3 Days of Adventure : A Road Trip Through Yamaguchi Prefecture 🇯🇵
ฟีลเมืองชนบทน่ารัก ๆ ติดทะเล และเงียบสงบ ที่มีความปังทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ที่เป็นแหล่งกำเนิดซามูไร แถมมีวิวสวย ๆ อลังการดูแปลกตา เหมาะสำหรับคนที่มองหาสถานที่พักผ่อนกับธรรมชาติแบบชิลล์ ๆ
ไฮไลต์นอกจากอาหารทะเล ที่เค้าว่ากันว่าสดและดีที่สุดไม่แพ้ที่อื่นในญี่ปุ่นแล้ว ยังมีเมนูหาทานยากอย่าง “เนื้อปลาปักเป้า” ที่เป็นไอเท็มสุดแรร์ของจังหวัดนี้ แถมที่นี่ยังมีคาเฟ่สุดชิคสไตล์มินิมอลริมทะเลให้เราเช็กอิน มีแลนด์มาร์กวิวหลักล้านเป็นศาลเจ้า สะพานข้ามแม่น้ำเก่าแก่ และถ้ำหินปูนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นซ่อนตัวอยู่ ไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งหมดที่ว่ามาจะอยู่ในจังหวัดนี้!
เสน่ห์ของเมืองน่ารักติดทะเล จะคุ้มค่ากับการไปเช็กอินขนาดไหน แนะนำว่าให้ไปสัมผัสกับตัวเองสักครั้ง เดินทางง่าย เพราะไปจากฝั่งคิวชูได้ แถมมีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ เยอะ ถ่ายรูปออกมาคือปัง สำหรับคนที่ชอบทะเล รักธรรมชาติ แต่ติดแกรมหน่อย ๆ ที่นี่คือเหมาะสุด จะมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย!





My Itinerary
Day 0 : Bangkok – Fukuoka
Day 1 : Fukuoka – Shimonoseki – Nagato
- Kawara Soba Honten Otafuku
- Sig co. Cafe
- Zero Cafe
- Tsunoshima Bridge
- Motonosumi Inari
Day 2 : Mine – Yamaguchi
- Ohmine Shuzou
- Beppu Benten Pond
- Akiyoshido Cave
- Yudaonsen Station
- Shunraiken
Day 3 : Iwakuni – Shimonoseki – Fukuoka
- Kintai-kyo Bridge
- Choshuya Kintaikyo-ten
- Battle of Dan-no-ura
- Roy Cafe
- Karato Fish Market

Flight Bangkok to Fukuoka
เดินทางรอบนี้ง่ายมาก เพราะ Thai Vietjet Air มีเที่ยวบินตรงจากสุวรรณภูมิไปฟุกุโอกะ ถึง 6 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตอบโจทย์ที่ว่าญี่ปุ่นก็แค่ปากซอยสุด ๆ และด้วยความบินตรง ทำให้เราได้พักผ่อนบนเครื่องแบบเต็มอิ่ม รู้ตัวอีกทีก็ถึงฟุกุโอกะ และอีกหนึ่งสิ่งที่เราชอบเดินทางกับทาง Thai Vietjet Air คือเบาะที่นั่งเค้ากว้างขวาง แถมมีเมนูอาหารให้เราเลือกมากมาย นั่งเพลิน ๆ ทานของอร่อย ๆ แป๊บเดียวก็บินลัดฟ้าถึงประเทศญี่ปุ่นแล้วว
เส้นทางการจอง : https://th.vietjetair.com/



