Dive Into Your Dreams : The Magic of Maldives 🇲🇻
เก็บอีกหนึ่งลิสต์ที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต ได้สัมผัสอัญมณีแห่งมหาสมุทรอินเดียคลอเคลียกับฝูงปลาในน้ำทะเลสีเทอร์ควอยส์ กับ ‘มัลดีฟส์’ เกาะสวรรค์ของชาวโลกที่คนไทยได้เที่ยวแบบ ฟรีวีซ่า! ทริปนี้เราทำแพลนแบบทุกระดับประทับใจ ตั้งแต่เที่ยวแบบจอย ๆ เก็บครบทุกประสบการณ์เห็นทั้งชีวิตชาวเมือง สัมผัสความโลคอล พร้อมดำน้ำชมปะการังในจุดสุดป็อปใช้เวลา 3 วัน 2 คืน ในงบไม่ถึงหมื่น พร้อมความเอกซ์คลูซีฟพรีเมียมตาแตก
แต่ถ้าใครอยากพักผ่อนแบบมหาราชากินอยู่อย่างมหาราณีในห้อง Over Water Villa วิลล่าหรูกลางทะเลทางเราก็มีชอยส์ให้เลือกกับการเข้าพักที่ Centara Ras Fushi Resort กับแพ็กเกจ All inclusive เที่ยว 3 วัน 2 คืน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 7,500 บาท/คน พร้อมดีลพิเศษ เมื่อบินกับแอร์เอเชีย รับฟรี! ของต้อนรับ ดินเนอร์แสนหรู Spa credit พร้อมอัปเกรดห้องฟรี เพียงแสดงตั๋วเดินทางกับแอร์เอเชีย ณ วันเข้าพักได้เลย
ที่สำคัญแอร์เอเชียเขามีไฟล์ทบินตรงจากกรุงเทพสู่มัลดีฟส์ทุกวัน นั่งยังไม่ทันเมื่อย ก็ได้เจอซัมเมอร์ไวบ์แบบทันตา บอกเลยว่าอ่านจบโพสต์นี้จะต้องมีคนตื่นตะลึงกับความปังจนมือลั่นกดจองตั๋วตามรอยเรามาแน่นอน
Flight Bangkok to Maldives
ช่วงนี้สายการบินในเอเชียที่เราอินเป็นพิเศษต้องยกให้แอร์เอเชีย สายการบินราคาประหยัดที่มีมาตรฐานดีไม่เคยดรอป ทั้งเรื่องความตรงเวลา แอปพลิเคชันใช้ง่าย มีเส้นทางที่เยอะขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าจากกรุงเทพฯ เราสามารถบินตรงมาที่มัลดีฟส์ได้เลย ด้วยไฟลท์ FD175 ใช้เวลาประมาณ 4 ชม.นิด ๆ ก็แลนด์ดิงสู่ Malé International Airport แล้ว อย่าลืมเลือกแพ็กเกจสุดคุ้ม ราคาแสนดีที่มีให้ทั้งน้ำหนักกระเป๋า อาหารร้อน ๆ รสชาติโดน ๆ และเลือกที่นั่งมุมโปรด บอกเลยว่าถูกกว่าซื้อแยกเยอะมาก
Day 1 : Bangkok – Maldives – Maafushi Island
หลังจากที่ล้อเครื่องแตะรันเวย์บนเกาะกลางทะเลสีฟ้าใส ก็รีบลงสปีดโบ๊ทมุ่งตรงมายังเกาะ Maafushi หรือที่รู้จักกันในนามเกาะโลคอล (Local Island) เป็นเมืองที่ประชากรมัลดีฟส์อยู่กันเยอะมาก และด้วยความที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม จึงมอบประสบการณ์การเที่ยวทะเลที่แตกต่างจากที่อื่น ทั้งเรื่องแอลกอฮอล์ที่แทบไม่มีขายตามร้านค้าทั่วไป ห้ามแต่งตัวโป๊หรือนุ่งสั้นแม้จะอยู่ตามชายหาด (มีบางจุดที่ผ่อนผันได้) เราจึงได้สัมผัสวัฒนธรรมของชาวเมือง พร้อมราคาการกินอยู่ก็ค่อนข้างน่ารักกว่าใช้บริการบนเกาะส่วนตัวเยอะ ส่วนเรื่องการใช้จ่ายสามารถใช้ USD ได้ แต่เขาจะทอนเป็น RFM (Maldivan Rufiyaa) นะ
Beach Club
โดยวันนี้เราจะเน้นเดินชมสีสันของบ้านเมืองเขาสักหน่อย เอาจริง ๆ เกาะนี้ไม่ได้ใหญ่มาก สามารถเดินรอบเกาะใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะเปิดเป็นร้านอาหาร คาเฟ่และที่พักให้เราแวะชิม แวะชมอยู่เพียบ เราสะดุดตากับร้าน ‘Beach Club’ ร้านไอศกรีมเล็ก ๆ ที่คนท้องถิ่นยังแนะนำ ตั้งอยู่ในตรอก Miskiy Magu โดดเด่นด้วยสีเหลือง ด้านหน้าประตูมีไม้เลื้อยปกคลุมดูน่ารัก พร้อมเสิร์ฟเจลลาโตสุดเฟรช มีรสให้เลือกเยอะ เท็กซ์เจอร์ครีมมี ควอลิตีเต็มสิบ!
