สมัยเราเรียนประวัติศาสตร์ศิลป์ อาจารย์เราบอกเอาไว้ว่า คนเราเวลาไปเที่ยวที่ประเทศไหนก็ตาม ก็ไปชมสถาปัตยกรรมกันทั้งนั้นแหละ เรามานั่งคิดดู เออมันก็จริงนะ เราไปไหนก็ถ่ายรูปกับตึกรามบ้านช่องซะเยอะเลย
เปิดประเทศครั้งนี้ เราเลยเลือกพุ่งตัวไปลอนดอน เพราะถ้าดูให้ดี อังกฤษก็เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมหลากหลายและหาดูได้ยาก อย่าง Tower Bridge ก็ไม่มีที่ไหนในโลกนี้หรือจะพวกตลาดก็สวยน่ารัก คาเฟ่ ร้านรวงอะไรก็สวยไปหมด เดินไปไหนมาไหนก็รู้สึกชิค ๆ เหมือนอยู่ในหนังโรแมนติกสักเรื่อง เราจะไปเก็บโลเคชั่นที่เห็นผ่านตากันบ่อย ๆ ซึ่งแต่ละสถานที่ก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมทั้งนั้น แบบที่ไปมาแล้วต้องร้องว้าวแน่นอน
และทริปนี้เราไปกับ vivo X80 Pro 5G มือถือถ่ายรูปสวยที่ทำหน้าที่เก็บความทรงจำตลอดทุกโลเคชั่นที่เราไป ด้วยเลนส์ครบจบทั้ง 4 ระยะ ไม่ว่าจะเป็น Normal สำหรับใช้ถ่ายรูปทั่วไปอะไรก็เอาอยู่ Periscope Telephoto เลนส์ซูมที่ซูมแบบ Optical ได้ถึง 5 เท่า หรือจะถ่ายรูปคนก็สวยด้วยเลนส์ Telephoto กับโหมด Portrait Mode Style ที่ทำหน้าชัดหลังละลายได้ดีมาก ส่วนสุดท้ายคือเลนส์ Ultra Wide ที่รับหน้าที่เก็บรูปตึกรามบ้านช่องได้สวยเป๊ะ ครบทุกรายละเอียด
ขอแนะนำเพื่อนร่วมทางของเราก่อน vivo X80 Pro 5G สี Cosmic Black เท็กซ์เจอร์ด้านสุดเท่ จับยังไงก็เกิดรอยนิ้วมือน้อย แถมยังหรู ดูดี มีระดับ หยิบขึ้นมาถ่ายรูปใครก็ต้องมอง และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดเลยก็คือเลนส์กล้อง ที่ vivo ได้ร่วมจับมือกับ ZEISS ผู้ผลิตเลนส์ระดับโลกมา Co-Engineered เพื่อผลิตชิ้นเลนส์พิเศษสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีเลนส์พร้อมหมดถึง 4 ระยะ ทั้ง Normal, Periscope Telephoto, Telephoto และ Ultra Wide พร้อมกับชิปประมวลผลภาพถ่ายแบบ V1+ ISP รับรองว่าถ่ายรูปสวยแบบไม่ต้องแบกกล้องให้เมื่อยตุ้ม
Day 1
Camden Market
เริ่มต้นทริปวันแรกด้วย Camden Market ตลาดอาร์ต ๆ ในลอนดอนที่มีของขายหลากหลายมาก ทั้งเสื้อผ้า ของกระจุกกระจิก และที่สำคัญคืออาหารเก๋ ๆ เท่ ๆ เพียบ แล้วไม่ได้มีแต่อาหารอังกฤษเท่านั้นนะ มียันอาหารไทย อาหารจีน ครบหมด เราเดินเลือกอยู่นานเลย
สุดท้ายก็มาเจอร้าน Meat Point ที่เป็นร้านสเต็กแบบอาร์เจนติน่า เราได้มาเป็น Steak and Chips เนื้อกับมันฝรั่งทอดคือเข้ากันได้ดีมาก บวกกับซอสแบบที่ไม่เคยกินมาก่อน แล้วยังจะถ่ายรูปสวยอีก หลังจากท้องอิ่มเราก็พร้อมเดินทางต่อ
