The Origin of Japan : SHIGA

The Origin of Japan : SHIGA

SHIGA เมืองเก่าแก่ที่รายล้อมไปด้วยทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น

ทริปนี้เราจะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับอดีตเมืองที่เคยรุ่งเรืองด้านการค้าและมีประวัติศาตร์อันยิ่งใหญ่ เป็นที่ตั้งของปราสาทฮิโกเนะที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 4 สมบัติของชาติพร้อมกับดูความน่ารักน้อง”ฮิโกเนียน” มาสคอตแมวใส่ชูดซามุไรสุดขี้อ้อน

นอกจากยังมีเมืองท่าเก่าที่จะพาเราย้อนอดีต นั่งเรือไม้โบราณแบบ Slow Life พร้อมเสพบรรยากาศ ชมวิว Biwa Lake และปิดท้ายทริปด้วยการนั่งชมเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ สวยอลังการ สนุกกว่าที่คิดไว้มาก! ใครที่มาเที่ยวแถบคันไซช่วงนี้แล้วอยากหาเมืองน่ารัก ๆ ที่มาธรรมชาติที่สวยงาม เดินทางจากเมืองเกียวโตไม่ถึงชั่วโมง เราขอแนะนำให้ลิสต์เมืองนี้เก็บไว้เลย

ส่วนการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นในรอบนี้เราเลือกบินกับ Thai Vietjet Air  เค้ามีบินตรงจากสนามบินเชียงใหม่สู่สนามบินคันไซโอซาก้าแล้ว ราคาก็ดีจับต้องได้แถมมีไฟล์ทให้เลือกเยอะอีกด้วย สามารถดูรายละเอียดได้ที่ : https://th.vietjetair.com

Flight Chaing Mai to Osaka :

การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นในรอบนี้ พวกเราชาวเชียงใหม่สบายใจหายห่วง ไม่ต้องเดินทางไปเปลี่ยนเครื่องให้วุ่นวายเพราะตอนนี้ทาง Thai Vietjet Air  เค้ามีบินตรงจากสนามบินเชียงใหม่สู่สนามบินคันไซโอซาก้าแล้วนะ ยิ่งช่วงนี้น่าเที่ยวสุด ๆ ค่าเงินแสนถูกแถมราคาตั๋วก็ไม่แพง บินดึกถึงเช้าเที่ยวต่อได้เลยอีกด้วย โดยตอนนี้เค้ามีเที่ยวบิน VZ822 เชียงใหม่-โอซาก้า ออกเดินทางได้ตั้งแต่เวลา 23.00 – 06.00 น. ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ อาทิตย์และเที่ยวบินขากลับ VZ823 โอซาก้า-เชียงใหม่ ออกเดินทางเวลา 08.00 – 12.35 น.ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และก็อาทิตย์ สะดวกเวลาแบบไหนก็เลือกแพลนกันได้เลย

อีกหนึ่งสิ่งที่เราชอบเดินทางกับทาง Thai Vietjet Air คือเบาะที่นั่งเค้ากว้างขวาง นั่งยังไงเข่าไม่ติดเหมาะกับคนตัวสูงแบบเราที่สุด รวมถึงมีอาหารเลือกมากมาย นั่งเพลิน ๆ ทานของอร่อย ๆ แป๊บเดียวก็บินลัดฟ้าถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว

เส้นทางการจอง : https://th.vietjetair.com/

ยิ่งตอนนี้ทางสายการบินเค้ามีแพคเกจ Skyfun เที่ยวโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น (ด้วยตนเอง) ตั๋วเครื่องบิน+ที่พัก 5 วัน 3 คืน แค่ 19,900 บาท/ท่าน คุ้ม ๆ และสะดวกมาก 

พิเศษ ! กรอกโค้ด “” CHLFRIEND “” รับส่วนลดเพิ่มทันที 1,000 THB

-ตั๋วเครื่องบินไปกลับ โดยสายการบิน Thai Vietjet Air

-พักโรงแรม Hotel Mystays Shinsaibashi ( 4 ดาว )

-ฟรีน้ำหนักสัมภาระโหลด 20 kg.

รายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/3qhM6Q0

Kyoto To Shiga : 

หลังจากลงเครื่องที่สนามบินคันไซโอซาก้า เราก็เลือกนั่งรถไฟสาย Haruka34 มาลงที่สถานี Kyoto แล้วสามารถนั่งรถไฟสาย Tokaido Sanyo Line ในการมาเที่ยวเมืองนี้ได้เลย โดยใช้เวลาเดินทางราว ๆ 60 นาทีก็ถึงเมือง Shiga แล้ว เรียกได้ว่าใกล้เกียวโตมาก ๆ ใครที่รู้สึกอยากออกมาเที่ยวเมืองอื่น ๆ ในแถบคันไซ แนะนำให้หาเวลา 2-3 วันก็เที่ยวเมืองนี้ได้แบบครบ เก็บแลนด์มาร์คเกือบทุกจุดได้เลย

Shiga Prefecture : 

ก่อนจะเริ่มไปเที่ยว เราขอแนะนำเมืองนี้ให้ทุกคนรู้จักกันก่อน “SHIGA” หนึ่งในจังหวัดของภูมิภาคคันไซที่มีเมืองหลักชื่อ โอตสึ (Otsu) ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองมาก ๆ ด้านการค้าในอดีตเพราะมีท่าเรือมากมายเชื่อมต่อไปยังทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) ที่เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังมีไฮไลต์น่ารัก ๆ อย่างหมู่บ้านนินจาโคงะที่รวบรวมเรื่องราวของนินจาเอาไว้และปราสาทฮิโกเนะ (Hikone-jo) ที่ได้ชื่อว่า 1 ใน 4 สมบัติของชาติและมีน้องฮิโกเนียนแมวใส่หมวกซามูไรเป็นมาสคลอตน่ารัก ๆ อีกด้วย

001 Daruma-ya

หลังจากเดินทางฝากกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย ขอประเดิมมื้อแรกด้วยร้านราเมงที่อยู่ติดกับสถานี Omihachiman ที่ใครจะมาเที่ยวเมืองนี้เราขอแนะนำให้แวะลองชิมกันสักหน่อยเพราะนอกราเมงเส้นเหนียวหนึบหนับแล้วที่นี่ยังมาพร้อมน้ำซุปรสชาติเข้มข้นและมีเมนู โอมิจัมปง (Omi Champon) ที่เป็นของขึ้นชื่อเมืองนี้ให้เราได้ลิ้มลองอีกด้วย

โอมิจัมปง (Omi Champon) บะหมี่ผักสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งจะแตกต่างกับจัมปงของนางาซากิตรงที่เค้าจะใส่เนื้อหมูแทนซีฟู๊ด มาพร้อมกับผักต่าง ๆ เต็มชาม ตัวน้ำซุปที่หอมหวานและเส้นที่เหนียวกำลังดี ทำให้เมนูเป็นเมนูยอดฮิตที่ใครมาแล้วต้องลอง แต่ถ้าอยากชิมสูตรออริจินอลแท้ ๆ ที่เป็นต้นกำเนิด แนะนำให้ไปเดินเล่นแถวเมืองฮิโกเนะ รับรองว่าเราจะได้เจอกับร้านโอมิจัมปงเรียงรายกันเลย

002 Omihachiman

หลังจากเติมพลังกันกับเมนูท้องถิ่นกันเรียบร้อย เราก็นั่งรถเมล์มาเที่ยวกันต่อที่ “Omihachiman”  เมืองท่าน่ารัก ๆ ที่ยังสวยงามตามแบบฉบับของญี่ปุ่น ภายในบริเวณนี้เราจะได้เห็นอาคารบ้านเรือนทั้งแบบญี่ปุ่นโบราณ ตึกไสตล์ยุโรปรวมถึงอู่เรือเรียงรายตลอดสองข้างทางของคลอง “ฮาจิมังโบริ” ที่ในอดีตเป็นที่พักของพ่อค้าที่ร่ำรวยชื่อ โอมิ โดยคลองนี้มีความยาวกว่า 5 กิโลเมตรเชื่อมต่อไปยังทะเลสาบบิวะ ทำให้ที่นี่เคยเป็นเมืองท่าที่เคยรุ่งเรืองในสมัยอดีตนั้นเอง

003 Hachiman-bori

คลอง Hachiman-bori อดีตเคยเป็นทางน้ำที่เชื่อมต่อใจกลางเมือง Omihachiman กับทะเลสาบ Biwa เพื่อการค้าขาย ต่อมาเมืองนี้ได้ถูกดัดแปลงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ด้วยความที่มีคลองล้อมรอบเมือง ทำให้กิจกรรมที่คนนิยมเที่ยวกันสุดคือการนั่งเรือชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองนี้กัน


