UTHAI THANI 3Days 2 Nights

UTHAI THANI 3Days 2 Nights

ทริปนี้เราจะขอพาทุกออกไปเที่ยวชมธรรมชาติ พร้อมสัมผัสกลิ่นอายความคลาสสิคของอุทัยธานีฉบับ 3 วัน 2 คืน เมืองริมน้ำสะแกกรังที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์จนทำให้เราหลงรักแบบไม่รู้ตัว

หนึ่งในเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยว และแลนด์มาร์คสุด Unseen ซ่อนอยู่เยอะมากมายทั้ง ต้นไม้ยักษ์อายุหลายร้อยปี ป่าดึกดำบรรพ์ วัดทรงศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่เทือกเขาหินปูนสุดอลัง พร้อมชวนไปนอนพักผ่อนในโฮมสเตย์สุดน่ารัก กับบรรยากาศอันร่มรื่น และปิดท้ายด้วยการทำตัวชิค ๆ ตะลุยชิมอาหารท้องถิ่นรวมถึงคาเฟ่สุดเก๋ให้ฉ่ำใจกันไปเลย

อุทัยธานีรอบนี้จะน่ารักถูกใจทุกคนขนาดไหน ตามมาดูกันได้เลย

ก่อนเริ่มทริปขอแนะนำตัวช่วยที่ทำให้เราเที่ยวจังหวัดนี้ให้ประหยัดยิ่งขึ้นกับ “บัตรเดียว เที่ยวอุทัย” ที่เค้าจัดโปรฯ ลด10% จากร้านค้าที่ร่วมรายการกว่า 80 ร้านค้าทั่วจังหวัดเลยนะ โดยสามารถใช้ส่วนลดได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2567 ไปเลยย

แพลนทริป

Day 1

วัดถ้ำเขาวง

เริ่มต้นทริปด้วยการไปชมอันซีนแห่งหนึ่งของอุทัยธานีกับ วัดถ้ำเขาวง วัดทรงศาลพระภูมิ ที่โอบล้อมด้วยเขาหินปูน ที่มีความสวยงามอลังการสุด ๆ โดยตัววัดเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทย 4 ชั้น มีรอยพระพุทธบาทจำลองสำหรับให้คนมาสักการะ มีหออริยบูชาไว้สำหรับการปฏิบัติธรรม และอุโบสถ 

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญก็คือ ด้านหลังวัดจะมีถ้ำที่ชาวพุทธส่วนใหญ่ จะมาปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ หากได้เข้าไปชมแล้วจะสัมผัสได้เลยว่าบรรยากาศน่าไปสงบกายและใจสุดๆ แถมยังได้ชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอีกหลายจุดเลย

ต้นไม้ยักษ์ บ้านไร่ 

ไปอำเภอบ้านไร่ ต้องไม่พลาดไปชมความยิ่งใหญ่ของ ต้นไม้ยักษ์ ที่ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านสะนำ ชุมชนชาวลาวครั่งโบราณที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากกันอยู่ ที่นี่ เป็นต้นไม้เก่าแก่ที่มีอายุกว่าร้อยปี ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้ โดยมีชื่อว่าต้นเซียง หรือต้นผึ้ง ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ได้รับการอนุรักษ์จากชาวบ้านเป็นอย่างดี ให้นักท่องเที่ยวได้มาชื่นชมความอลังการของต้นไม้ยักษ์ต้นนี้ นอกจากนี้ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ยังมีตลาดต้นไม้ยักษ์ ให้ได้ช้อป ชิม ร้านค้าของชาวบ้านกันอีกด้วย

คำตาคาเฟ่ kamta cafe

แวะพักจิบเครื่องดื่มระหว่างทางในบรรยากาศสุดอบอุ่นที่ “คำตาคาเฟ่” กันซักหน่อย กับคาเฟ่กึ่งปูนกึ่งไม้ท่ามกลางสวนสีเขียวอันร่มรื่น ที่มีวิวภูเขาแบบพาโนรามา มาพร้อมบรรยากาศสุดส่วนตัว โดยเฉพาะตัวเมนูเครื่องดื่มก็มีให้เราเลือกมากมาย ใครเป็นคอกาแฟที่นี่เค้าก็คัดสรรเมล็ดเกรดดี ๆ ให้เราได้ลิ้มลองอีกด้วย แนะนำให้สั่งคนละเมนูนะเพราะเจ้าของร้านน่ารัก แนะนำเรื่องกาแฟดีม๊าก

ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์

ฝายกั้นน้ำธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน และแลนด์มาร์คสำคัญของชุมชนปางสวรรค์ไปแล้ว เพราะหากเดินลงไปด้านล่างของฝาย จะมีจุดที่น้ำไหลลงมาเห็นเป็นม่านน้ำที่สวยงาม เรียกว่าเป็นมุมถ่ายรูปสุดซิกเนเจอร์ที่ต้องแวะมาในช่วงหน้าฝน เพราะน้ำจะไหลมากที่สุด