The British Museum
มาถึงอังกฤษ ถ้าไม่ได้มา British Museum ก็จะเป็นทริปที่น่าเสียดายมาก วันนี้เราเลยอุทิศครึ่งวันที่เหลือให้กับที่นี่ไปเลย ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์เก่าแก่ที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1953 เอาไว้สะสมพวกโบราณวัตถุหรือสิ่งของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์จากรอบโลกเอาไว้ ซึ่งเขาจะแบ่งโซนไว้ให้เราเดินกันแบบไม่ตัดยุคไปมา ที่เราชอบเป็นพิเศษคือโซนอียิปต์โบราณ เราจะได้เห็นโลงมัมมี่ของจริงเลย หรือจะเป็นถ้วยโถโอชามก็ยังสมบูรณ์ดีมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าสิ่งของเหล่านี้ผ่านช่วงเวลามาหลายพันปีแล้ว
สำหรับโซนกรีก เราก็จะได้เห็นชิ้นส่วนของวิหารพาร์เธนอนของแท้ โดยที่ลวดลายแกะสลักยังอยู่ครบสมบูรณ์ แล้วก็มีพวกโซนเอเชียที่มีรูปปั้น พระพุทธรูป เดินชมไปเราก็งงอยู่นะ ว่าสมัยก่อนเขาขนของชิ้นใหญ่และหนักขนาดนี้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่นี่ได้ยังไง
การมาที่นี่แอบรู้สึกเหมือนได้เที่ยวรอบโลก สิ่งของแต่ละอย่างก็มีเรื่องเล่าของมัน และที่สำคัญคือ British Museum เข้าฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ถ้าเป็นคนชอบประวัติศาสตร์โลกและมีเวลา จะแวะมาทุกวัน ค่อย ๆ ดูทีละโซนไปแบบละเมียดละไมก็ได้นะ
ก่อนกลับก็ขอเก็บภาพนิดนึง เจ้ามือถือ vivo X80 Pro 5G เครื่องนี้ก็มี Portrait Mode Style ที่เหมือนถ่ายด้วยเลนส์ 50mm สามารถจำลองการเบลอของโบเก้ได้หลากหลายแบบทั้ง Distagon, Planar, Sonnar และ Biotar รวมถึง Cinematic ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในรุ่น vivo X80 Pro 5G นี้ นอกจากนั้นยังมาพร้อมเทคโนโลยี Gimbal ที่ช่วยให้เราถ่ายรูปได้ง่ายขึ้นไม่มีหลุดโฟกัสแน่นอน ความดีงามนี้มีเฉพาะในสมาร์ทโฟน vivo เท่านั้นนะ
ส่วนภาพนี้เราใช้โบเก้โหมด Biotar ทำภาพหลังละลาย เล่นโบเก้ได้สนุก หาพื้นหลังต้นไม้สีเขียวแบบนี้ แล้วถ่ายรัว ๆ ได้เลย ออกมาสวยปังแบบนี้เลย
Day 2
Big Ben
