Once the capital of Japan : KYOTO 

Once the capital of Japan : KYOTO 

แจกแพลนเที่ยวเกียวโตหน้าร้อน 11 โลเคชัน เที่ยวไปเลย 3 วัน 2 คืนแบบจุก ๆ เลือกมาให้แล้วจุดเช็กอินสุดว้าว เอาใจสายกิน สายคาเฟ่ รับรองว่าจัดเต็มแน่นอน!

ทริปนี้ทั้งพาไปกินของอร่อย ๆ เช็กอินคาเฟ่น่ารัก ๆ ต่อด้วยสายมู ไหว้ศาลเจ้าขอพร พลาดไม่ได้เลยกับอควาเรียมสุดคิวท์ ที่เที่ยวยอดฮิตของชาววัยรุ่นในช่วงนี้ เท่านั้นยังไม่พอ มาถึงเกียวโตทั้งที ก็ต้องไปเดินเล่นเพลิน ๆ เสพบรรยากาศแลนด์สเคปสวย ๆ กับย่านชิค ๆ ถนนราเมงและร้านหนังสือชื่อดัง เน้นถ่ายรูปกันแบบฉ่ำ ๆ กันไปเลย

และหลัง ๆ มาเราเดินทางค่อนข้างบ่อยเจอทั้งลม อากาศแห้ง ๆ พร้อมแดดแรง ๆ ทำให้มีปัญหาเรื่องผิวมาตลอด ทั้งอาการผิวแห้ง ไม่ชุ่มชื่น กลับไปต้องฟื้นฟูผิวกันยาว ๆ แต่หลังจากเรามาลองใช้ cerave ตัวครีมที่มีสารเซราไมด์ ก็ช่วยให้ผิวเราชุ่มชื้นได้แบบทั้งวันพร้อมยังเป็นเกราะป้องกันและฟื้นฟูให้ผิวกลับมาแข็งแรงไม่ระคายเคืองง่ายอีกด้วย เหมาะกับสายเที่ยวที่ทาทีเดียวอยู่กับเราได้ทั้งวันสุด ๆ ทาได้ทั้งหน้าและตัวก็คือสะดวกมาก ส่วนทริปนี้จะไปเช็กอินที่ไหนกันบ้าง เราไปดูกันเลย!

สามารถหาซื้อได้ที่ : https://bit.ly/3KD8UkC

เริ่มทริปหน้าร้อนแบบนี้ อยากจะบอกทุกคนว่าก่อนอื่นต้องรู้จักสภาพผิวตัวเองก่อน หลีกเลี่ยงการตากแดดนาน ๆ โดยไม่ทาครีมบำรุงผิว เพราะถ้าเราปล่อยให้ผิวรับภาระแบบหนักหน่วงในการเดินทางออกไปเที่ยวแต่ละวัน ปัญหาต่าง ๆ ก็จะตามมา ทั้งความแห้งกร้าน หมองคล้ำ ไม่สดใส ถ้าหนักมาก ๆ หน้าอาจแห้งลอกเป็นขุยเลยทีเดียว พอถ่ายรูปออกมาก็จะรู้สึกไม่มั่นใจ ผิวเราระคายเคืองง่าย ทริปนี้เราเลยมีตัวช่วยอย่าง  Cerave แบรนด์เวชสำอางที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ ทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น ไม่มีอาหารแห้ง ลอก เจอทั้งแดด ทั้งลม ทั้งน้ำต่างๆ การมี Cerave ที่ค่อยเป็นเกราะปกป้องให้เราคือสิ่งที่ตอบโจทย์ต่อผิวเราที่ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวสุดๆ ไม่ต้องกลัวแพ้