เมือง Shimonoseki
Day 1 : Fukuoka – Shimonoseki – Nagato
Kawara Soba Honten Otafuku
เริ่มต้นให้เข้าบรรยากาศดี ๆ ใน Yamaguchi ด้วยการมานั่งกินโซบะในสไตล์ญี่ปุ่น ที่ร้าน Kawara Soba Honten Otafuku กับเมนู คาวาระโซบะ ขึ้นชื่อในเมืองนี้ จุดเด่นของร้านคือการเสิร์ฟบนแผ่นเตากระเบื้องร้อน ๆ มาพร้อมเส้นโซบะสีเขียว ที่เป็นการผสมชาเขียวลงไปกับเส้น รสชาติดี เส้นเหนียวนุ่ม เข้ากับดีกับท็อปปิ้งด้านบน แค่ซู้ดเส้นคำแรก ก็สัมผัสได้ถึงความสดใหม่ของวัตถุดิบที่เลือกมาอย่างดี เป็นมิติใหม่ของการกินโซบะมาก อะเมซิ่งสุด ๆ อีกหนึ่งประทับใจอีกอย่างคือบรรยากาศร้าน ที่ด้านนอกมีความร่มรื่น ด้านในให้ฟีลอบอุ่นเหมือนบ้าน มีความเรียบง่ายเป็นกันเอง มีความเป็นญี่ปุ่น แบบผสมผสานการตกแต่งระหว่างสไตล์ใหม่และดั้งเดิมได้ลงตัว ลูกค้าเลือกนั่งได้ด้วยว่าจะนั่งบนเบาะกับโต๊ะญี่ปุ่นหรือนั่งเก้าอี้ ใครมาเที่ยวจังหวัดนี้ห้ามพลาดกับเมนูนี้เด็ดขาด
⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 11:00 – 22:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ehsZPsBqPFAmkEQp6





Sig co. Cafe
มาเช็กอินคาเฟ่คิ้วท์ ๆ กันต่อที่ Sig co. Cafe คาเฟ่ที่มีโลเคชั่นสุดปัง เพราะอยู่ติดกับทะเล ตกแต่งร้านน่ารักเรียบง่าย ตัวร้านเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ แต่ฟีลดีมาก ภายในทำจากไม้สีอ่อน คุมโทน กับหลังคาแบบเปิดช่องใส ๆ ให้แสงผ่านเข้า ช่วยสร้างบรรยากาศให้เหมือนเรามาพักผ่อนในช่วงซัมเมอร์ตลอดเวลา รู้สึกชิลสุด ๆ
⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:00 – 17:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/kMte9n3ktHx1SCYv9




สำหรับเครื่องดื่ม ทางร้านมีทั้งแบบ Coffee และ Non-Coffee ให้เลือก มีเบเกอรีด้วยนะ ไม่ว่าจะชีสเค้ก หรือขนมปังปิ้งหลากหลายเมนูเลย สั่งเครื่องดื่มแล้วจะนั่งเล่นในร้าน หรือจะออกไปเดินเล่น หาที่นั่งชมวิวริมทะเลก็ได้ ผ่อนคลายอีกแบบ ถ้าใครพอมีเวลาแนะนำให้มาช่วงเย็น จะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกด้วย



Zero Cafe
มาฮอปกันต่อที่คาเฟ่บนดอยสูงกันบ้าง กับร้าน Zero Cafe ที่บอกว่าดอยสูง ไม่ใช่ตั้งบนภูเขาเป็นดอยแบบบ้านเราแต่อย่างใด แต่เป็นคาเฟ่สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ คล้ายกล่องมีโลเคชั่นอยู่บนเนิน สามารถมองเห็นวิวทะเลมุมกว้างได้รอบด้าน ตัวกาแฟหลักร้อย แต่วิวหลักล้านเวอร์ ที่นี่ไม่ได้เหมาะแค่มานั่งจิบกาแฟชิมวิวรับลมทะเลเท่านั้นนะ แต่ยังเหมาะกับสายฮิปสเตอร์ มินิมอลลิสต์ ที่ชอบความน้อยแต่มาก เรียบ ๆ แต่ดูดี เพราะร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาวเรียบ ๆ แต่ใส่กิมมิกด้วยโลโก้ร้าน และหน้าต่างกระจกบานกว้างไว้ดูวิวทะเล
⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 10:00 – 18:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/PidrMjmtpyG2hqMT6