การนั่งเรือล่องคลองฮาจิมังโบริพร้อมชมวิวธรรมชาติและบ้านเรือนเริ่มต้นจากใจกลางเมืองเก่า Omihachiman โดยใช้เวลาประมาณ 35 นาที โดยเรือที่นี่จะมี 2 ประเภททั้งเรือเครื่องยนต์และเรือพาย ขณะล่องเรือไปจะมีคุณลุงที่ดูใจดีเป็นไกด์บอกเล่าประวัติของที่นี่เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ถ้าใครฟังไม่ออกคุณลุงก็จะเปิดเพลงคลอเบา ๆ ให้เข้ากับบรรยากาศ และช่วงที่พีคสุด ๆ ของที่นี่คือช่วงซากุระ บริเวณเลียบคลองนี้จะเต็มไปด้วยทุ่งดอกสีชมพูเป็นอุโมงค์ ใครบอกว่าเมืองนี้ไม่น่ารัก เราขอเถียงตรงนี้เลย

004 Taneya Himure-no-ya

ถัดมาข้าง ๆ จากบริเวณคลอง ใครอยากหลบอากาศร้อน ๆ เราขอแนะนำให้เดินเข้ามานั่งพักกันที่ร้านขนม Tsubura mochi  ชื่อดัง โดยภายในร้านจะมีที่นั่งสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมของฝากให้เราได้เดินเพลิน ๆ ซื้อของติดไม้ติดมือเพียบ ถ้าใครหาไม่เจอให้มองดูหน้าร้านจะมีไฮไลต์เป็นต้น Enoki ยักษ์ที่มีอายุกว่า 300 ปี ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่เลย

Tsubura mochi เป็นขนมโบราณมีหน้าตาคล้าย ๆ ขนมไข่เต่าบ้านเรา แต่ตัวแป้งจะทำจากข้าวเหนียวในท้องถิ่นผสมกับเนื้อถั่วบดปรุงรส ทำให้เนื้อแป้งจะมีความเหนียวและหอมหวาน แนะนำให้สั่งมาทานคู่กับเซ็ตชาเย็น ๆ ยิ่งได้นั่งปล่อยเวลาชิลล์ ๆ บรรยากาศของร้านนี้เหมือนมีมนต์สะกดให้เราไม่อยากเดินออกไปไหนเลยทีเดียว

005 Himure Hachiman Shrine

หลังจากเดินชมบรรยากาศบ้านเรือนเก่าแก่กันแล้ว เราก็ไม่ลืมเข้ามาไหว้พระขอพรกันที่ศาลเจ้าฮิมุเระ ฮาจิมังงุ ซึ่งถือว่าเป็นศาลเจ้าที่มีประวัติศาลตร์มากมายของย่าน Omihachiman นี้กัน

ศาลเจ้าฮิมุเระ ฮาจิมังงุ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 131 ตั้งอยู่บริเวณบนตีนเขาฮาจิมัง โดยที่นี่ได้ถูกนำขึ้นไปตั้งบนเขาฮาจิมังมาแล้วรอบนึงแล้วนะ แต่ด้วยจักรพรรดิฮิเดโยริ โทโยโทมิ จะสร้างประสาทฮาจิมังด้านบนแทน จึงได้สั่งย้ายให้ลงมาไว้ที่เดิมและต่อมามีความเชื่อเรื่องเทพเจ้าที่คอยปกปลักรักษาที่นี่ จนทำให้ศาลเจ้านี้เป็นที่เคารพบูชาและสัญลักษณ์ของย่านโอมิฮะจิมังของผู้คนในท้องถิ่นตั้งมาแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน

006 Hachimanyama Castle Ruins


หลังจากเดินเที่ยวบริเวณด้านล่างกันจนอิ่มใจ เราก็ขอพาทุกคนขึ้นกระเช้าไปชมวิวที่เนินเขาฮาจิมังกันต่อ โดยเคเบิลคาร์นี้จะใช้เวลาเดินทางราว ๆ 15 นาที ขณะขึ้นเราจะได้เห็นวิวเมือง Omihachiman พร้อมกับ Biwa Lake ที่กว้างใหญ่ ด้านบนจะมีทั้งวัดให้เราได้ไหว้พระขอพรกันรวมถึงจุดสูงสุดของเขาฮาจิมังอีกด้วย

จากจุดลงกระเช้า เราใช้เวลาเดินมายังจุดชมวิวราว ๆ 10 นาที บริเวณนี้เราจะได้สัมผัสกับวิวธรรมชาติทั้งป่าเขา บ้านเรือน รวมถึงวิวทะเลสาบบิวะเต็มสองตาที่อยากบอกว่าคุ้มค่าแก่การขึ้นมามาก อย่างที่เค้าบอกทะเลสาบบิวะ เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่สุดในประเทศ ถ้าใครมีเวลาเยอะ ๆ แนะนำให้เที่ยวอีกฝั่งด้วยเพราะนอกจากจะมีเสาโทริอิกลางน้ำขึ้นชื่อแล้ว ยังมีกิจกรรมปั่นจักรยาน ล่องเรือให้ทำอีกเพียบ ว่าแล้วก็ปักหมุดเลยรอบนี้ต้องมาเก็บอีกฝั่งแน่นอน