⏰ เปิดทุกวัน : 09:00 – 17:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/LqJkX7n3F1jyFNda9
Day 2 : One Day Trip Maafushi Island – Fulidhoo Island
หลังจากที่นอนเก็บแรงแบบยาว ๆ วันนี้เราพร้อมแหวกว่ายลงไปเซย์ไฮกับน้อง ๆ ใต้ท้องทะเลด้วยการซื้อทัวร์ทะเลแบบ One Day Trip ที่เราจองไว้เมื่อวาน ราคาจะอยู่ระหว่าง 50$ – 65$ จนไปถึงร้อยเหรียญต่อคน ไฮไลต์ในทริปนี้คือ
🐬 Lucky Dolphin
🐡Fulidhoo – Stingray Watching
🦈Snorkeling at Nurse Shark
⛴Snorkeling at Shipwreck
🏖Picnic in Sand Bank
Lucky Dolphin
ทัวร์เริ่มตั้งแต่ 8 โมงเช้า มุ่งตรงไปสู่แหล่งที่อยู่ของโลมา เพื่อชม ‘Lucky Dolphin’ จุดวัดแต้มบุญว่าน้องจะออกมาทักทายหรือไม่ ซึ่งครั้งนี้เราได้เห็นน้องอยู่ไกล ๆ ตีครีบยกตัวกระโดดเล่นคลื่นให้เราเห็นอย่างน่ารัก เอาจริง ๆ เห็นแค่นี้ก็เริ่มตื่นเต้นแล้ว พอเรือพาเทียบหาดบนเกาะ Fulidhoo ก็เจอกับ ‘Stingray Watching’ เหล่ากระเบนที่ว่ายเข้าหาอย่างเป็นมิตร ยิ่งทำให้ใจฟูเข้าไปใหญ่ เรียกว่าอากาศ และสิ่งมีชีวิตของที่นี่ค่อนข้างรู้งานมาก ๆ เลยล่ะ
Snorkeling at Nurse Shark
สปอตนี้มอบแด่คนใจกล้าด้วยการลงไปแหวกว่ายท่ามกลางฝูงฉลาม.. ‘Snorkeling at Nurse Shark’ แต่น้อง ๆ เป็นฉลามพยาบาลที่มีความเชื่องช้า และชิลกว่าฉลามชนิดอื่น ๆ บางช่วงจะมีมากเป็นร้อยตัวเลย ซึ่งฉลามเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายต่อคน พวกเขาจะชอบกินปลาเล็ก ๆ กุ้ง ปลาหมึกมากกว่า แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่นิดหน่อยเช่นการเก็บมือไม้ให้กรุยกรายมาก อาจเกิดการเข้าใจผิดว่าเป็นปลาแล้วน้องว่ายงับเอาได้ ก่อนลงน้ำจะมีไกด์คอยให้คำแนะนำอยู่ กิจกรรมนี้คนว่ายน้ำไม่แข็งก็ใส่ชูชีพลงไปได้เช่นกัน ได้สัมผัสประสบการณ์ไม่ต่างกัน
Snorkeling at Shipwreck
สามสิ่งแรกที่เจอไปว่าว้าว!! แล้ว จุดต่อมายิ่งว้าวเข้าไปใหญ่ด้วยการ ‘Snorkeling at Shipwreck’ เปลี่ยนเรืออับปางให้กลายเป็นบ้านหลังใหญ่ของสัตว์ทะเล ซึ่งเรือจะอยู่ไม่ลึกมากนัก มีบางส่วนโผล่พ้นเหนือน้ำ ทำให้เราเห็นความใสหมดจดของทะเลมัลดีฟส์ได้อย่างชัดเจน เป็นสีฟ้ามรกตอย่างถูกต้อง เมื่อลองเอาหน้าจุ่มมองลงไปจะเห็นสีสันของปะการังหลากชนิด พร้อมปลาน้อยที่ว่ายเวียนหาอาหารอยู่รอบ ๆ เป็นอีกโลกที่น่าพิศวงสุด ๆ
Sand Bank