อย่างสมัยก่อนผิวเราบางทีเดินทางเยอะ ๆ ก็มีอาการแห้งขาดน้ำ แห้งกร้าน หน้าดูไม่เรียบเนียน ต้องหาครีมมาเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่ตลอด แต่หลังใช้ Cerave  ตัวเดียวก็เอาอยู่คงทนแบบตลอดวัน ที่สำคัญต้องทาง่าย ซึมไว เพราะบางทีอาจต้องแข่งกับเวลา ซึ่ง Cerave เหมาะกับเราสุด ๆ จุดเด่นของเค้าคือการใส่สาร “เซราไมด์” ที่สำคัญมาก ๆ ต่อผิวหนังของเรา ทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น ไม่มีอาหารแห้ง ลอก ตอบโจทย์ชีวิตสายเที่ยวอย่างเราง่ายขึ้น มั่นใจมากเวลาที่ต้องถ่ายรูป 

วิธีการใช้ก็แสนง่ายดายเพียงแค่ทาให้ทั่วบริเวณที่มีผิวแห้งกร้าน สามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย คุ้มมาก และก็สะดวกมาก ตัวเดียวจบ

เนื้อเข้มข้น ทำให้ผิวไม่อุดตันและเหมาะสำหรับคนที่ผิวบอบบาง ส่วนใครที่ระคายเคืองง่ายก็สามารถใช้ตัวนี้ได้ เพียงทาทีเดียวผิวชุ่มชื่นนานไม่ต้องทาบ่อย จะทาช่วงเช้าก่อนออกไปเที่ยวก็ทนกับสภาพอากาศแย่ ๆ ได้ทั้งวัน! 

Day 1

001 Okazaki Shrine (ศาลเจ้าโอะกะซะกิ)

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใส่ใจในรายละเอียดและมีเรื่องราวให้ชวนติดตามได้ตลอด มาคราวนี้รายละเอียดที่ว่า แอบแฝงตัวอยู่ในศาลเจ้าที่มีชื่อว่า “ศาลเจ้าโอะกะซะกิ” เป็นศาลเจ้าที่เด่นเรื่องการขอพรชีวิตคู่ มีไฮไลต์เป็นรูปปั้นกระต่ายสุดน่ารักที่มีเยอะมากในโซนพื้นที่ของศาลเจ้าโอะกะซะกิ ซึ่งความเชื่อของที่นี่คือกระต่ายในวัดแห่งนี้ เปรียบได้ว่าเป็นผู้ส่งสารถึงพระเจ้าประจำศาลนั่นเอง 

กระต่ายคู่แรกที่ด้านหน้าทางเข้า ว่ากันว่าสำหรับคู่ที่แต่งงานหรือกำลังจะแต่งงาน หากต้องการมีชีวิตคู่ที่ดีก็ต้องขอพรและมาลูบหัวรูปปั้นกระต่ายสองตัวนี้

ภายในศาลรู้สึกได้ถึงความร่มรื่นและบรรยากาศที่เงียบสงบมาก ๆ หากเดินเข้าไปภายในอีกนิด เราจะพบกับรูปปั้นกระต่ายสีดำที่เงยหน้ามองพระจันทร์อยู่บริเวณจุดตักน้ำสำหรับล้างมือก่อนเข้าไปไหว้พระ ว่ากันว่าถ้าตักน้ำรดรูปปั้นกระต่ายและลูบที่ท้องของรูปปั้นนั้น การตั้งครรภ์และการคลอดบุตรจะปลอดภัย

002 Kyoto Aquarium

เกียวโต อควาเรียมอีก 1 สถานที่แนะนำสำหรับคนที่ไม่ใช่สายวัด สายมู สามารถแวะมาเที่ยวชมความงามใต้ท้องทะเลญี่ปุ่นที่นำมาไว้ในเกียวโตแห่งนี้ อควาเรียม ไม่ได้เป็นแค่ที่สำหรับเด็ก ๆ เท่านั้น แต่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ดูดีตั้งแต่การจัดวางผังอาคารที่ดูน่าสนใจ มีการประดับไฟให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึงน้อง ๆ สัตว์ใต้ทะเลที่ดูน่ารักกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ของญี่ปุ่น ตัวใหญ่จริงอะไรจริง น้องเพนกวิ้น หรือการแสดงปลาโลมาแสนรู้สุดน่ารัก บอกเลยว่าตื่นตาตื่นใจกันแน่นอน

