Mae Hong Son is a city of three mist

Mae Hong Son is a city of three mist

ถ้าต้องหยิบยกเส้นทางฤดูฝนที่ทำให้หัวใจเราพองโตพร้อมกับได้สัมผัสอากาศที่เย็นสบายปนความชุ่มฉ่ำที่เขียวชอุ่ม คงหนีไม่พ้นเมืองสามหมอก จังหวัดแม่ฮ่องสอนแห่งนี้

จังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องโค้งเยอะสุดติดท็อปของประเทศ แต่ผู้คนก็ต่างยอมแลกความสะดวกสบาย เพื่อมาชมกับความสวยงามของป่าเขาและธรรมชาติที่อุดรสมบูรณ์เช่นเดียวกับทริปนี้ที่เราจะชวนทุกคนออกมาเปิดประสบการณ์เที่ยวแม่ฮ่องสอนหน้าฝนพร้อมกับทำความรู้จักกับอำเภอแม่สะเรียงและหมู่บ้านสบโขงที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกบนพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่เงากัน

ทริปล่องเรือ แคมป์ปิ้ง ชมหมอกและนอนเสพบรรยากาศกลางทุ่งนาในแบบฉบับ 4 วัน 3 คืนของเราในรอบนี้จะดีงามและฮีลใจขนาดไหนตามเข้ามาดูกันนน!

Flight Bangkok To Mae Hong Son : 

ชาวเมาโค้งแบบพวกเราไม่ต้องกลัวการไปแม่ฮ่องสอนอีกต่อไปเพราะรอบนี้เราขอบินลัดฟ้าไปลงยังดินแดนสามหมอกกันแบบสบาย ๆ ด้วยสายการบิน Bangkok Airways ที่สะดวกสบายมากถึงจะต้องแวะ Transit เครื่องที่ลำปางหนึ่งต่อ แต่บอกเลยว่าเส้นทางบินนี้ทำให้เราอยากเที่ยวจังหวัดนี้มากกว่าเดิมเลย

ไฟล์ทบินของเราในรอบนี้จากกรุงเทพฯไปลำปางใช้เวลาราว ๆ 1 ชั่วโมง 30 นาที และจากลำปางต่อไปแม่ฮ่องสอนอีกอีก 35 นาที มาพร้อมกับอาหารว่างที่กินจุกจิกไม่มีเบื่อ เผลอแปปเดียวก็แลนดิ้งลงสู่ลงสนามบินแม่ฮ่องสอนแบบชิลล์ ๆ แล้ว


เส้นทางการจอง : https://www.bangkokair.com/

Day 1

001 Ice Bean by Goong Khoon Loong

ก่อนออกเดินทางไปยังตัวเมืองแม่สะเรียงก็ขอแวะชิมของหวานร้านดังที่มีไฮไลต์เป็นไอศกรีมรสถั่วลายเสือเพิ่มน้ำตาลในเลือดกันสักหน่อย นอกจากทีเด็ดรสชาติที่หอมหวานของถั่วลายเสือแล้ว ภายในร้านเค้ายังมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วอีกมากมาย แนะนำว่าใครอยากซื้อเป็นของฝากให้แวะสาขาปั้มปตท.ในตัวเมืองก่อนกลับได้เลย

Day 2

002 ร้านส้มตำพี่นุ้ย

หลังจากเราเดินทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนพร้อมนอนพักกันจนหายเหนื่อย เริ่มต้นวันใหม่ด้วยอากาศที่แสนจะสดชื่นตามด้วยความความชุ่มฉ่ำของเม็ดฝนที่เริ่มปอยลงมา เช้านี้พวกเราเลยขอฝากท้องกับร้านขนมจีนเจ้าเก่าที่เปิดมาไม่ต่ำกว่าสิบปี โดยเมนูไฮไลต์เด็ดเป็น “ข้าวเส้นน้ำหยวก” และบรรยากาศร้านที่ติดแม่น้ำยวม ใครอยากลองอาหารท้องถิ่นที่อำเภอสะเรียงขอเทคะแนนให้ร้านนี้เลย

ข้าวเส้นน้ำหยวกหรือขนมจีนน้ำหยวก ที่ใช้ส่วนผสมของหยวกกล้วย รสชาติเข้มข้นแต่ไม่ถึงกับเผ็ด ใครมาแล้วต้องลอง นอกจากนั้นภายในร้านยังมีทั้งน้ำยากะทิ น้ำเงี้ยวให้เราเลือกทานอีกด้วย ใครเป็นแฟนตัวยงขนมเส้นแบบเราต้องถูกใจสิ่งนี้แน่นอน

003 กาแฟมิตรไมตรี

หลังจากเติมพลังมื้อเช้ากันเรียบร้อยก็ขยับมายังอีกหนึ่งร้านกาแฟเจ้าแก่ที่ตัวอาคารยังคงสภาพบ้านแบบดั้งเดิมไว้ เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะทำจากไม้ให้อารมณ์เหมือนได้ย้อนวันวานแถมยังมีที่นั่งด้านนอกให้เราเสพบรรยากาศธรรมชาติพร้อมดูวิวแม่น้ำยวมอีกด้วย

