่มีให้เราเลือกเส้นทางทริปญี่ปุ่นและหลากหลายประเทศ ตอบโจทย์คนที่อยากมาสัมผัสความฟินของประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่อยากเหนื่อยในการเที่ยวเอง

สามารถดูรายละเอียดทริปต่าง ๆ ได้ที่ : www.unithaitravel.com

เริ่มต้นกันที่โซนใหม่กันก่อน กับโซน Super Nintendo World ที่เพิ่งเปิดใหม่ โซนนี้ได้รับความนิยมสุด ๆ เพราะในยุคที่ Nintendo เปิดตัว Portable เครื่องแรก ในนาม Game & Watch และแรงไม่หยุดด้วย Famicom ต่อด้วย Gameboy ซึ่งก็มีเกมแม่เหล็กอย่าง Mario The Series และเกมอื่น ๆ ที่พัฒนาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จึงทำให้แฟน ๆ เรียกโซนนี้ได้ว่าเป็นดินแดนในฝันเลยก็ว่าได้

นอกจากโซนเครื่องเล่นที่น่ารัก ละมุนใจมากมายแล้ว ที่นี่เค้ายังมีสินค้าต่าง ๆ เอาใจแฟนคลับอีกด้วย เรียกได้ว่าใครเป็นแฟนตัวยง Mario The Series เมื่อเข้ามาที่นี่แล้วเตรียมใจเตรียมเงินให้พร้อมเลยเพราะไม่ว่าคุณจะเดินไปทางไหนก็มีเรื่องให้เราได้เสียเงินแน่นอน

มาต่อกันที่โซนของ Harry Potter ที่ต้องบอกเลยว่าเหมาะกับทุกเพศทุกวัยจริง ๆ เป็นพื้นที่เติมเต็มจินตนาการของทุกคนได้ดีสุด ๆ ซีนต่าง ๆ ที่เราต่างเห็นกันในหนัง ไม่ว่าจะเป็นเจ้ารถฟอร์ดแองเกลียที่รอน และ แฮร์รี่ขับไป Hogwarts และเกิดเสียขึ้นมากระทันหันจนพุ่งเข้าหาต้นวิลโล่จอมหวดก็ทำได้เหมือน ฟีลแบบเราได้เข้ามาอยู่ในโรงเวทมนต์จริง ๆ เลยแหละ

รถที่แฮร์รี่ขับไป Hogwarts และเกิดเสียขึ้นมากระทันหันจนพุ่งเข้าหาต้นวิลโล่จอมหวด

ตัวปราสาท Hogwarts ที่มองดูแล้วงดงามด้วยรายละเอียดของสถาปัตยกรรมและสิ่งแวดล้อมโดย ที่เหมือนอย่างในหนังและนิยายที่เราเคยอ่านกันมา มีรถไฟ Hogwarts Express ที่พาเหล่านักเรียนมายังที่แห่งนี้ หรือแม้แต่ Hogmeade ที่ทางสวนสนุกได้จำลองเมืองให้ดูสมจริง มีร้านค้าที่สามารถเดินเยี่ยมชมและหาซื้อของที่ระลึกได้ โดยเฉพาะไม้กายสิทธิ์ที่มีรูปทรงตามต้นฉบับ ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าจะตรงกับของใคร หากมาเที่ยวญี่ปุ่น แล้วแวะที่ UNIVERSAL JAPAN

นอกจากนี้ก็มียังโซนเจ้าตัวเหลืองสุดน่ารักที่เราเรียกกันว่า มินเนี่ยน ให้ได้ถ่ายรูปและสนุกกับเครื่องเล่นต่าง ๆ อีกด้วย ใครที่เข้ามาในโซนนี้เตรียมตัวร้องเพลง บ่า ๆ ๆ ๆ ๆ บ่าหน่าหน่า รอไว้ได้เลย

ความน่ารักทุกหมดที่เราพูดไปยังไม่ถึงครึ่งของสวนสนุกนี้เลยเพราะนอกจากโซนหลัก ๆ แล้วยังมีเครื่องเล่นที่ทั้งสนุก หวาดเสียว ให้เราได้ลองกันมากมาย แนะนำถ้าอยากจะเก็บให้ครบคือต้องมารอตั้งแต่ประตูยังไม่เปิดเลย ส่วนอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ต้องห้ามพลาดกันคือลิ้มลองเมนูต่าง ๆ ตามโซนที่เราไปเช่น Butterbeer คราฟต์เบียร์จากโลกเวทมนตร์ ซาลาเปาของเจ้ามินเนี่ยน หรือ น้ำอัดลมของเจ้า Snoopy ที่ไม่ว่าจะเป็นตัวไหนก็น่ารัก น่าทาน น่าถ่ายรูปเก็บไว้หมดเลย