ถูกใจตรงที่พนักงานร้านน่ารักเป็นกันเอง มีเครื่องดื่มให้เลือกหลายแบบทั้งกาแฟและเมนูอย่างมัทฉะ สตรอว์เบอรรี มีเบเกอรี่เป็นแซนวิซและเมนูอื่น ๆ มากมาย เหมาะกับการมานั่งพักผ่อน รองท้องก่อนเที่ยวต่อ แนะนำให้ออกมานั่งระเบียงด้านนอก แล้วหันหน้ารับลมทะเล ลมวิวคลื่น ที่แสงแดดตกกระทบเป็นประกายวิบวับ รู้ตัวอีกทีก็ใช้เวลาไปเป็นชั่วโมงกับการนั่งดูวิวทะเลเวิ้งกว้าง ๆ แบบนี้


Tsunoshima Bridge ( สะพานทสึโนะชิมะ โอฮาชิ )
มาเช็กอินแลนด์มาร์คใน Yamaguchi กันบ้าง กับสะพานที่สวยงามอลังการซะจนเหมือนหลุดออกมาจากอนิเมะสักเรื่อง ที่ว่ามาอาจดูเหมือนเวอร์ไป แต่ไม่เลย เพราะสะพานแห่งนี้เป็นสะพานที่สวยที่สุดอีกแห่งในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ด้วยความยาวของสะพานที่ทอดพาดผ่านทะเลผืนสีครามไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามเกินบรรยาย
⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/UMqhcnbK7Xg4Tkrq5



วันไหนอากาศแจ่มใส ท้องฟ้าเป็นใจ ถ้าได้มองวิวจากด้านบน จะเห็นความงามได้ชัดเจน ด้านซ้ายที่เป็นภูเขาสีเขียวเล็ก ๆ ด้านขวาเป็นระเบียงชมวิว ให้นักท่องเที่ยวมาเดินชมวิวและถ่ายรูป มีสะพานสีอ่อนคั่นตรงกลางให้รถขับผ่าน มีด้านล่างเป็นทะเลสีฟ้าสดใส และมีปลายทางเป็นเกาะอีกฝั่ง มองดูแล้วเป็นเหมือนสถานที่สวยงามเหนือจินตนาการ ตั้งแต่เท้าเหยียบที่นี่ รู้สึกว่าใช้คำว่าสวยได้เปลืองสุด ๆ แถมวิวตรงระเบียงชมวิว ก็สวยงามไม่แพ้กัน มีงานปั้นเล็ก ๆ เป็นไอคอนคล้ายรูปทรงคลื่นตั้งอยู่ เหมาะกับเป็นจุดเช็กอินถ่ายรูปที่สุด



เมือง Nagato
Motonosumi Inari ( ศาลเจ้าโมโตโนสุมิ อินาริ )
มาปิดท้ายวันด้วยการชมวิวแลนด์มาร์คที่สวยงามอีกแห่งไม่แพ้ที่อื่น กับศาลเจ้าโมโตโนสุมิ อินาริ ศาลเจ้าที่หันหน้าเข้าหาทะเล เป็นศาลเจ้าที่ติดอันดับงดงามที่สุด จริง ๆ คือพอมาถึงแล้วไม่รู้สึกแปลกใจเลย เพราะสวยตั้งแต่ทางเข้าแล้ว โลเคชั่นของศาลเจ้าตั้งอยู่บนเนินสูงยอดผา ทำให้เห็นวิวทะเลสุดลูกหูลูกตา มีแนวหินรูปร่างแปลกตาที่เกิดจากคลื่นทะเลซัด บวกกับไฮไลต์เด่นเป็นเสาโทริอิสีแดงกว่า 123 ต้น ทอดยาวเรียงรายจากริมผาไปจนถึงศาลเจ้า ดูโดดเด่นตัดกันชัดเจนกับทิวทัศน์ธรรมชาติรอบ ๆ นอกจากนี้ยังมีปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดจากคลื่นกระทบรูบริเวณหน้าผา ทำให้ละอองน้ำทะเลลอยพุ่งขึ้นมา เห็นเป็นเหมือนน้ำพุ ที่ดูสวยงามจนนิยายคำว่าสวยยังไม่พอ
⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 07:00 – 16:30 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/SNGkv29gLFoVMaL49



