เชื่อเลยว่าที่เที่ยวต่างประเทศหนึ่งในใจใครหลาย ๆ คน ต้องยกให้ประเทศ “สวิตเซอร์แลนด์” ดินแดนสวรรค์ของนักเดินทาง เป็นประเทศที่พอได้ไปเยือนแล้วให้ฟีลเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเมืองแห่งเทพนิยาย มีสายน้ำสีฟ้า ทุ่งหญ้าเขียวขจีและขุนเขาสุดอลังการที่สวยงามยิ่งกว่าภาพวาดซะอีก ทำให้ประเทศที่งดงามน่าประทับใจแห่งนี้ กลายเป็นที่เที่ยวในฝันอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวอย่างเรา
แน่นอนว่าระหว่างทางก็สำคัญไม่แพ้ปลายทางเช่นกัน ใครที่มีแพลนเดินทางไปเที่ยวที่สวิตเซอร์แลนด์ การเดินทางไกลข้ามทวีปแบบนี้ ต้องเลือกสายการบินการบินที่ไว้ใจได้และมีความสะดวกสบายตลอดเส้นทาง สายการบิน Etihad ที่เป็นสายการบินแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จึงเป็นอีกช้อยส์ที่ตอบโจทย์ ทำให้ตลอดการเดินทางราบรื่นพร้อมชาร์จพลังให้พร้อมสำหรับการตะลุยเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ดินแดนแห่งสวรรค์
สายการบิน Etihad ชั้น Business Class เป็นสายการบินที่ยืนหนึ่งเรื่องการบริการ มีพื้นที่กว้างขวางให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้เดินทาง สามารถนอนหลับพักผ่อนบนเตียงแบบนอนราบได้สบายกับเที่ยวบินระยะไกล โดยเดินทางจากกรุงเทพฯ – อาบูดาบี แล้วต่อเครื่องจากอาบูดาบี – ซูริค เรียกว่าสามารถนอนเก็บแรงเอาไว้เที่ยวต่อได้สบาย ๆ แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ความดีงามของสายการบินนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับที่นั่ง Business Class ของสายการบิน Etihad ที่มีพื้นที่กว้างขวางให้เราได้เอนตัวพักผ่อนได้เต็มที่ มีช่องเก็บของรอบตัว เก็บของได้สะดวกไม่ต้องคอยลุกไปเก็บที่ช่องด้านบนศีรษะบ่อย ๆ ภาพรวมที่นั่งดูใหม่ หรูหราและสะอาด มีบริการครบครันทั้งอาหารและความบันเทิง บอกได้เลยว่าชาร์จพลังเต็มที่และพร้อมเที่ยวเมื่อเครื่องบินแตะสนามบินซูริคเลย
ในส่วนของการบริการบนเครื่องบินก็ดีไม่แพ้กัน เราสามารถเลือกเวลารับประทานอาหารได้ตามต้องการ มีพนักงานคอยดูแลอยู่ตลอด มี Welcome drink เป็นแชมเปญ หรือเลือกรับเป็นเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้ตามใจชอบ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสายการบินในดวงใจของใครหลาย ๆ คน หากมีแพลนเดินทางท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ สามารถกดจองตั๋วได้ที่ www.etihad.com ได้เลย
001 Gimmelwald
มาเช็กอินที่แรกกับหมู่บ้านเล็ก ๆ อันเงียบสงบที่มีฉากหลังเป็นภูเขาลูกใหญ่ นั่นก็คือ “Gimmelwald” บ้านไม้สไตล์ย้อนยุคเรียงรายพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว มองดูแล้วสวยงามเป็นเอกลักษณ์เหมาะกับการถ่ายรูป