และที่พลาดไม่ได้ หรือเรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ของที่นี่เลยก็คือตู้ปลาโซนกลาง ที่สามารถมองเห็นน้องปลาหลากหลายสายพันธุ์ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตา 

อีกหนึ่งโซนไฮไลต์คือตู้โชว์น้องแมงกระพรุนขนาดใหญ่ ภายในห้องนี้นอกจากเราจะได้หามุมดูน้องเพลิน ๆ แล้ว เค้ายังมีห้องแลปที่เอาไว้เพาะพันธุ์น้องอีกด้วย ใครที่หลงใหลเหล่าแมงกระพรุนต้องห้ามพลาดที่นี่เลย

003  FUSHIMI INARI TAISHA (ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ)

ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ ไทฉะ หรือศาลเจ้าเสาแดง หรือที่คนบ้านเราเรียกกันว่าอุโมงค์เสาแดง เอาจริง ๆ ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นภาพที่เป็นไวรัลกันบ่อย ๆ จนหลาย คนต้องตามมาถ่ายรูปกันซักครั้ง เสาสีแดง ๆ นั่นมีชื่อเรียกว่า “เสาโทริอิ” เป็นเสาสีแดงส้มที่เหล่าบรรดาผู้ศรัทธานำมาบริจาคซึ่งมีจำนวนเสาหลายพันต้นได้ 

หลายคนอาจสงสัยว่าอุโมงค์เสาเหล่านี้จะพาเราไปที่ไหน คำตอบคือจุดชมวิวที่ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่ากับการเดินขึ้นมาก ๆ เพราะด้านบนมีจุดชมวิวเมืองเกียวโตที่เห็นวิวเมืองสวย ๆ ให้เราได้มายืนสูดอากาศบริสุทธิ์กันให้เต็มปอด แถมระหว่างทางยังมีร้านรวงจำหน่ายอาหารให้ด้วย เอาจริง ๆ ถ้าจะเดินสำรวจให้ทั่วต้องใช้เวลามากกว่า 1-2 ชั่วโมงเลย ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มากันถึงแค่จุดชมวิวแค่นั้น ซึ่งนั่นก็คุ้มค่ามาก ๆ แล้วหล่ะครับ หากใครมาช่วงปลายปี หรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะฟิน 2 เท่ากันเลยทีเดียว รู้อย่างนี้แล้วห้ามพลาดหล่ะ

004 ENEN 

แน่นอนว่ามาถึงญี่ปุ่นทั้งทีก็ต้องกินซูชิ วันนี้เราเลือกแวะร้าน ENAN ร้านยากินิกุ ปิ้งย่าง เนื้อพรีเมียมของญี่ปุ่น เป็นร้านเด็ดที่ใครมาเที่ยวย่านนี้ก็ต้องแวะกิน แต่มื้อนี้เราไม่ได้สั่งเซ็ตเนื้อมาครับ เราเลือกสั่งเซ็ต KUROGE WAGYU BEEF TEMARI MEAT SUSHI COURSE เป็นเซ็ตซูชิเนื้อวากิวเบิร์นไฟหอม ๆ ท็อปด้วยไข่แดงสไตล์ญี่ปุ่น เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียง และซอสสูตรพิเศษ ข้าวที่ปั้นมากำลังดี เข้ากันกับเนื้อที่วางมาด้านบน บอกเลยฟินทุกคำ เนื้อดีสุด ๆ ประทับใจมาก 

สัมผัสแรกหลังจากที่ได้ชิมคือเนื้อแทบจะละลายในปากเลยทีเดียว แนะนำเลยใครที่ชอบกินซูชิ อยากมาลองซูชิเซ็ตเนื้อเทมูกิแบบนี้ ต้องแวะมาร้านนี้ให้ได้เลย โดนใจสายเนื้อสุด ๆ ชอบตรงที่ทางร้านบริการดีมาก ใส่ใจทุกรายละเอียด มาย่างซูชิให้ถึงที่ เลือกได้ว่าจะเอาระดับความสุกแบบไหน จะแรร์หรือมีเดียมแรร์ก็ได้ นอกจากปิ้งย่าง และซูชิแบบนี้ ก็ยังมีเมนูสเต็กเนื้อให้เลือกกันอีกด้วย ใครชอบแบบไหนเลือกได้ตามใจชอบเลย