มาถึงทั้งทีแนะนำให้เดินชมบรรยากาศรอบ ๆ ให้ทั่ว เพราะมีจุดชมวิวปัง ๆ หลายมุม ถ้ามองจากมุมศาลเจ้าด้านบนลงมา จะเห็นวิวสวยงามอลังการ มองเห็นได้ครบทั้งทะเลสีคราม เสาโทริอิสีแดง และวิวหน้าผากับต้นไม้สีเขียว ถ้าใครอยากได้มุมภาพเก๋ ๆ ต้องไปเดินถ่ายรูปลอดใต้ซุ้มเสาโทริอิ ถึงทางเดินจะดูสูงชัน แต่ทางสะดวกเดินง่าย แนะนำค่อย ๆ เดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศดี ๆ ไป จะได้ไม่รู้สึกเหนื่อยมาก




เมือง Mine
Day 2 : Mine – Yamaguchi
Ohmine Shuzou
เริ่มต้นวันที่สองด้วยการมานั่งตากอากาศเย็น ๆ ที่คาเฟ่ Ohmine Shuzou สไตล์โมเดิร์นลอฟต์ ที่ให้ฟีลโรงงาน เพราะจริง ๆ แล้วที่นี่เป็นโรงงานกลั่นสาเกที่กลับมาเปิดกิจการอีกครั้งในปี 2010 หลังจากหายไป 50 ปี ด้วยเสน่ห์ความดั้งเดิมนี้เองทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ยังคงร่มรื่นเป็นธรรมชาติ เพราะบริเวณนี้ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี มีภูเขาลูกโตอยู่ด้านหลังร้าน ทำให้อากาศที่นี่เย็นสบาย จะมาช่วงเช้า ช่วงบ่าย ช่วงเย็น ก็สามารถจอยกับร้านแห่งนี้ได้ตลอด
⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 10:00 – 17:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/oJTxe3n8yU7HotF76



ที่โอมิเนะ ชูโซว เป็นโรงสาเกรุ่นบุกเบิก ที่มีแนวคิดทันสมัย เรียกได้ว่าเป็นสาเกขึ้นชื่อจากที่นี่ ใครที่อยากมาเที่ยวชม สามารถมาเช็กอินที่คาเฟ่ได้ บรรยากาศด้านใน ยังคงรักษากลิ่นอายความเป็นโรงกลั่นสาเกเอาไว้ ใส่ดีเทลไปกับผนัง หลอดไฟ ไปจนถึงโต๊ะวางของตกแต่ง มีโลโก้ร้านแฝงอยู่ทั้งสินค้าของที่ระลึก แก้วที่ใช้เสิร์ฟ ซึ่งเป็นโลโก้เดียวกับขวดสาเกที่ผลิตและส่งไปทั่วโลก ส่วนเมนูที่ให้บริการก็มีหลากหลาย ทั้งเครื่องดื่มอย่างเมนูช็อกโกแลตร้อน ที่เข้มข้นสะใจ และ Cola Float ที่ไอศกรีมท็อปมาบนเครื่องดื่มโคล่า ปิดด้วยเบเกอรีอย่าง Sakekasu Cheese cake รวม ๆ แล้วรสชาติดี แนะนำว่าควรค่าแก่การมาสักครั้ง