005 Blue Bottle Coffee Umeda Chayamachi Cafe

หลังจากเติมพลังใจด้วยการเที่ยว UNIVERSAL มาเกือบทั้งวันแล้ว ก็ขอพาตัวเองมาทานมื้อเย็นและกาแฟเบา ๆ กันที่ร้านคาเฟ่ชื่อดังจากอเมริกาที่ย่านสุดฮิตอย่าง Umeda กันต่อ โดยร้านนี้มีทั้งหมด 2 ชั้น ตกแต่งได้ดูดีจนเกือบนึกว่าเป็นมิวเซียมยังไงอย่างงั้น โซนด้านล่างจะเป็นพื้นที่ขายสินค้าต่าง ๆ รวมถึงออเดอร์เมนูอาหาร ส่วนชั้นบนจะมีที่นั่งค่อนข้างเยอะและมีมุมไฮไลต์ที่เราสามารถนั่งมองรถไฟสายต่าง ๆ แล่นผ่านไปผ่านมาได้อีกด้วย

อยากจะบอกว่าเมนูเครื่องดื่มและอาหารของเค้าไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ตัวกาแฟทั้งอเมริกาโน่หรือลาเต้รสชาติคือหอม ละมุนมากจริง ๆ ส่วนเมนูสลัดราดซอสถั่งเหลืองที่มีไฮไลต์คือตัว Cfoffle ที่กรอบนอก นุ่มใน ทานคู่กับผักต่าง ๆ คือมื้อเย็นที่ฟินไม่แพ้ข้าวหน้าปลาดิบต่าง ๆ เลยแหละ

006  TEAMLAB  BOTANICAL GARDENS OSAKA

คืนนี้เราขอเอาใจคนรักงานศิลปะกับนิทรรศการของประเทศญี่ปุ่น ที่โด่งดังจนนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้ความสนใจเป็นพิเศษจนต้องแวะมาเยือน นั่นก็คือนิทรรศการ TEAMLAB  BOTANICAL GARDENS OSAKA ที่เนรมิตสวนพฤกษศาสตร์ ให้กลายเป็นพื้นที่จัดแสดงศิลปะกลางแจ้งขนาดใหญ่ ซึ่งจัดแสดงไฟ และเปิดให้ชมได้ในช่วงกลางคืนเท่านั้น

ความยิ่งใหญ่อลังการของการจัดแสดงไฟในประเทศญี่ปุ่น ต้องยอมรับว่ามีความสวยงามไม่แพ้ประเทศไหน ๆ มีแนวคิดสื่อถึงชีวิตมนุษย์ ที่มีความเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังให้ข้อคิดดี ๆ ในการใช้ชีวิตได้อีกด้วย

เสน่ห์ของการจัดนิทรรศการแห่งนี้ คือการนำเอาสภาพแวดล้อมธรรมชาติโดยรอบ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้น้อยใหญ่ ก้อนหิน และทะเลสาบล้วนแล้วแต่เป็นการผสมผสานกันออกมาได้อย่างสวยงามลงตัว

ใครอยากมาสัมผัสประสบการณ์การเสพงานศิลปะใหม่ ๆ หรืออยากมาถ่ายรูปสวย ๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกต้องมาเยี่ยมชมสักครั้ง แล้วจะได้รูปสวย ๆ พร้อมกับแรงบันดาลใจดี ๆ กลับไปแน่นอน

Day 3

007  KOBE ÁTOA

เช้าวันนี้เราขอพาทุกคนนั่งรถไฟออกมายังเมือง Kobe ที่ไม่ไกลจาก Osaka กันสักหน่อย เพราะที่นี่มีพิพิธภัณฑ์สุดอาร์ตเอาใจคนรักงานศิลปะ ต้องหลงรักที่นี่กับ ÁTOA พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มาในตรีมเปลี่ยนอควาเรียมธรรมดา ให้กลายเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะที่มีชีวิต ผ่านตู้ปลาหลากหลายสายพันธุ์ ถูกดีไซน์ในสไตล์ญี่ปุ่น ใช้เทคโนโลยี แสง สี เสียง สร้างสีสันและบรรยากาศภายในให้เต็มไปด้วยความสวยงาม น่าหลงใหล ไม่ว่าใครที่มาก็ต้องหมดเวลาไปกับการเดินชมความมหัศจรรย์นี้