หลังจากว่ายวนจนแรงเริ่มหดหายทางพี่ไกด์ก็ได้เลี้ยวเรือเทียบที่ ‘Sand Bank’ ชายหาดสีขาวเล็ก ๆ ที่มีผืนทรายเนื้อนุ่มละเอียดโผล่พ้นทะเลขึ้นมา ซึ่งจะเห็นในช่วงน้ำลงเท่านั้น ให้ฟีลลิ่งติดเกาะนิด ๆ แต่ด้วยความสวยของทัศนียภาพ ความเวิ้งว้างของวิวอันสดใสก็ถือเป็นการติดเกาะที่เราเต็มใจ จากนั้นเราก็ได้ข้าวเที่ยงคนละกล่องพร้อมน้ำผลไม้ กินเสร็จเขาก็มีเวลาให้เราถ่ายรูป เล่นน้ำหน้าหาดได้ชิล ๆ เป็นชั่วโมงเลย
Bikini Beach
กลับสู่ Maafushi ตอนบ่ายแก่ ๆ เราก็เดินเลาะมาที่ ‘Bikini Beach’ ชายหาดที่เขาเปิดให้นักท่องเที่ยวใส่บิกินีเล่นน้ำ อาบแดดได้อย่างอิสระ ทรายทุกจุดที่เราเจอเรียกว่าละเอียด เย็นสดชื่นพร้อมโอบอุ้มทุกส่วนของร่ายกายที่สัมผัสอย่างนุ่มนวล หน้าหาดมีปะการังเล็ก ๆ ให้เราดำน้ำตื้น หรือจะนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินก็เหมาะ และด้วยความที่เกาะนี้ไม่ค่อยขายแอลกอฮอล์จึงมีความเงียบสงบไร้เสียงโหวกเหวกโวยวาย กลายเป็นคอมฟอร์ตโซนที่แสนสบายใจ
⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/LYcixon2HYsDxNmd9
Juice Vibe
แต่ถ้าจะบอกว่าหาดนี้จอแจมากที่สุดก็ไม่ติด เพราะนักท่องเที่ยวทั้งผมทองผมดำต่างกระจุกตัวอยู่ที่นี่ จึงเป็นจุดที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยร้านค้า คาเฟ่ ร้านอาหาร จนเราอดใจไม่ไหวต้องเดินเข้าไปออเดอร์น้ำผลไม้ปั่นสักแก้วที่ร้าน ‘Juice Vibe’ คาเฟ่สีขาวที่ถูกแต่งแต้มด้วยผลไม้หลากชนิด ขายทั้งเมนูกาแฟ ม็อกเทล น้ำผลไม้สด ผลไม้ปั่น ฯลฯ แนะนำว่าบรรยากาศแบบนี้ต้องสั่งพวก มะม่วง เสาวรส สับปะรด จะได้อารมณ์ซัมเมอร์สดใสในอุดมคติเลยทีเดียว
⏰เปิดทุกวัน เวลา 8:30 – 22:30 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/E7zqf9yZykUzrB6JA
และแล้วช่วงเวลาที่เฝ้าฝันก็มาถึง กับภาพพระอาทิตย์ตกดินลงสู่มหาสมุทรอินเดีย แสงสีทองที่บรรจงทอลงสู่ผิวน้ำสะท้อนตา งดงามจนเกือบลืมหายใจ เหมือนทุกอย่างถูกหยุดเวลาไว้เพื่อให้เราดื่มด่ำอย่างเต็มที่ เห็นวิธีการชมเมจิกโมเมนต์ของผู้คนที่แตกต่าง ทั้งพายคายัค นั่งเรือไปชมกลางทะเล ขึ้นพาราเซลลิงชมวิวอยู่กลางอากาศ สิ่งเหล่านี้ทำให้ที่นี่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นหลายเท่าตัว
ใครที่แพลนมากับกลุ่มเพื่อนแล้วอยากได้ความม่วนความจอย ตามชายหาดยังเต็มไปด้วยกิจกรรมสนุก ๆ ให้เล่นเยอะมาก นอกจากที่เห็นเรายังมี Seabob, Jetski, Fly Boarding, Wake Boarding, Fun Tube & Banana Boat, Kitesurfing รวมไปถึงอุปกรณ์เช่าสำหรับดำน้ำ ราคาตั้งแต่ 25$ – 150$ อยู่ได้แบบไม่ต้องกลัวเบื่อเลย