DAY 2

005 COMFY

มาเติมความสดใส ก่อนเริ่มต้นวันใหม่ ด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆ สักแก้ว เที่ยวเกียวโตหน้าร้อนแบบนี้ ต้องหาอะไรมาดับร้อนกันสักหน่อย เช็กอินญี่ปุ่นกันทั้งทีก็ต้องมีเมนูมัจฉะอยู่ในลิสต์การเดินทางครั้งนี้ด้วย และมัจฉะร้านนี้เราขอยกให้เป็นอีกหนึ่งร้านเดอะเบสท์ในใจเลย นั่นคือร้าน COMFY คาเฟ่สไตล์มินิมอลเก๋ ๆ ที่เรียบง่ายแต่ดูเท่ เหมาะกับวันสบาย ๆ อยากทำอะไรผ่อนคลายดูบ้าง หลังจากเดินทางมา สำหรับเมนูที่เราสั่งคือ เมนู “มัจฉะลาเต้” กับ “มัจฉะเลม่อน” ตัวมัจฉะลาเต้จะมีความหอมละมุนของนม เข้ากันดีกับมัจฉะที่เข้มข้น ส่วนตัวมัจฉะเลม่อน จะให้ความรู้สึกดื่มแล้วสดชื่น กระตุ้นให้เรารู้สึกตื่นและพร้อมออกเดินทางเที่ยวต่อ เป็นการมิกซ์ที่ลงตัวมมาก

ด้วยความที่ร้านนี้ตกแต่งสไตล์มินิมอลทำให้ในร้านไม่มีโต๊ะนั่ง มีก็แค่ม้านั่งให้เราพอได้นั่งพัก หรือนั่งถ่ายรูปบ้าง ร้านนี้มีเครื่องดื่มมัจฉะหลากหลายแนวมาก แล้วแต่คนชอบ คนรักมัจฉะต้องแวะร้านนี้เลย เรียกว่าเป็นอีกร้านฮิตในเกียวโตเลยก็ว่าได้

ออกจากร้านเจอทั้งแดดทั้งลมและด้วยความที่ Cerave เค้ามีขนาดพกพา 50 มล. จะพกไปไหนมาไหนก็สะดวก แอบกระซิบบอกอีกว่า Cerave เค้าใช้เทคโนโลยี MVE ที่ทำให้เนื้อครีมและสารที่สำคัญลงสู่ผิวเราอย่างล้ำลึกและอยู่ยาวนานได้ถึง 24 ชั่วโมงเลยนะ จะทาก่อนออกเที่ยวหรือระหว่างวันก็ได้ทั้งนั้น

ตัวเนื้อครีมที่บางเบา ซึมไว ไม่อุดตัน ทำให้ประหยัดเวลาการดูแลผิวสุด ๆ ในเวลาเร่งด่วนแบบนี้ จะออกไปเจอสภาพอากาศไหน ก็มั่นใจ แค่ทาเติมความชุ่มชื้นเอาไว้ก่อน

ทาปุ้บผิวชุ่มชื่นทันที หมดปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวแห้งเป็นขุย ผิวแห้งหมองคล้ำ ผิวแห้งไม่เรียบเนียน แถมยังช่วยฟื้นฟูให้ผิวกลับมาแข็งแรง ไม่ระคายเคืองง่ายพร้อมคงความชุ่มชื่นอีกด้วย แถมมีหลอดพกพาง่าย เหมาะกับสายเที่ยว จะพาไปไหนก็สะดวก เกียวโตก็เกียวโตเถอะ พร้อมลุยสุด ๆ รู้แบบนี้ต้องไปตำแล้วนะ