ไม่เพียงแค่ชมความสวยงามของเจ้าปลาเท่านั้น ตู้ปลาแต่ละจุดเช็กอิน ก็มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกัน ถูกจัดตั้งและออกแบบให้มีความเก๋ ดูดี มีสไตล์แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะจุดเช็กอินถ่ายรูปยอดฮิตของนักท่องเที่ยว นั่นคือโซน Planets ซึ่งเป็นโซนตู้ปลาทรงกลมขนาดยักษ์ ที่มีเหล่าฝูงปลาหลากหลายชนิด ว่ายน้ำโชว์ตัวให้นักท่องเที่ยวได้ชมพร้อมทั้งยังมีโชว์แสง สี เสียง บริเวณตู้นี้อีกด้วย เรียกว่าเป็นไฮไลต์ที่ใครมาที่นี่ ต้องมานั่งเสพบรรยากาศบริเวณกันทั้งนั้น

นอกจากนี้ยังมีโซนที่น่าประทับใจและน่าตื่นเต้นไม่แพ้โซนอื่น ๆ นั่นก็คือโซนจัดแสดงแสงและเงา เป็นจุดเช็กอินที่สะท้อนความเป็นญี่ปุ่นได้ดีสุด ๆ มีการจัดแสดงแสงไฟหลายดวง สลับเปลี่ยนสีไปเรื่อย ๆ สื่อถึงความงดงามของแต่ละฤดูกาลในญี่ปุ่น พื้นด้านล่างเป็นตู้ปลาทองที่กำลังแหวกว่ายเข้ากันดีกับจังหวะเพลงและแสงไฟ ที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา

ความดีงามของที่นี่ยังไม่หมดเท่านั้น ภายนอกอาคารจะมีโซนของเหล่าสัตว์น่ารัก ๆ อยู่เต็มไปหมด ใครมีเวลาคืออยู่ที่นี่ได้เกือบทั้งวันแบบเราเลยก็ได้นะ รับรองว่ามันทั้งดี ทั้งเพลิน ถ่ายรูปสนุกพร้อมกับยังมีโซนร้านอาหารและบาร์ให้เราได้เอ็นจอยกันได้แบบทั้งวันเลย

เครื่องดื่ม ขนม อาหารที่นี่ก็ทำได้น่ารักที่สุดดดด

008 CHINA TOWN

ก่อนจะกลับโอซาก้าพวกเราก็ขอแวะหาอะไรทานมื้อเย็นกับย่านที่ของกินเยอะมากแบบไชน่าทาวน์ ที่หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศร้านอาหารญี่ปุ่น มาบุกตะลุยร้านสตรีทฟู้ดดูบ้าง ไชน่าทาวน์ในเมืองโกเบ ก็ตอบโจทย์สายกินอย่างเรามากกับร้านค้าที่เรียงรายมากมายตลอดซอกซอย

นักท่องเที่ยวมากมายเดินในตรอกซอย ป้ายร้านค้าต่าง ๆ ที่เป็นภาษาจีน ชวนให้นึกถึงเยาวราช แต่แตกต่างตรงที่อาหาร ไม่ได้มีแค่อาหารสไตล์จีนเท่านั้น แต่ยังมีอาหารสไตล์ญี่ปุ่น กับวัตถุดิบขึ้นชื่อของเมืองโกเบอย่าเนื้อโกเบให้เราได้ลองกันอีกด้วย

ใครที่ไม่อยากแวะร้านอาหาร แต่อยากเดินซื้อของกินไปเรื่อย ๆ ไม่เน้นขนาดมาก แต่เน้นจำนวน เพราะแต่ละร้านที่เดินผ่านมีอาหารหน้าตาน่ารับประทานยั่วยวนใจเต็มไปหมดจนแทบเลือกไม่ถูก มีครบหมดทั้งของคาว ของหวาน ไปจนถึงของฝากและของที่ระลึก แต่ประทับใจสุด ๆ ก็ตรงของกินนี่แหละ ที่มีให้ลองแม้กระทั่งเป็ดปักกิ่ง ของย่านนี้จะไม่ได้เสิร์ฟกันมาเป็นจาน แต่จะห่อมาให้เป็นชิ้น เดินถือกินง่าย ไม่ต้องกลัวเลอะ ในราคาย่อมเยา ใครชอบเดินหาของกินชิล ๆ แบบไม่ต้องวางแผนอะไรมาก ต้องมาแวะเช็กอินสักครั้ง