Mr.Octopus – Your holiday Chef
อาหารเย็นวันนี้เราจัดชุดใหญ่เพื่อเป็นการให้รางวัลแก่ความเฮงของตัวเองที่ร้าน ‘Mr.Octopus – Your holiday Chef’ การตกแต่งเป็นกึ่งแบบเอาท์ดอร์ริมหาด ตั้งซุ้มแบบง่าย ๆ แซมด้วยต้นไม้ แต่พอลองชิมอาหารปุ๊บก็อยากแนะนำให้ทุกคนได้ลิ้มลองทันที ด้วยความหลากหลายของเมนูมีทั้งซีฟู้ด อินเดีย อิตาเลียน ยุโรป เอเชียน บวกกับพนักงานที่แสนจะเฟรนด์ลี่สร้างความฟีลกู้ดตั้งแต่เดินเข้าก็ยิ่งเหมาะสมกับคนต่างที่ต่างถิ่นอย่างเราเป็นที่สุด
⏰เปิดทุกวัน เวลา 12:30 – 23:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/C4DtnQPmpTosHrF68
เราเลือกสั่งซิกเนเจอร์ของร้าน ‘Grilled Octopus’ คนรักหนวดหมึกจะต้องกรี๊ดกับจานนี้ กับหนวดปลาหมึกยักษ์ย่างชิ้นโตที่กริลด์ระดับสุกกำลังดี มีความเหนียวนุ่มหอมกลิ่นทะเลผสานกลิ่นถ่านมาอย่างกลมกลืน รสชาติเค็มกลมกล่อมกินแซมกับมันฝรั่งและสลัด เข้ากันจนแทบไม่ต้องปรุง หากใครอยากกินแบบหลาย ๆ อย่างรวมกันลองสั่ง ‘Mixed Seafood Platter Solo’ รวมมิตรกุ้ง ปู ปลา ปลาหมึกสดเหมือนเพิ่งตกขึ้นจากทะเล กินกับทาร์ทาร์ซอสสูตรพิเศษ มาเพิ่มความนัวจนหยุดไม่ได้
Day 3 : Maafushi Island – Centara Ras Fushi
ส่วนใครอยากเพิ่มให้ทริปนี้พิเศษกว่าเดิมขอแนะนำให้โยกย้ายตัวจากความโลคอลสู่ความแกรนด์ระดับเวิลด์คลาสมานอนที่ ‘Centara Ras Fushi’ เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน กับแพ็กเกจ All inclusive ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 7,500 บาท/คน ซึ่งเขามีดีลพิเศษกับแอร์เอเชียเพียบ!! ตั้งแต่
🍰ฟรี! ของต้อนรับ
🛏ฟรี! อัปเกรดห้องพัก
🥂ฟรี! ดินเนอร์แสนหรู
💆ฟรี! Spa Credit
แค่กดลิงก์จองตรงผ่าน : www.centarahotelsresorts.com
จากนั้นก็แสดงตั๋วเดินทางกับแอร์เอเชีย ณ วันเข้าพักก็รับสิทธิพิเศษจุก ๆ ที่ว่านี้มาได้เลย ติดตามสิทธิประโยชน์สำหรับผู้โดยสารแอร์เอเชียได้ที่ https://www.centarahotelsresorts.com/airasia-boardingpass
ห้องพักของเขามีให้เลือกถึง 5 รูปแบบ ห้องที่เราเลือกเป็นไทป์ Deluxe Overwater Villa ยื่นออกไปนอกทะเลเห็นวิว Sunrise ภายในครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมระเบียงแบบเปิดโล่งมีบันไดเดินลงสู่ทะเลประหนึ่งสระน้ำส่วนตัว ซึ่งแน่นอนว่ามักมีปลาขนาดเล็ก-กลางว่ายโฉบมาโชว์ตัวอยู่ไม่ขาด