006 NISHIKI MARKET

เวลาเดินทางเที่ยวต่างประเทศสำหรับเราการได้ลงลึกเรื่องวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่นั้นบอกเลยว่าทำให้รู้สึกเหมือนมาถึงเมือง ๆ นั้นจริง ๆ อย่างตลาด “นิชิกิ” ตลาดที่เก่าแก่และคึกคักมาก ๆ ในเกียวโต ประเมินด้วยตาคร่าว ๆ จะเห็นร้านรวงนับ 100 ร้าน แม้จะเป็นซอยแคบ ๆ แต่บอกเลยว่ามีอาหารหลากหลาย ตั้งแต่ อาหารสด อาหาแห้ง อาหารท้องถิ่น ร้านใหญ่ ร้านเล็ก ร้านแผงลอย ร้านขายเครื่องครัว และอาหารเยอะเท่าที่จะนึกออก อยากกินอาหารถิ่นอะไรบอกเลยว่ามีเกือบทุกอย่างจริง ๆ

และสิ่งที่เราชอบมากสำหรับที่นี่คืออาหารเสียบไม้ โดยเฉพาะปลาไหลเสียบไม้ที่สามารถเลือกท๊อปปิ้งเป็นไข่ปลาแซลม่อนที่กัดแล้วกรุบ คลุกเคล้ากับเนื้อปลาไหลที่ทาซอสย่างสุกได้ที่ กลิ่นหอมจัด ๆ ชวนน้ำลายสอ หรือใครที่ชอบโปะไข่หอยเม่นก็สามารถเลือกได้ และทีเด็ดที่ดีงามไม่แพ้กันคือเจ้าปลาหมึกตั๋วจิ๋ว  ชุบซอสสูตรเกียวโตเคี้ยวหนุบหนับ แถมยังมีโมจิที่อัดไส้สตอเบอร์รี่สด ๆ ลูกเป้ง ๆ ล้นปากล้นคำเลย หวานฉ่ำ หอมแป้งโมจิ ฟินมาก

007 NYAN-NYAN-JI 

มาต่อด้วยจุดเช็กอินสุดแปลก เอาใจเหล่าทาสแมวดูบ้าง กับ NYAN-NYAN-JI คาเฟ่แมวสไตล์ญี่ปุ่น มาในคอนเซปต์ศาลเจ้าแมว อ่านไม่ผิดหรอก เพราะที่นี่ตกแต่งด้วยแมวในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดแมว หรือรูปปั้นแมว ที่มาในลุคเจ้าอาวาสแมวบ้าน พระแมวบ้าง แจกความน่ารักสุดคิวท์แบบจัดเต็มให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้ถ่ายรูปด้วยกันแบบจุใจ

ด้วยจิตรกร Toru Kaya ผู้ก่อตั้ง ที่ถ่ายทอดการหลงใหลในความน่ารักของเจ้าแมว ออกมาในรูปแบบเหมือนพิพิธภัณฑ์ หรือ Art Gallery ขนาดย่อม มีงานศิลปะมากมาย เกี่ยวกับน้องแมวตั้งอยู่แทบทุกจุด 

มีร้านขายของที่ระลึกสุดน่ารักจัดเต็มมาทั้งความน่ารักและความใส่ใจ ใครรักน้องแมว ขอแนะนำที่นี่เลย

008 Kawai Shrine (ศาลเจ้าคาวาอิจินจา) 

สำหรับเราญี่ปุ่นเป็นอะไรที่มักจะมีกิมมิคและสตอรี่ที่น่าสนใจมานำเสนออยู่บ่อย ๆ อย่างศาลเจ้าคาวาอิจินจา ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อก็คิดว่าต้องมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับความน่ารัก หรือความสวยงามแน่ ๆ เพราะมีคำว่าคาวาอิอยู่ และก็ใช่ครับ ที่นี่เหมาะสำหรับให้สาว ๆ ไปขอพรเรื่องความสวยความงาม อาจจะขอให้ตัวเอง หรือขอให้ลูกที่กำลังลังจะเกิดมานั้นหน้าตาดี ด้านในนั้นจะมีแผ่นไม้ที่ออกแบบมาเหมือนกระจกส่งหน้า เพื่อให้เราได้วาดหน้าตาที่เราชื่นชอบลงไป ใครฝีมือดีก็โชว์อาร์ตไปเลย คุณผู้หญิงส่วนใหญ่จะวาดด้วยเครื่องสำอางค์ของตัวเองที่มีในกระเป๋า และเขียนขอพรลงไปที่แผ่นไม้ด้านหลังและนำไปวางไว้ ก็ถือเป็นการเสร็จสิ้นการขอพร