เข้าวันที่สองแล้ว วันนี้เราตั้งใจว่าจะไปถ่ายรูปกับหอนาฬิกา Big Ben ให้ได้เลย เพราะมาถึงอังกฤษทั้งที นอกจาก British Museum ก็ต้องเป็น Big Ben นี่แหละที่ต้องไปเยือน เพราะเราก็เรียนเรื่อง 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก มาตั้งแต่เด็กเลย โตมาแล้วใครจำได้บ้าง แต่ที่จริงแล้วเขาว่ากันว่า Big Ben ไม่ใช่ชื่อของหอนาฬิกานี้ แต่เป็นชื่อของระฆังอันที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ภายในหอนาฬิกาต่างหาก ชื่อจริง ๆ ขอหอนาฬิกานี้ชื่อว่า Elizabeth Tower ต่างหาก (หรือก่อนหน้านี้เคยมีชื่อว่า St.Stephen’s Tower) แต่พวกเราก็เรียกชื่อนี้กันจนติดปากนี่เนอะ
มาถึงแล้วต้องเซลฟี่บอกเพื่อนว่า ฉันถึงลอนดอนแล้วจ้า ก็จัดไปเลย เซลฟี่ด้วยกล้องหน้าของ vivo X80 Pro 5G ที่มีความละเอียดถึง 32MP เนียนกริ๊บ พร้อมรูรับแสงกว้างถึง f2.45 หน้าสว่างใส จะตอนเย็น แสงน้อย ก็ไม่หวั่น รูปออกมาชัดแจ๋ว
มาถ่ายวิวแบบนี้ เราขอเลือกใช้เลนส์หลัก Normal ความละเอียดถึง 50MP ที่ถ่ายอะไรก็สวยไปหมด เก็บวิวหอนาฬิกาได้ครบหมด
หรือถ้าใครอยากได้ภาพมินิมอลหน่อย ๆ ก็ลอง Periscope Telephoto เลนส์ซูมความละเอียด 8MP สามารถซูม Optical ได้ถึง 5 เท่า อย่างรูปนี้เราซูมไปถึง London Eye ได้ออกมาเป็นภาพสวย ๆ ไม่แพ้กล้องใหญ่แบบนี้เลย
และไม่ต้องห่วงว่าถ่ายรูปเยอะขนาดนี้แบตจะหมด เพราะแบตเตอรี่ของ vivo X80 Pro 5G มาพร้อมระบบ Fast Charge 80 w สามารถชาร์จเต็ม 100% ภายในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
The Monocle Cafe
ถ้าเป็นสายถ่ายรูปที่คาเฟ่ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะต้องเคยเห็นหนังสือ The Monocle Guid to Drinking & Dining ที่เป็นเล่มลายทางสีแดงสลับขาวแน่นอน และบางคนอาจจะเคยหยิบมาเป็นพรอพถ่ายรูปด้วยซ้ำ เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นนั่นแหละ ทุกคนรู้ไหมว่า The Monocle มีหน้าร้านที่เป็นคาเฟ่และขายของกระจุกกระจิกกับหนังสือของเขาด้วย พอวันนี้เราก็ได้มาที่หน้าร้านของเขาแล้ว ในฐานะคาเฟ่ฮอปเปอร์ มันรู้สึกคอมพลีทยังไงก็ไม่รู้
ตัวคาเฟ่ของเขาทำออกมามินิมอลน่ารักดี ใช้สีขาวเป็นส่วนใหญ่ มีผ้าใบสีดำขาวเป็นเอกลักษณ์แบบมองไกล ๆ ก็รู้ว่า อ๋อ ตรงนั้นไง เหมือนในหน้าปกหนังสือเลย ในร้านก็มีหนังสือ The Monocle Book of อื่น ๆ ให้เปิดอ่านอีกเพียบ หรือจะซื้อกลับบ้านก็มีนะ
Coppa Club
จบวันด้วยการกินมื้อเย็นที่ร้าน Coppa Club ร้านอาหารที่เขาจะทำอิกลูน่ารัก ๆ เอาไว้ให้นั่งกินอาหาร ชมวิวริมแม่น้ำเทมส์ ชมวิวสะพาน Tower Bridge แบบไม่ต้องปะทะความหนาวจากลมมากนัก ซึ่งทางร้านเขาก็เปิดทั้งวันแหละ แต่เราแนะนำว่าตอนกลางคืนจะสวยและโรแมนติกที่สุดเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว ต้องมาลองสักครั้ง สำหรับอาหาร เราลองสั่งเป็นพาสต้า ทางร้านก็ทำออกมาได้ดีเลย