007 ปราสาทฮิโกเนะ (Hikone-jo)


ชมวิวพร้อมเสพบรรยากาศเมืองเก่ากันแล้ว พวกเราก็ไม่พลาดที่มาชมประสาทอันเก่าแก่ของตระกูลฮิโกเนะ ที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ในสมบัติของชาติทั้ง 4 กันต่อ ความพิเศษของที่นี่คือเค้าใช้หินในการสร้างมากกว่า 300,000 ชิ้นและใช้เวลามากกว่า 20 ปีกว่ากันทีเดียว ตัวบริเวณปราสาทจะตั้งอยู่บนเนินเขา รายล้อมไปด้วยคูน้ำจากทะเลสาบบิวะ ทำให้การเดินมายังตัวปราสาทนี้ต้องใช้แรงกายพอสมควรเลยแหละ

ความพิเศษที่ทำให้ประสาทนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์คือตัวหอคอยชั้น 3 และบันไดสะพานที่ย้ายมาจากปราสาทนากาฮามะ จึงทำให้ที่นี่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่สำคัญ แต่ครั้งนี้ตัวประสาทปิดปรับปรุงด้านใน ทำให้เราชมได้แค่บริเวณรอบ ๆ เท่านั้น แต่เค้าว่ากันว่าด้านชั้นบนสุดของตัวประสาท เราจะได้เห็นวิวเมืองและทะเลสาบบิวะแบบสุดลูกหูลูกตาเลย

อีกหนึ่งความน่ารักที่ทำให้เราอยากมาที่นี่คือ “น้องฮิโกเนียน” มาสคลอสแมวใส่ชูดซามุไรที่น่ารักน่าชังสุด ๆ โดยภายในเมือง Hikone เราจะเห็นน้องอยู่ทั่วไปหมด ไม่ว่าจะร้านค้า ขายของฝาก ปราสาท สถานีรถไฟและที่พิเศษกว่าที่อื่น ๆ ในเว็บไซด์เมืองนี้จะมีเวลาและสถานที่โชว์ของน้องฮิโกเนียนใส่ชุดมาสคอตอีกด้วย

008 Lake Biwa Great Firework Festival 2023

และแล้วความตื่นเต้นของทริปนี้ก็มาถึงเพราะวันนี้เราตั้งใจมาเที่ยวงาน Hanabi หรือเทศกาลดอกไม้ไฟที่จัดบริเวณ “ปราสาทนากาฮามะ” สถานี Nagahama โดยงานปีนี้เค้ามาในธีม 450 ปีแห่งเซ็นโงกุ โดยจะมีดอกไม้ไฟแบบดั่งเดิมและดอกไม้ไฟดนตรี สังเกตง่าย ๆ เลยถ้าเราเห็นหนุ่มสาวควงแขนกันใส่ชุดยูกาตะ รับรองว่าเรามาถูกงานแล้ว

บรรยากาศก่อนเริ่มการจุดดอกไม้ไฟบริเวณรอบ ๆ จะมีร้านขายของมากมายให้เราได้ซื้อนั่งทานกันก่อน โดยโซนที่เราจอง บัตรจะเริ่มต้นที่ราคา 1,500 เยนเท่านั้นเอง

หลังจากนับเวลาถอยหลังดอกไม้ไฟก็เริ่มจุดขึ้นกลางทะเลสาบบิวะ โดยใช้เวลาจุดราว ๆ 30 นาที เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ดี ๆ ของการมาเที่ยวญี่ปุ่นเลย ใครที่อยากลองมาเที่ยวงานเทศกาล Hanabi ปีหน้าฤดูร้อนห้ามพลาด รับรองจะชอบแบบเราแน่ ๆ

สุดท้ายอยากจะบอกทุกคนว่าเมือง Shiga เป็นอีกหนึ่งเมืองที่เต็มไปด้วยความน่ารักของบ้านเรือน อาหาร ผู้คนรวมถึงทะเลสาบบิวะที่มีวิวฮีลใจที่สุด ๆ ใครมีเวลามาเที่ยวภูมิภาคคันไซแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากเมืองที่วุ่นวายแล้วมาเสพเมืองแห่งธรรมชาติ เราขอฝากเมืองนี้ไ้ว้ในอ้อมใจด้วยนะ

,

Leave a Reply

Your email address will not be published.