ซึ่งมุมยอดฮิตห้ามพลาดต้องยกให้มุมเก้าอี้ไม้บนเนินเขาสูงที่มองลงมาแล้วเห็นวิวหมู่บ้านกลางหุบเขา มีดอกไม้หลากสีแต่งแต้มแซมกับทุ่งหญ้าสีเขียว หลังจากถ่ายรูปเสร็จยังสามารถนั่งชมวิวทิวทัศน์ยอดภูเขาสูงและธารน้ำแข็งของเหล่าเทือกเขาแอลป์ อย่าง Jungfrau Aletsch และBietschhorn ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ใกล้สวรรค์มากขึ้นไปอีก เพราะพื้นที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามเป็นอันดับต้น ๆ จนถึงขั้นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO
ความพิเศษของที่ไม่ได้มีแค่ความสวยงามน่าอยู่เท่านั้นแต่ยังเป็นพื้นที่หมู่บ้านเดินเท้า ปราศจากรถยนต์และมลพิษทางอากาศแห่งสุดท้ายในสวิตเซอร์แลนด์ หากใครแวะมาเยือนรับรองว่าได้รับออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าปอดไปแบบเต็ม ๆ ยิ่งบนความสูงกว่า 1,367 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ เต็มไปด้วยเมฆหมอก ให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นไปอีก
สำหรับใครที่กังวลเรื่องความสะดวกสบาย หมู่บ้านแห่งนี้มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก รวมถึงที่พักเปิดให้บริการนักท่องเที่ยว เป็นหมู่บ้านที่บริการนักท่องเที่ยวได้อย่างครบวงจร แนะนำเลยว่าหากมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ควรเพิ่มหมู่บ้านแห่งนี้เข้าไปในลิสต์ว่าต้องมาเยือนให้ได้
002 Titlist
และที่ต่อมาอีกหนึ่งจุดเช็กอินห้ามพลาดถ้าหากมาสวิตเซอร์แลนด์นั่นก็คือ “Titlist” ยอดเขาที่มีความพิเศษคือสามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ถ้ามาฤดูหนาวคนส่วนใหญ่ก็จะมาเล่นสกีกัน ถ้าอยากมาชมความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีก็แนะนำให้มาช่วงฤดูใบไม้ผลิ ส่วนฤดูร้อนก็จะสามารถมองเห็นความงดงามของภูเขา แม่น้ำที่มีความใสสะอาดตัดกับสีฟ้าสดของท้องฟ้าได้ชัดเจน
และไฮไลต์ของที่นี่คือการขึ้นไปชมวิวที่ยอดเขา ด้วยการนั่งกระเช้าขึ้นไป โดยสถานีด้านบนสุดจะใช้กระเช้าที่สามารถหมุนได้รอบ 360 องศาพร้อม ๆ กับเคลื่อนตัวไปข้างหน้า เรียกได้ว่าชมวิวแบบจุใจกันตั้งแต่ยังไม่ก้าวเท้าลงจากกระเช้าเลย
ทิวทัศน์ตลอดทางว่าสวยงามแล้ว บนยอดเขาที่มีความสูง 3,238 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีวิวที่อลังการยิ่งกว่า บริเวณโดยรอบสามารถมองเห็นหิมะที่ปกคลุมย้อมสีทั่วบริเวณให้เป็นสีขาวโพลนตลอดปี สามารถเล่นสกี หรือนั่งกระเช้าห้อยขาชมวิวได้ หรือใครชอบความตื่นเต้นแนะนำให้แวะเล่นห่วงยางสไลด์ลงเขาที่ Glacier Park
ส่วนใครที่อยากเก็บภาพสวย ๆ ที่นี่ก็มีจุดชมวิวสะพานแขวน Titlis Cliff ที่สามารถเดินชมวิวแบบใกล้ชิดได้
เท่านั้นยังไม่พอขากลับเรายังสามารถลงกระเช้าที่สถานี Truebsee เพื่อชมวิวทะเลสาบ Truebsee ทะเลสาบที่สวยงามเหมือนภาพวาด ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางธรรมชาติจนเต็มปอดแล้วค่อยออกเดินทางต่อ
003 Zermatt