กินมื้อเย็นกันอิ่มแล้ว เราก็ใช้มือถือ vivo X80 Pro 5G เครื่องดีเครื่องเดิม มาเปิด Night Mode เก็บภาพวิวสวย ๆ ยามค่ำคืนนี้เอาไว้ บอกเลยว่าถึงรอบข้างจะแสงน้อย แต่ภาพที่ได้ออกมานั้นสีสวยชัดแจนมาก แทบไม่ต้องแต่งสีเพิ่ม กดชัตเตอร์ปุ๊บสวยปั๊บแบบนี้เลย ทำโบเก้สวย ๆ ก็ได้นะ เก่งอะไรขนาดนี้เนี่ย
อย่างที่บอกเจ้า vivo X80 Pro 5G นั้นไม่ว่าแสงจะน้อยแค่ไหนก็สามารถเก็บภาพโมเมนต์ดี ๆ ได้อย่างไม่มีติดขัดเพราะตัวเลนส์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเคลือบเลนส์แบบพิเศษ ZEISS T* Coating (ไซส์ ที สตาร์ โค้ตติ้ง ) ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีประสิทธิภาพ ลดแสงรบกวนอย่าง Flares , Stray light หรือใครที่อยากได้ภาพไฟสวย ๆ ก็สามารถเปิด Portrait Mode Style ใช้โบเก้ Biotar แบบนี้ ก็ได้รูปสวย ๆ คมชัดในยามกลางคืน
Day 3
Columbia Road Flower Market
วันที่สามนี้เราขอเริ่มต้นวันแบบสดใสเหมือนในหนังด้วยการไปเดินตลาดดอกไม้ Columbia Road Flower Market หาซื้อดอกไม้มาทำคอนเทนต์เก๋ ๆ สักช่อนึง เราลืมภาพตลาดดอกไม้เฉอะแฉะที่บ้านเราไปเลย เพราะที่นี่ทุกอย่างดูน่ารักไปหมด เดินสบาย เลือกดอกไม้ที่ชอบแล้วซื้อกลับไปได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องราคาเลย เพราะทุกร้านขายถูกมาก เราชอบนะ เหมือนประเทศเขาส่งเสริมให้คนซื้อดอกไม้ไปเพิ่มความสดใสในชีวิตได้ทุกวัน
ซื้อดอกไม้ได้แล้ว เราก็มาแวะร้าน Dark Sugars ที่เป็นร้านคราฟต์ช็อกโกแลตใกล้กับตลาดนี่แหละ ในร้านมีทั้งช็อกโกแลตแบบเป็นบาร์ เป็นคำ หรือจะเป็นช็อกโกแลตดริงก์อุ่น ๆ จิบแก้หนาวก็มี ใครชอบของหวานจะต้องรักร้านนี้แน่นอน ช็อกโกแลตดริงก์เขาใส่เครื่องมาแน่นมาก แบบว่ากินแล้วมีเลอะแน่นอน และยิ่งเลอะก็ยิ่งสนุก
Tower Bridge
ตอนเด็ก ๆ คุณครูชอบให้เราร้องเพลง London Bridge is Falling Down เราก็อยากรู้ว่าเจ้าสะพานนี้จะหน้าตาเป็นยังไงนะ ถึงเพลงมันจะไม่มีความหมายอะไรเลยก็เถอะ พอได้มาเห็นของจริงแล้วก็รู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่มาก ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่มีหลักการว่ายิ่งสูง ยิ่งสวย ยิ่งอลังการ ยิ่งดี แล้วยังเป็นสะพานที่มีลักษณะของสะพานยกและสะพานแขวนอยู่ในหนึ่งเดียวทำให้สะพานนี้ไม่เหมือนสะพานไหนในโลกเลย