บอกเลยว่าเห็นหน้าตาร้านแบบนี้ แต่เมื่อดูเมนูต้องแอบปรบมือให้รัว ๆ เพราะนอกจากมีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดให้เราเลือกแล้ว ทางร้านเค้ายังพิถีพิถันมีเมล็ดกาแฟหลายเกรดให้เราเลือกอีกด้วย เริ่มตั้งแต่เมล็ดกาแฟคั่วอ่อน คั่วกลางและหลากหลายประเทศที่ใครเป็นคอกาแฟต้องรักร้านนี้แบบเรา

004 อุทยานแห่งชาติแม่เงา 

หลังจากเอ็นจอยกับบรรยากาศยามเช้าที่แม่สะเรียงพร้อมแพ็คกระเป๋ากันเรียบร้อย พวกเราก็มุ่งหน้าสู่ไฮไลต์ของทริปนี้คือการไปนอนแคมป์กันที่หมู่บ้านสบโขงในเขตอุทยานแม่ชาติแม่เงากัน แต่ก่อนจะเริ่มต้นการเดินทางวันนี้ พี่เจ้าหน้าที่ก็พาเรามาจุดชมวิวแม่น้ำสองสีกันก่อน โดยบริเวณนี้ถ้ามาช่วงที่ไม่เจอฝน เราจะเห็นสีของแม่น้ำเงาตัดกับแม่น้ำยวมที่เป็นแม่น้ำสายสำคัญสองเส้นมาบรรจบกันพร้อมกับวิวด้านหลังเป็นภูเขาลูกโต เป็นมุมที่ใครมาเยือนอุทยานนี้ต้องแวะมาถ่ายรูปเช็คอินกันทั้งนั้น

ทานข้าวเที่ยงเสร็จก็พร้อมออกเดินทางด้วยรถกระบะโฟวิลกัน แต่ก่อนอื่นเราจะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับที่นี่กันก่อน โดยอุทยานแห่งชาติแม่เงานี้ตั้งอยู่ที่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ถ้าใครเป็นสายเดินป่าเทรคกิ้งคงอาจจะคุ้นหูชื่อนี้ไม่น้อยเพราะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม แต่สำหรับใครที่ไม่ต้องการเที่ยวแอดวานซ์ขนาดนั้น แต่อยากเข้ามาสัมผัสธรรมชาติของที่นี่พร้อมกับเรียนวิถีชีวิตของผู้คนและสนุกกับการเดินแบบผญจภัย เค้าก็มีเส้นทางนอนแคมป์พร้อมพายเรือแคนนูบนแม่น้ำเงาให้เราได้สัมผัสกัน

โดยการเดินทางจากอุทยานแห่งชาติแม่เงาไปยังหมู่บ้านในป่าลึกสบโขงที่เป็นแคมป์ในค่ำคืนนี้ ต้องเดินทางด้วยรถกระบะโฟวิลเท่านั้น ใช้เวลาเดินทาง 2 – 3 ชั่วโมง โดยระหว่างทางเราจะได้เห็นวิวทุ่งนาสลับทุ่งข้าวโพด ทุ่งถั่วเหลืองมากมายพร้อมกับลัดเลาะแม่น้ำเงาตอบโจทย์ผู้คนที่ต้องการหาธรรมชาติเพื่อพักผ่อน ยิ่งมาช่วงปลายฝนแบบนี้เราจะสัมผัสถึงกลิ่นไอหมอกและอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งทาง

หลังจากลุยกระบะกันมาถึงปลายทางบริเวณหมู่บ้านสบโขง ไฮไลต์วันนี้ของเราคือการพายเรือแคนูที่ระยะทางจริงคือ 50 กิโลเมตรยาว ๆ กันไปจนถึงปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติแม่เงาเลย แต่รอบนี้เราแพลนว่าจะนอนแคมป์เพื่อเสพบรรยากาศภายในตัวหมู่บ้านสบโขงกันหนึ่งคืน ทำให้เส้นทางล่องเรือรอบนี้ไปสิ้นสุดกันที่บ้านนาดอยที่ใช้เวลาราว ๆ 30 นาทีแค่นั้นเอง แอบบอกว่าบรรยากาศพายเรือที่นี่สนุกมาก ปลอดภัยเพราะมีพี่ ๆ เค้าบังคับเรือไปด้วยทุกลำ ช่วงพีคสุดจะเป็นช่วงหน้าหนาวบรรยากาศจะดี น้ำใส ใครที่ชอบแนวแอดเวนเจอร์ห้ามพลาดกับกิจกรรมนี้เลย

ล่องเรือกันเสร็จก็ต่อรถมากันพักที่สบโขง หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับแม่น้ำเงา บริเวณนี้จะมีลานกางเต๊นท์ให้เราได้เลือกสรรกันมากมาย นอกจากนั้นยังมีห้องน้ำ ไฟฟ้า แต่สัญญาณมือถือเตรียมตัวบอกลาได้ แต่ด้วยบรรยากาศที่ได้ยินเสียงน้ำใหลผ่านตลอดทั้งคืน ใครที่อยากได้ฟีลพักผ่อนกับธรรมชาติ รับรองว่าลืมเรื่องสัญญานมือถือไปเลย