Beppu Benten Pond ( บ่อน้ำเบปปุเบนเท็น )
ก่อนที่เราจะไปเที่ยวไฮไลต์ของเมือง Mine ก็ถือโอกาสขอแวะเที่ยวชมบ่อน้ำผุดที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน 100 แหล่งน้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศญี่ปุ่นกันก่อน โดยตัวบ่อจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก เกิดจากน้ำพุใต้ดินของที่ราบสูงอากิโยชิได ตัวน้ำจึงมีความใส ใสชนิดสามารถมองเห็นก้นบึงเลย และด้วยสีฟ้าของตัวน้ำ ทำให้เรานั่งมองความสวยงามของที่นี่ไม่มีเบื่อ
นอกจากนั้นที่นี่มีประวัติศาสตร์เล่ามา เมื่อในอดีตผู้ที่มาบุกเบิกและอาศัยอยู่ที่นี่ เกิดประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ จึงได้เซ่นไหว้ต่อเทพเจ้าเบ็นไซเต็ง ให้พื้นที่แห่งนี้มีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ต่อจากนั้นไม่นานก็เกิดมีบ่อน้ำผุดนี้ขึ้นมา ต่อมาที่นี่เลยก่อตั้งศาลเจ้าให้ผู้คนที่ผ่านมาได้กรายไหว้พร้อมชมความสวยงามของบ่อน้ำไปพร้อม ๆ กัน
⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ZCTbA8M5giZWPhZe7



ถึงปีนี้ซากุระจะมาช้า แต่บริเวณลานจอดรถก็มีให้เราได้ถ่ายรูปฮีลใจนิดนึง อาจจะไม่ใช่ต้นซากุระในสวนดัง ๆ หรือจุดแลนด์มาร์กยอดนิยม แต่ก็รู้สึกว่ามันน่ารักมาก



Akiyoshido Cave ( ถ้ำอากิโยชิโด )
นั่งเสพบรรยากาศที่คาเฟ่จนอิ่มใจก็มาต่อกันที่ถ้ำหินปูนเก่าแก่ ถ้ำอากิโยชิโด เป็นถ้ำหินปูนที่ยาวและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีขนาดความยาวถึง 9 กิโลเมตร แถมอยู่มายาวนานเป็นร้อยล้านปี ใครเป็นสายผจญภัย ชอบความกรีน ๆ เขียวชะอุ่ม ได้ใกล้ธรรมชาติ ต้องมาแวะเช็กอินเลยที่นี่กัน
ไฮไลต์ด้านในถ้ำ เป็นหินงอกหินย้อนรูปร่างต่าง ๆ ให้เราได้ใช้จินตนาการอย่างเต็มที่ สามารถเข้าไปถ่ายรูปกับวิวธรรมชาติสวย ๆ ได้ บริเวณรอบ ๆ ถ้ำ ก็มีวิวที่สวยงามไม่แพ้กัน น้ำมีสีฟ้าสดใส เหมือนน้ำแร่ที่ไหลออกมาจากหุบเขา บางจุดเป็นน้ำตก และมีต้นไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงา ทำให้การมาที่นี่เหมือนมาฟอกปอด บำบัดจิตใจให้ผ่อนคลายไปกับธรรมชาติ รู้สึกสดชื่นมาก ๆ
⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 08:30 – 17:30 น.
ค่าเข้า : 1,300 เยนต่อคน
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/9NX7QQ6D4sQZXjVr8




นอกจากอากาศที่เย็นสบายของที่นี่แล้วรอบ ๆ ถ้ำยังมีความอุดมสมบูรณ์มาก แถมยังได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ลำธาร และน้ำตก มีหินงอกหินย้อยตลอดทางเดินภายในถ้ำ ไม่ต้องกลัวอึดอัดคับแคบ เพราะมีไฟเปิดตลอดทาง มีป้ายบอกข้อมูลและอากาศด้านในเย็นสบาย