แวะชมธรรมชาติกันจุใจแล้ว มาลองเข้าเมืองที่มีความคึกคักเพิ่มขึ้นมาบ้าง อย่างเมือง “Zermatt” เมืองขวัญใจเหล่านักสกีและนักปีนเขาที่มีร้านอาหารและคาเฟ่ไว้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก สร้างสีสันและเติมความมีชีวิตชีวา ร้านค้าส่วนใหญ่มีการตกแต่งสวยงามเข้ากันดีกับฉากหลังที่เป็นภูเขาที่โอบล้อมเมืองแห่งนี้ไว้ และนอกจากที่นี่จะเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายแล้ว ยังมีที่พักหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงสกีรีสอร์ทไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
และที่พลาดไม่ได้สำหรับเมืองนี้นั่นก็คือ “Chocolate” แน่นอนว่าเมืองนี้มีช็อกโกแลตแบรนด์ดัง ๆ ของสวิตเซอร์แลนด์มากมาย ซึ่งความเด็ดของเมืองนี้ก็คือราคา ที่ถูกแสนถูก เตรียมตัวหาพื้นที่ว่างในกระเป๋า แล้วเหมาช็อกโกแลตจากที่นี่กลับบ้านได้เลย
จุดไฮไลต์อีกหนึ่งจุดของเมืองก็คือมุมที่สามารถมองเห็นวิวยอดเขา Matterhorn ซึ่งเป็นยอดเขาขึ้นชื่อที่นักปีนเขาทั้งหลายต่างก็อยากเดินทางมาพิชิต แถมยังเป็นภาพบนห่อช็อกโกแลตแบรนด์ดังอย่าง Tobleron บอกเลยว่าถ้าได้พกช็อกโกแลตมาเทียบยอดเขาในสถานที่จริง สาวก Chocolate Lover อย่างเราคงจะฟินไม่น้อยเลยทีเดียว
เพื่อเพิ่มความฟินยิ่งกว่าเดิม เราแนะนำให้นั่งรถไฟจากสถานี Gornergrat ซึ่งเป็นป้ายสุดท้าย ลงมายังาถานี Rotenboden และเดินต่อมาอีกนิดนึงเราจะพบกับความอลังการของ Riffelsee-Lake ที่เป็นจุดชมวิวทะเลสาบที่สามารถเล่นยอด Matterhorn ผ่านการสะท้อนของน้ำได้อย่างสวยงามเลยแหละ
004 Brienzer Rothorn
ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ แนะนำให้แวะมาเช็กอินที่ “Brienzer Rothorn” ภูเขาในเทือกเขาแอลป์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีระดับความสูงถึง 2,346 เมตร จากระดับน้ำทะเล ไฮไลท์ของที่นี่ไม่ใช่แค่วิวทิวทัศน์ที่งดงาม และหาชมได้ยากเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงพาหนะที่จะพาเราขึ้นเทือกเขาแห่งนี้ นั่นก็คือรถไฟหัวจักรไอน้ำโบราณ อายุร่วม 130 ปี
บรรยากาศธรรมชาติเข้ากับภูเขาสีเขียวและทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใส แถมเชื่อมต่อหัวขบวนด้วยโบกี้สีแดงแจ่มสะดุดตา มองดูแล้วน่ารัก สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ถ้าได้มาสัมผัสของจริงรับรองว่าจะต้องชอบกันอย่างแน่นอน
และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่โดนใจไม่แพ้รถไฟหัวจักรไอน้ำโบกี้สีแดง นั่นก็คือวิวที่ชมได้ตลอดสองข้างทาง เพราะหลังจากที่รถไฟเคลื่อนตัวออกไปได้ไม่นานนักท่องเที่ยวที่นั่งอยู่บนขบวนก็ต้องร้องว้าวให้กับวิวที่เจอ เตรียมยกกล้องพร้อมถ่ายรูปกันแทบทุกโค้ง ด้วยวิวความชันของหุบเขาที่สามารถมองเห็นทะเลสาบสีฟ้าสดใสกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา รวมทั้งยอดเขาที่สวยงามมากมายเสมือนว่าเรากำลังขึ้นรถไฟที่มีปลายทางเป็นสวรรค์อยู่