จากสะพานตรงนี้สามารถเห็นวิวแม่น้ำเทมส์ได้ยาวไปเลย ร้าน Coppa Club ที่เราเพิ่งไปกินมาเมื่อวานก็อยู่ตรงนี้นี่แหละ พอมาเห็นวิวตอนแดดจัดแบบนี้ก็รู้สึกว่ามานั่งกินตอนกลางวันก็น่าจะดีเหมือนกันนะ และถ้ามองเลยไกลไปอีกหน่อย ก็จะเห็นหอนาฬิกา Big Ben ด้วยนะ
Borough Market
มาหาอะไรกินกันต่อที่ Borough Market ตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในลอนดอน และรวบรวมของกินเอาไว้วาไรตี้มาก จะเป็นของสด ผัก ผลไม้ กาแฟ ไวน์ ชีส นม เนย ซีฟู้ดสดจากทะเล ไปจนถึงอาหารพื้นถิ่น อาหารต่างชาติ มีหมดที่นี่ เตรียมล้างท้องรอไว้เลย ร้านนั้นก็น่ากิน ร้านนี้ก็น่ากิน เดินไปกินไปกับเพื่อน อยากมาอีกพรุ่งนี้เลย
หลังจากแวะร้านโน้น เข้าร้านนั้น เราก็ตัดสินใจหาร้านนั่งพักสักร้าน ก็มาจบที่ร้าน Monmouth ร้านกาแฟที่ถ้ามาอังกฤษต้องแวะ เพราะกาแฟของเขาคัดสรรมาจากทั่วโลก และมีบาริสต้าฝีมือดี ทุกอย่างปั่นรวมกันเป็นกาแฟอร่อย ๆ หอม นุ่ม ดีสมคำร่ำลือ ซิกเนเจอร์ของร้านคือ ถ้าเราสั่งลาเต้ เขาจะเรียกเราให้ไปดูเขาเทลาเต้สด ๆ ทุกแก้วเลย ซึ่งเขาก็เทออกมาสวยจริง ๆ นะ
Natural History Museum
ในวันแรกเราไปท่องโลกแห่งประวัติศาสตร์กับ British Museum กันไปแล้ว วันนี้เรามาดูธรรมชาติกันที่ Natural History Museum กัน ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จะเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ธรรมชาติ เหมือนเรากลับไปเข้าคลาสเรียนชีววิทยาอีกครั้งหนึ่งด้วยวิวัฒนาการมนุษย์ โครงกระดูกไดโนเสาร์ การกำเนิดโลก และสัตว์โลกอีกมากมาย นอกจากนี้สถาปัตยกรรมทั้งภายนอกและภายในของที่นี่ยังสวยมากอีกด้วย รู้สึกเหมือนอยู่ในฮอกวอตส์เลยนะเนี่ย
กลางพิพิธภัณฑ์จะมีกระดูกไดโนเสาร์อันใหญ่จัดแสดงอยู่ ซึ่งมาถึงตรงนี้ไม่เก็บภาพก็คงไม่ได้ เราเลยใช้เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 48MP สามารถเก็บมุมมองได้กว่งถึง 114 องศา เก็บภาพนี้มาฝากทุกคนกัน ก็คือไวด์มากจนเก็บครบตั้งแต่หัวจรดหางไดโนเสาร์ แล้วยังเก็บสถาปัตยกรรมภายในได้ครบอีก
จบทริปไปแล้ว เราได้ภาพสวย ๆ กลับไปเพียบเลย ถ้าใครอยากได้เพื่อนร่วมทางที่ถ่ายรูปอะไรก็สวยไปหมด จะรูปวิว รูปคน รูปอาหาร ครบทุกช่วงเลนส์ ก็สามรถไปจับจอง vivo X80 Pro 5G กันได้ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ในราคา 39,999 บาท และยังมีรุ่นน้องอย่าง vivo X80 5G ในราคาเพียง 29,999 บาท อีกด้วย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vivo.com/th/products/x80pro