Day 3

เสียงไก่ขันยามเช้าที่ไม่ได้ยินมานานทำให้เรารีบตื่นขึ้นมาเก็บข้าวของ ทานอาหารเช้าเบา ๆ แล้วออกมาเดินเล่นสูดอากาศกันที่หมู่บ้านสบโขง โดยปลายทางจะมีแลนด์มาร์คที่เป็นจุดเชื่อมต่อกันระหว่างจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่และตาก เรียกได้ว่าก้าวขานิดนึงก็ข้ามไปมาได้ 3 จังหวัดแล้ว นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำโขงและแม่น้ำเงาที่เป็นแม่น้ำสำคัญต่อการเกษตรของชาวบ้านที่นี่อีกด้วย

005 เฮินไต รีสอร์ท

หลังจากผญจภัยกันจนอิ่มเอมใจและได้ใช้ร่างกายจนหมดพลัง คืนนี้เราก็ขอย้ายมาพักกายกับรีสอร์ทที่ฮีลใจเราได้เสมอ กับ “เฮินไต รีสอร์ท” แม่ลาน้อย ที่พักสุดแสนเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความน่ารักของผู้คนและวิวธรรมชาติที่ใครมาช่วงปลายฝนจะมีวิวทุ่งนาเขียวขจีโตเต็มที่รอต้อนรับเราอยู่

ภายในรีสอร์ทนี้ตัวที่พักจะมีหลากหลายรูปแบบทั้งห้องพัก บ้านเดี่ยวหรือรถบ้านที่มาพร้อมกับอ่างแช่น้ำ วิวสุดโรแมนติก ยิ่งใครมาช่วงนี้นับว่าเป็นช่วงที่วิวดีที่สุด ตอบโจทย์ใครที่มองหารีสอร์ทดี ๆ ไว้นอนพักผ่อนเลยแหละ

นอกจากรถบ้านแล้ว เราขอแนะนำห้องพักหมายเลข 8 ที่เป็นห้องพักสองชั้น ด้านบนเป็นโซนห้องนอนที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ส่วนด้านล่างจะมีอ่างแช่น้ำพร้อมวิวที่ถูกเติมเต็มความสดชื่นด้วยทุ่งนา สาว ๆ คนไหนที่อยากได้มุมถ่ายรูปจึ้ง ๆ ต้องรีบจองห้องนี้เลย

ฟินกับอ่างแช่น้ำยังไม่ทันสุดก็ต้องว้าวกับสระน้ำที่นี่กันต่อ ความดีงามคือไม่ว่าจะช่วงเช้าหรือช่วงเย็นบรรยากาศของที่นี่ก็ดีแบบเต็มสิบไม่มีหัก

Day 4

006 จุดชมวิวดอยขุมคำ

ขอเป็นนกที่ตื่นเช้าอีกสักวันเพราะวันนี้เราจะออกไปเสพบรรยากาศหน้าฝน หายใจอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอดกันกับจุดชมวิวดอยขุมคำที่สามารถเดินทางจากที่พักเราเพียง 15 นาทีเท่านั้นเอง ระหว่างทางขึ้นเตรียมตัวพบกับไอหมอกที่พร้อมใจลอยมาให้เราได้สัมผัสผสมผสานกับวิวเทือกเขาที่สลับกันเป็นเลเยอร์ดูแล้วสบายตา สูดอากาศแล้วสบายใจ ส่งท้ายโลเคชั่นทริปหน้าฝนของในรอบนี้ได้สมบูรณ์จริง ๆ

ตัวจุดชมวิวดอยขุมคำต้องจอดรถแล้วเดินเข้าไปในทางสวนข้าวโพดกันสักเล็กน้อย แอบบอกว่าวิวที่สวนระหว่างทางก็แสนจะฮีลใจเราได้แล้ว ยิ่งช่วงนี้อากาศชื้น ทำให้ช่วงเช้าเราจะได้สัมผัสกับไอหมอกแบบนี้จนตกหลุมรักวิวแบบนี้ไปเลย

จบทริปเที่ยวแม่ฮ่องสอนฉบับ 4 วัน 3 คืน ลุยป่า ล่องเรือ นอนพักผ่อนบนพื้นที่สีเขียวที่ถูกเติมเต็มในช่วงฤดูฝนได้แบบแฮปปี้เอนดิ้ง ถึงที่นี่จะเป็นจังหวัดที่โค้งเยอะลำดับต้น ๆ ของประเทศ แต่ด้วยความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติรวมถึงผู้คนที่น่ารัก ว่าเรามันคุ้มค่าแก่การเดินทางมากนะ ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวแม่ฮ่องสอนที่ไม่ใช่แลนมาร์คยอดฮิตและอยากผจญภัยแบบเรา แนะนำเลยว่าเส้นนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน

, , ,

Leave a Reply

Your email address will not be published.