ที่นี่ด้านหลังจะมีป่าและเส้นทางเดินไปศาลเจ้าถัดไปได้ และถ้าหากเป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จะกลายเป็นสถานที่ที่น่าถ่ายรูปลงโซเชียลไปอวดเพื่อน ๆ มาก ต้องมีคนถามแน่นอนว่าที่ไหน เพราะเส้นทางด้านหลังดูสวยงาม โรแมนติกสุด ๆ

DAY 3

009 KIFUNE JINJA 

สบายกันมาทั้งทริป ขอพาทุกคนมาออกแรงกันในวันสุดท้ายสักหน่อย เพราะจุดเช็กอินที่เราจะไป ตั้งอยู่บนภูเขาสูง จะต้องเดินขึ้นบันไดหลายขั้น แต่การออกแรงยามเช้าแบบนี้ แถมมีบรรยากาศรอบ ๆ เป็นต้นไม้สีเขียว รู้สึกสงบผ่อนคลาย มากกว่าเหนื่อยซะอีก ยิ่งถ้าได้รู้ว่าหนุ่มสาวที่นี่มักมาขอพรเรื่องความรักกัน เชื่อว่าหลายคนจะต้องเดินขึ้นกันแบบแทบไม่บ่นสักคำแน่นอน 

ศาลเจ้าแห่งนี้ มีไฮไลต์ตรงที่ทางขึ้น เพราะตลอดทั้งเส้นทางจะมีโคมไฟสีแดงตั้งเรียงรายอยู่ เป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตของนักท่องเที่ยวมาก ใครมาก็ต้องหยุดยืนถ่ายรูปกับโคมไฟสีแดงนี้ ระหว่างทางเดิน เราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติแบบใกล้ชิด ชอบศาลเจ้าที่ญี่ปุ่นตรงที่ แต่ละที่จะมีความพิเศษที่ไม่เหมือนกัน อย่างที่นี่จะมีเซียมซี ที่เมื่อเสี่ยงทายแล้วต้องนำไปแช่น้ำเท่านั้น ถึงจะเห็นคำทำนายได้ ใครมีแพลนไปหาสถานที่มูขอแฟน ก็ต้องมาลองที่นี่แล้วแหละ

010 Ninen-zaka and Sannen-zaka 

มาถึงเมืองมรดกโลกทั้งทีเราก็ไม่พลาดที่จะแวะมาถ่ายรูปจุดเช็คอินสุดฮอตในย่านเขตอนุรักษ์สถาปัตยกรรมฮิกาชิยาม่ากับมุมถนนเก่าที่มีหอคอย Yasaka เจดีย์ 5 ชั้นตั้งเด่นเป็นสง่าชวนให้ผู้คนที่มาต่างพากันหามุมถ่ายกันทั้งนั้น  โดยหอคอย Yasaka เป็นส่วนหนึ่งของวัด Hokan-ji  มีความสูงราว ๆ  46 เมตร สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 ทำให้ที่นี่เป็นภาพที่คุ้นชินตาทุกคนบนโลกและถือว่าเป็นมุมที่ใครมาเกียวโตแล้วพลาดกันเด็ดขาด

ภายในเขตอนุรักษ์สถาปัตยกรรมฮิกาชิยาม่า เราจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ความโบราณของย่านนี้ตั้งแต่อาคารบ้านเรือนเก่าแก่สมัยเอโดะรวมไปถึงร้านค้า ศิลปะ จรดไปยังวัดโชเร็นและคาเฟ่น่ารักอีกมากมาย