อีกอย่างที่สร้าง First Impression ให้เราได้ดีสุด ๆ คือของว่าง Welcome Set ที่ตกแต่งสวยงามสมมง Centara เป็นบรรดาของหวานหน้าตาแสนแกรนด์จากปาติซิเยมือทอง รสชาติหวานละมุนกินพร้อมเครื่องดื่มเย็น ๆ มาช่วยขจัดความเหนื่อยล้าได้ในพริบตา
ราว ๆ ห้าโมงเย็นเราตั้งใจเดินตรงมาที่ Viu Bar ศาลาทรงกลมสุดชิล เพื่อร่วมกิจกรรม Fish Feeding โดยปลาที่ว่ายมากินอาหารคือ Nurse Shark เอาจริง ๆ ไม่ต้องนั่งเรือไปว่ายที่ไหนไกลเลย รอบ ๆ ที่พักเราเจอน้อง ๆ บ่อยมาก หรือถ้าใครอยากทำกิจกรรมอื่น ๆ เขาก็มีบริการพายเรือคายัค เรือถีบ อุปกรณ์ดำน้ำตื้น จนไปถึงกีฬาทางน้ำอื่น ๆ หรือจะเข้าฟิตเนส เล่นเกมส์ใน E-zone ก็ไม่ติด เรียกว่าถูกใจทั้งสายชิล สายเอ็กซ์ตรีม และเกมเมอร์แน่นอน
ส่งท้ายวันกันด้วยบรรยากาศ Magic Hour นั่งดื่มด่ำกับภาพพระอาทิตย์ตกใน Viu Bar ชมการเปลี่ยนโลกสีฟ้าอันสดใส ให้กลายเป็นสีส้มอมม่วงแสนโรแมนซ์ รับลมทะเลพัดมาไม่ขาดช่วง เคล้าเสียงดนตรีสดที่แว่วมาอย่างไพเราะ เป็นบรรยากาศเนิบช้า ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนของเกาะวิว Sunset ของเขาก็ทำเราตกอยู่ในภวังค์ได้เสมอเลยจริง ๆ
หลังจากที่อำลาแสงสุดท้ายเรียบร้อยก็ได้เวลาดินเนอร์สุดอลังแล้ว อาหารทุกมื้อของเรารวมอยู่ในแพ็กเกจ All inclusive เป็นอาหารครบมื้อ มีให้เลือกทั้งอาหารอาหรับ อิตาเลียน อินเตอร์ฯ และอาหารไทยที่รสชาติทำออกมาได้จัดจ้าน feel like home สุด ๆ สำหรับแพ็กเกจนี้เรายังสามารถจิบเครื่องดื่มไม่อั้นช่วง Happy Hour ได้อีกด้วย
และสิทธิพิเศษที่ว้าวมากที่สุดยกให้ประสบการณ์สปาที่เลิศที่สุด ณ ‘SPA Cenvaree’ สร้างรอยยิ้มตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไป กับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ด้านหนึ่งเป็นนานาพรรณไม้ขึ้นปกคลุมเขียวชุ่มชอุ่ม ทะลุไปอีกด้านเป็นวิวมหาสมุทรสบายตา มีกลิ่นเครื่องหอมอบอวลชวนผ่อนคลาย จัดเสิร์ฟชาสมุนไพรรสละมุนสร้างความอุ่นภายในร่างกายเป็นการเริ่มบทแรกสำหรับการบำบัดได้ดีทีเดียว
ใครที่อยากให้รางวัลตัวเอง อยากสร้างช่วงเวลาพิเศษกับคนรัก แนะนำว่าให้จัดทริปมัลดีฟส์กดจองตั๋วพร้อมที่พักไว้ได้เลย และอย่าลืมบินตรงกับแอร์เอเชียแล้วจะรู้ว่าของถูกและดีมีอยู่จริง