005 Lake Lucerne
นั่งกระเช้าชมวิวกันแล้ว มาลองนั่งเรือชมวิวกันบ้าง กับทะเลสาบขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่ยาวที่สุดในทวีปยุโรป นั่นก็คือ “Lake Lucern” ทะเลสาบที่นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมวิวได้ตลอดทาง จะนั่งยาว ๆ ไปเมือง Brunnen Fluelen หรือ Vitznau ก็ได้
รับรองว่าชมวิวได้เพลิน เพราะสองข้างทางริมทะเลสาบเต็มไปด้วยสวนสาธารณะที่จัดไว้อย่างสวยงาม มีดอกไม้สีสันสดใสบานสะพรั่ง เข้ากันดีกับบรรยากาศธรรมชาติ ในพื้นที่ทะเลสาบที่โอบล้อมด้วยภูเขาสูงใหญ่ ยิ่งอากาศเย็นสบายแบบนี้จะล่องเรือนานแค่ไหนก็ไม่มีเบื่อเลย
นอกจากนี้บนเรือยังมีเครื่องดื่มหลากหลายเมนูให้เลือกดื่ม มีของว่าง เบเกอรีที่อบใหม่ ๆ จากเตา หรือใครอยากจะจิบกาแฟร้อน ๆ ชมวิวทะเลสาบ ภูเขา สลับกับวิวเมืองต่าง ๆ จากสองข้างทางก็รับรองเลยว่าเป็นภาพความงดงามที่มีเสน่ห์และน่าประทับใจไม่ลืมอย่างแน่นอน
006 Lake Lungern
หลังจากไปเที่ยวชมงดงามน่าตื่นตาตื่นใจกับทะเลสาบขนาดใหญ่กันไปแล้ว มาลองเที่ยวชมหมู่บ้านที่มีทะเลสาบเล็ก ๆ อยู่กันบ้างกับที่ “Lake Lungern” เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ผสมผสานความเจริญรุ่งเรืองไปตามยุคสมัยกับธรรมชาติได้อย่างเข้ากันลงตัว เพราะเป็นเส้นทางเดินรถไฟระหว่างเมือง Luzern และเมือง Interlaken
ทำให้ไฮไลต์ของที่นี่เป็นมุมยอดฮิตที่ถ่ายรูปออกมาเห็นครบทั้งรถไฟที่กำลังวิ่งผ่านเมือง อาคารบ้านเรือนที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งวิวฉากหลังที่เป็นทะเลสาบสีฟ้าพร้อมกับภูเขาสีเขียวอันอุดมสมบูรณ์
นอกจากวิวจะสวยงามราวกับถูกจัดแจงเอาไว้สำหรับอวดนักท่องเที่ยวแล้ว ภายในเมืองยังสามารถเดินเยี่ยมชมฟาร์มซึ่งเป็นพื้นที่ทำการเกษตรของชาวเมืองอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ยังคงเป็นแบบดั้งเดิม แถมภายในตัวเมืองยังมีโบสถ์เก่าแก่อย่าง Alte Kirche Lungern หรือจะเป็นโบสถ์ดังประจำเมืองอย่าง Pfarrkirche Herz-Jesu ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเยี่ยมชมความงดงามของโบสถ์อีกด้วย
เป็นยังไงบ้างกับการทัวร์ดินแดนสวรรค์ครั้งนี้ เมืองในฝันที่ใครหลาย ๆ คนเลือกให้เป็นประเทศที่ต้องไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต เมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ มีอากาศบริสุทธิ์และธรรมชาติอันงดงามเสมือนว่าเทพในนิยายปั้นแต่งขึ้นมา
ทริปนี้มีความสุขตั้งแต่การเริ่มออกเดินทางกับสายการบิน Etihad ที่ยอดเยี่ยมทั้งในเรื่องการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทำให้เราเตรียมพร้อมกับการเดินทางท่องเที่ยว และพักผ่อนสบาย ๆ ได้อย่างเพียงพอ ถือว่าเป็นทริปเที่ยวยุโรปอีกทริปที่ทั้งงดงามและน่าประทับใจจนอยากไปซ้ำอีกสักครั้งเลยครับ