ส่วนใครเป็นขาช็อป บริเวณถนนคนเดินก่อนเข้าไปยังตัวอุทยาน จะมีร้านขายของมากมาย ทั้งร้านอาหาร ร้านของฝาก รวมถึงก้อนหินหลากสีที่นำมาทำเป็นกำไร ตุ้มหู แหวนอีกด้วย




เมือง Yamaguchi
Yudaonsen Station
หลังจากเต็มอิ่มกับธรรมชาติ เราขอแนะนำแลนด์มาร์คสุดน่ารักอีกที่ในเมือง ที่เป็นรูปปั้นเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวโตหน้าสถานี Yudaonsen ที่บริเวณนี้จะมีบ่อน้ำพุให้เราได้นั่งแช่เท้าแบบฟรี ๆ โดยตำนานเล่าว่าเมื่อประมาณ 600 ปีก่อน น้ำพุร้อนแห่งนี้ถูกค้นพบโดยจิ้งจอกขาวที่ได้รับบาดเจ็บ และได้รักษาบาดแผลในน้ำพุแห่งนี้จนหายดี ต่อมาที่นี่จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็นบ่อน้ำพุร้อนจิ้งจอกขาวจนถึงปัจจุบัน อยากจะบอกว่าใครขับรถมาทั้งวัน การได้นั่งแช่เท้าเป็นอะไรที่ฟิน และสบายมาก ถึงช่วงแรกจะร้อนแต่ถ้าผ่านมันไปได้ แทบจะไม่อยากลุกออกไปไหนเลยแหละ
⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/X4GqZgECc6a4yqLw7



Shunraiken
ปิดท้ายวันด้วยการมาแวะกินเมนูเส้นที่ร้าน Shunraiken กับเมนูบาริโซบะและจัมปง ใครที่อยากลองโซบะแนวอื่นบ้าง ต้องมาร้านนี้เลย เพราะบาริโซบะ จะให้ความรู้สึกแตกต่างตรงที่เส้นโซบะทอดชิ้นหนา มาพร้อมกะหล่ำปลี ต้นหอม เห็ดหูหนู และเนื้อหมู ทีแรกตัวเส้นจะมีความกรุบกรอบ แต่ด้วยความเสิร์ฟมาพร้อมซุปพอเวลผ่านไปตัวเส้นที่เคยกรอบจะดูดซับน้ำซุปเข้าไป สัมผัสของเส้นนุ่มลงและทำให้รสชาติของเส้นเข้มข้นมากขึ้น แนะนำให้ลองกินแบบกรอบ ๆ พร้อมซุปดูก่อน แล้วค่อยกินแบบนุ่มจะทำให้ได้รสชาติที่แตกต่างกัน
⏰ เปิดทุกวันเสาร์ – วันพุธ (ปิดทุกวันพฤหัสบดี – วันศุกร์) เวลา 11:00 – 15:00 น. และ 17:00 – 22:00
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/oQdvgpMZvNKDBUBCA



ส่วนอีกจานจัมปง จะเสิร์ฟแบบมีน้ำและมีท็อปปิ้งให้เลือกเยอะหลากหลายทั้งเนื้อสัตว์และผัก ตัวเส้นหนานุ่มเหมือนอูด้ง แต่มาในเวอร์ชั่นที่น้ำซุปรสชาติข้มกว่า นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่น ๆ อย่างเกี๊ยวซ่าโฮมเมด แป้งกรอบเด้ง และข้าวปั้นสามเหลี่ยมอีกด้วย


เมือง Iwakuni
Day 3 : Iwakuni – Shimonoseki – Fukuoka
Kintai-kyo Bridge ( สะพานคินไทเคียว )
มาถึงไฮไลต์ของทริปกับจุดเช็กอินที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหน นั่นคือสะพานคินไต สะพานที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคซามูไร เป็นสะพานที่สร้างจากไม้ห้าโค้ง ใช้เทคนิคการประกอบไม้ในการสร้างสะพานเพื่อพาดผ่านแม่น้ำนิชิกิ บรรยากาศโดยรอบสะพานที่ใกล้ชิดธรรมชาติ และสวยงามแตกต่างกันในแต่ละฤดูกาล จนที่นี่ถูกติดอันดับให้เป็นหนึ่งในสะพานไม้ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.
ค่าเข้า : 300 เยนต่อคน
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/UHY1Cu6FWcrZBVk58