011 ย่าน ICHIJOJI 

ปิดท้ายด้วยเมืองสุดคูลในย่าน Ichijoji ย่านโลคอลในเกียวโตที่มีบรรยากาศเมืองเหมือนหลุดออกมาจากอนิเมะ หรือซีรีส์ญี่ปุ่นสักเรื่อง ตัวเมืองมีความเท่และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะเป็นแหล่งรวมร้านค้าขายของเก๋ ๆ อาร์ต ๆ มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ๆ โดยเฉพาะร้านหนังสือชื่อดังอย่างร้าน KEIBUNSHA ร้านหนังสือสุดโรแมนติก ที่เปิดไฟสีเหลืองอ่อน ๆ ให้ฟิลเหมือนเป็นสถานที่พบรักของตัวเอกในซีรีส์สักเรื่อง ภายในร้านมีหนังสือหลากหลายแนวมาก แถมยังมีสินค้าแนวอาร์ต ๆ น่ารักให้เราเลือกซื้อได้ด้วย

โดยเฉพาะร้านหนังสือชื่อดังอย่างร้าน KEIBUNSHA ร้านหนังสือสุดโรแมนติก ที่เปิดไฟสีเหลืองอ่อน ๆ ให้ฟิลเหมือนเป็นสถานที่พบรักของตัวเอกในซีรีส์สักเรื่อง ภายในร้านมีหนังสือหลากหลายแนวมาก แถมยังมีสินค้าแนวอาร์ต ๆ น่ารักให้เราเลือกซื้อได้ด้วย

นอกจากร้านหนังสือแล้ว ยังมีถนนราเมง ที่รวมร้านราเมงเอาไว้ให้คนรักเส้นได้ตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ อาหารสุดคลาสสิกที่ต้องได้กินเมื่อมาญี่ปุ่น แต่บอกเลยว่ามากินราเมงที่เมืองนี้ ให้ความรู้สึกฟินมากกว่าเดิมไปอีกหลายเท่า ด้วยบรรยากาศรอบ ๆ ที่ไม่ได้สวยงามหวือหวา แต่มีเสน่ห์ในแบบธรรมดา ทำให้ราเมงมื้อนี้ดูอร่อยขึ้นกว่าเดิม ส่วนนึงคงเป็นเพราะความสงบ น่ารักและเป็นกันเองของที่นี่ ทำให้เราเดินเล่น เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ได้แบบไม่เบื่อเลย

เป็นยังไงกันบ้างกับทริปเกียวโตหน้าร้อน 3 วัน 2 คืนทริปนี้ เรียกว่าเป็นไกด์ไลน์และแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนที่ยังไม่เคยไปเยือนเกียวโต หรือไปมาหลายครั้งแล้ว แต่ยังเก็บได้ไม่ครบ ได้มาใช้เวลาสั้น ๆ แต่พิเศษกับเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบนี้ มีจุดเช็กอินเยอะมาก เที่ยวกันให้ฉ่ำ ๆ กินกันให้จุก ๆ ไปเลย

ถึงเราจะเที่ยวหนักแค่ไหน แต่เราก็ยังมีเวลาได้ดูแลตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องผิว บางทีเดินทางมาทั้งวัน ผิวโดนแดดหลายชั่วโมง ทำให้เกิดอาการผิวแห้ง กร้าน เป็นขุย หรือมีผดผื่นแพ้ได้ง่าย อาจจะต้องการครีมบำรุงผิวที่ช่วยให้ผิวเราแข็งแรงขึ้น ซึ่ง Cerave ตอบโจทย์สุด ๆ ชอบตรงที่มีการดูแลผิวที่ไม่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ทำเองได้ง่าย ๆ แถมใช้เวลาแค่แป๊บเดียว เพียงแค่ทาครีมบำรุง ปล่อยให้ซึมลงผิวให้เซราไมด์ได้ปกป้องผิวเราให้แข็งแรงขึ้น แถมมีหลอดพกพาง่าย เหมาะกับสายเที่ยว จะพาไปไหนก็สะดวก รู้แบบนี้ต้องมีติดตัวแล้วเตรียมพกไปทริปเกียวโตทริปนี้กันเลย!


Leave a Reply

Your email address will not be published.