Day 4

009 ขบวนรถไฟ TAMA DENSHA 

วันนี้สุดท้ายก่อนจะกลับสำหรับใครที่ไปเที่ยวเมืองวากายามะ อยากจะขอแนะนำทริปครึ่งวันเพื่อพาทุกคนไปรู้จักกับความน่ารักของ Tama Densha ขบวนรถไฟสายแมวที่บอกเลยว่าทาสแมวไปแล้วจะต้องรู้สึกว่าไม่อยากกลับแบบเราเพราะความน่ารักตั้งแต่สถานี ตัวขบวน คาเฟ่และนายสถานี เอาเป็นว่าทาสแมวต้องหาเวลามาที่นี่กันสักครั้ง!

รถไฟขบวนนี้ตกแต่งภายนอกเป็นสีขาว มีกิมมิคเป็นหนวดและหูของเจ้าแมว ส่วนภายในตกแต่งให้ดูเหมือนบ้าน แลดูอบอุ่น เป็นบรรยากาศที่เหมาะกับการชมวิวตลอดสองข้างทาง เริ่มต้นตั้งแต่สถานี Wakayama Station ไปยังสุดสายที่ Kishi Station เลย

ซึ่งรถไฟขบวนนี้จะพาเราไปหยุดตรงที่สถานีปลายทางเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทักทายนายสถานีทามะ เจ้าทามะตัวปัจจุบันได้สืบทอดตำแหน่งนายสถานีมาจากรุ่นก่อน เป็นการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ต่างเฝ้ารอ ได้มีโอกาสพบกับนายสถานีสุดน่ารัก

เมื่อเข้ามาด้านในสถานี เราจะเห็นการจัดทำสถานีให้เหมือนกับพิพิธภัณฑ์ มีการบอกเล่าเรื่องราวผ่านรูปเก่า ๆ มีการติดภาพในพื้นที่รอบ ๆ เป็นเจ้าแมวทามะในท่าทางต่าง ๆ รวมทั้งยังมีศาลเจ้าและร้านค้าต่าง ๆ บริเวณสถานีนี้อีกด้วย

010 Tama Cafe

ภายในสถานียังมีคาเฟ่น่ารัก ๆ ให้คอกาแฟและสายหวานได้ฟินกันแบบเต็มที่ ไฮไลต์อยู่ตรงที่ขนมบางชิ้นมีการคงคอนเซปต์ตกแต่งออกมาให้กลายเป็นรูปแมวในบางเมนูด้วย เช่น โกโก้ร้อนที่มีฟองนมเป็นลายเท้าแมว และยังมีของที่ระลึกในตรีมน้องแมวให้เหล่าทาสแมวได้ซื้อกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย

การเดินทางไปญี่ปุ่นของเราในครั้งนี้บอกเลยว่าคุ้มค่ามาก เป็นทริปโอซาก้าในช่วงซัมเมอร์ที่ฟินสุด ๆ ตั้งแต่เรื่องกิน กิจกรรมสุดสนุกสนาน และสถานที่พักผ่อนชิล ๆ รวมถึงเรายังได้ชมผลงานศิลปะต่าง ๆ ผ่านมิวเซียมสุดชิคและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ฮีลใจเราได้สุด ๆ และทริปนี้ได้ของฝากน่ารัก ๆ กลับมามากมาย ต้องยกเครดิตให้กระเป๋าเดินทางรุ่น BEAMIX 20 ที่จุของได้เยอะ ดีไซน์ดูเก๋ ทันสมัย มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม ด้วยลายนิ้วมือและการใส่รหัส ที่ถูกใจสุด ๆ คือซิปป้องกันการโจรกรรม เรียกว่าเข้าใจนักเดินทางอย่างเรา เป็นกระเป๋าที่ตอบโจทย์สายเที่ยวจริง ๆ มีกระเป๋าเดินทางสุดเท่ใช้กันแล้ว ก็อย่าลืมจองตั๋วแล้วตามมาเที่ยวกันเร็ว ๆ นะ โอซาก้ารอทุกคนอยู่!


Leave a Reply

Your email address will not be published.