ด้วยความเก่าแก่นี้เองทำให้สะพานแห่งนี้กลายเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ใครได้มีโอกาสมาเดินเล่นชมวิว หรือเดินข้ามสะพาน ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการมาเยือนเมืองนี้แล้ว ขอบอกว่าวิวบนสะพานและวิวด้านล่าง สวยงามแตกต่างกันคนละแบบ หากมายืนริมแม่น้ำแล้วเงยหน้ามองสะพาน จะเห็นความเว้าโค้งของสะพานตัดกับบรรยากาศด้านหลังที่เป็นทิวเขา ก้อนเมฆ และแม่น้ำผืนกว้าง เป็นวิวที่มาแล้วห้ามพลาดถ่ายรูปเลย!



Choshuya Kintaikyo-ten
ไม่ไกลจากตรีนสะพาน เราขอแนะนำให้ทุกคนมาลิ้มลองอาหารพื้นบ้านของจังหวัดนี้ กับเมนู “Iwakuni Sushi” หรืออิวากุนิ ซูชิ ที่เป็นอาหารโลคอลรูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัส หน้าตาดูหรูหรา และมาด้วยขนาดชิ้นโต ฟีลคล้าย ๆ ซูชิขยายส่วน โดยวัสถุดิบหลักจะเป็นการนำข้าวมาผสมกับรากบัว, เห็ดชิตะเกะ, ปลาอาจิ คั่นด้วยผักใบเขียว โรยหน้าด้วยไข่ฝอย วางซ้อนทับกันหลายชั้นในกล่องไม้แล้วกดบนฝาให้ทุกอย่างอัดเข้ากันจนแน่น และค่อยตัดแบ่งชิ้นอีกที โดยต้นกำเนิดเค้าว่ากันว่าในอดีตขุนนางแห่งเมืองอิวาคุนิได้สั่งการให้มีการผลิตอาหารที่สามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน จึงเป็นที่มาของเมืองนี้นั้นเอง
⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 1ๅ:00 – 15:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/YNPwW8geKng7u5jy7


Battle of Dan-no-ura
หลังจากเที่ยวกันจนเต็มอิ่ม เราก็ขับรถยาว ๆ กลับมาลงเพื่อแวะเที่ยวเมือง Shimonoseki อีกครั้ง โดยก่อนจะถึงร้านคาเฟ่ที่ปักหมุดไว้ ระหว่างทางก็ขอเก็บภาพบรรยากาศของอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงการต่อสู้ในดันโนอุระกันก่อน โดยตำนานเล่าว่าระหว่างที่นี่เคยเป็นสถานที่ทำสงครามการต่อสู้บนเรือระหว่างตระกูลงตระกูลมินาโมโตะ กับตระกูลไทระในปี ค.ศ. 1185 ที่เป็น 2 ตำนานซามูไรที่ยิ่งใหญ่ของยคุคสมัยเฮอัน และสุดท้ายตระกูลมินะโมะโตะก็สามารถเอาชนะตระกูลไทระได้สำเร็จ แล้วก็เป็นการเริ่มต้นของยุคคามาคุระ หรือยุคโชกุนนั่นเอง นอกจากประวัติศาสตร์ของซามูไร 2 คนนี้แล้ว เรายังสามารถดูวิวสะพานคันมง ซึ่งจุดนี้จะสามารถเห็นช่องแคบคันมง และเห็นฝั่งเกาะคิวชูตรงข้ามได้อีกด้วย
⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/GYa6Q7bJvBbwHw4p8



ROY
Roy Cafe เป็นคาเฟ่น่ารัก ๆ สไตล์มินิมอลมินิใจสุด ๆ ตกแต่งร้านคุมโทนด้วยสีขาว ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน ตกแต่งผนังร้านด้วยภาพงานศิลปะมินิมอลอาร์ต ๆ ถ่ายรูปออกมาแล้วดูดีสุด ตรงไทป์สายคาเฟ่ฮ็อปปิ้งมาก ๆ ถ้าถามว่าคาเฟ่แบบไหนที่ทำให้นั่งพักแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง ก็ต้องบอกว่าที่ Roy Cafe นี่แหละ เหมาะกับการนั่งชิลปล่อยใจมาก ๆ
⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 12:00 – 17:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/TB4LRKXpwHo4bX3o7


สำหรับเบเกอรีและเครื่องดื่ม ร้านนี้มีให้เลือกหลากหลายเมนู ทั้งชาเขียวร้อน ลาเต้เย็น หรือ Pound Cake สำหรับเค้กร้านนี้มีกิมมิกเล็ก ๆ น่ารักเป็นการปั๊มชื่อร้านลงบนเมนูด้วยนะ เอาใจสายถ่ายรูปสุด ๆ ใครชอบคาเฟ่สไตล์มินิมอล โทนสีขาว ต้องมาแวะให้ได้


Karato Fish Market
ก่อนตีรถกลับ Fukuoka แน่นอนว่ามาถึงทะเลทั้งที ก็ต้องไปลุยตลาดปลา Karato Fish Market ตลาดที่ใหญ่อีกแห่งในญี่ปุ่นเลย อาหารทะเลและซาชิมิมากมายจนลายตาไปหมด เลือกไม่ถูกว่าต้องกินร้านไหน ด้วยวัตถุดิบสดใหม่จากทะเล คัดสรรมาแล้วอย่างดีจากชาวประมงญี่ปุ่น ที่ใส่ใจทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจับมาจนถึงการแล่ มีครบทุกแบบ จะซูชิ หรือปลาดิบ สวรรค์ของคนรักอาหารทะเลชัด ๆ
⏰ เปิดทุกวัน (ทุกวันเสาร์ – วันอาทิตย์ จะมีขายแฝงรอย แนะนำให้ไปช่วงนี้) เวลา 05:00 – 15:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/B62GqUYaYMCPwXq17



และไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือ “เจ้าเนื้อปลาปักเป้า” ที่เลือกมาอย่างดี แล่ให้เราด้วยความใส่ใจ และปลอดภัย สามารถเห็นได้แทบทุกร้านในนี้ รสชาติดี สัมผัสกรุบ ๆ รับรู้ได้ถึงความสดแบบเพิ่งขึ้นมาจากทะเลเลยทีเดียว เป็นการเดินตลาดปลาที่แฮปปี้มาก ปิดท้ายทริปนี้ได้เพอร์เฟ็กสุด ๆ




Yamaguchi เมืองที่แสนจะอบอุ่น เงียบสงบ ผู้คนเป็นมิตร มีแหล่งท่องเที่ยวครบทุกสไตล์ การเดินทางมารอบนี้ขอยกให้ทริปนี้เป็นทริปที่จุดเช็กอินสวยจนเหมือนหลุดมาจากนิยายอีกทริปเลย มีหลายมุมที่ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยงามอลังในรูปแบบที่แปลกหูแปลกตา สุดท้ายใครอยากตามรอยเราอย่าลืมบิน Thai Vietjet Air มาลงฟุกุโอกะได้เลย สะดวกสุด ๆ ใช้เวลาไม่นานก็เข้าสู่เมือง Yamaguchi ได้เลย ประหยัดเวลา แถมได้ตะลุยเที่ยวเมืองนี้แบบเต็มที่ไม่เร่งรีบ เป็นอีกจุดเช็กอินที่น่าปักหมุดในญี่ปุ่นเลย