ล่องเรือส่องสัตว์ป่าบ้านวังทอง

ปิดท้ายวันแรกด้วยการพาตัวเองไปล่องเรือปล่อยใจจอย ๆ พร้อมส่องดูสัตว์ป่า ที่บ้านวังทอง แหล่งท่องเที่ยวชุมชนสุดชิล กับสโลแกนที่ว่า เที่ยวชมวิถีชีวิต ล่องเรือใกล้ชิดธรรมชาติ ชมสัตว์ป่าทับเสลา กินปลาเผาห้วยระบำ เลิศล้ำมรดกโลกห้วยขาแข้ง ที่คนนิยมไปกางเต็นท์สัมผัสบรรยากาศอันร่มรื่น ใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุดๆ ที่สำคัญคือวิวทิวทัศน์สวยฉ่ำ ถูกใจสายธรรมชาติแน่นอน ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวนี้เกิดจากแนวคิดที่ให้คน สัตว์ป่า และป่าไม้ อยู่ร่วมกันได้อย่างเกื้อกูล เป็นการฟื้นฟูพื้นที่และสร้างรายได้กับชาวบ้านอีกด้วย

เราจะใช้เวลาปกติในการนั่งเรือชมสัตว์ และเสพบรรยากาศธรรมชาติราว 1-2 ชั่วโมง ระหว่างทางถ้าโชคดีเราจะได้เห็นน้องช้างออกมาเล่นน้ำกันที่ริมบึง แต่รอบนี้ด้วยที่ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ ทำให้เราได้เห็นแค่ฝูงวัวแดงแบบไกล ๆ เท่านั้นเอง ใครอยากมาใกล้ชิดกับธรรมชาติที่นี่เค้าจะมีรอบเรือแบบจอย 2 รอบ คือ 6 โมงเช้า และ 4 โมงเย็น หรือสามารถเหมาเรือได้เลย ลำละ 600 บาท ติดต่อ 097-231 9836

Day 2

บ้านภูเขา168 & นับดาว168 

ที่พักในคืนแรกของเราเลือกพักผ่อนโฮมสเตย์ที่สวยราวกับอยู่เมืองนอกกับ “บ้านภูเขา168 & นับดาว168”  โฮมสเตย์ท่ามกลางภูเขาหินปูน มีบ้านพักที่สุดแสนจะน่ารักหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบกระโจม กระท่อมเล็กๆ และเต็นท์ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้พร้อมเลยทีเดียว ตกเย็นก็มีหมูกระทะมาจำหน่ายให้ปิ้งย่างท่ามกลางบรรยากาศสุดชิล ที่สำคัญหากได้ไปพักในช่วงที่ฟ้าเปิด ค่ำคืนที่มืดสนิท จะได้นอนดูดาวจากบ้านพักได้เลย บอกเลยว่าโรแมนติกสุดๆ

บ้านชายเขา

ถัดมาข้าง ๆ เราจะได้สัมผัสกับจุดชมวิวสุดอลังการในอุทัยธานีเวลานี้ที่ “บ้านชายเขา” กับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจนได้รับสมญานามว่าสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ด้วยบรรยากาศที่เขียวขจี โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูน เป็นฉากหลังที่สวยงาม หากอากาศเป็นใจ อาจได้สัมผัสกับหมอกลอยไปลอยมา ยิ่งฟินสุดๆ จะแวะไปถ่ายรูปหรือกินข้าวก็ได้ เพราะนอกจากจุดชมวิวแล้วที่นี่ยังมีร้านอาหารให้บริการอีกด้วย

หุบป่าตาด

อันซีนที่ไม่ไปถือว่าพลาด หุบป่าตาด ป่าดึกดำบรรพ์ที่รอให้ไปสัมผัสความลึกลับที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ที่นี่เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ให้เดินผ่านเข้าไปเพื่อชมป่าด้านใน ให้ฟีลเหมือนได้ผจญภัยในป่าโบราณสุดๆ เพราะที่นี่อุดมสมบูรณ์เป็นระบบนิเวศน์ที่คล้ายกับสมับยุคร้อยล้านปีก่อน ทั้งสัตว์ป่า และพันธุ์ไม้ ที่อยู่ตามธรรมชาติ บอกเลยว่าหาได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น ใครที่ชอบเที่ยวแบบผจญภัย แนะนำที่หุบป่าตาดนี่เลย ได้เปิดประสบการณ์ที่ไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน

และที่นี่ยังมี “กิ้งกือมังกรสีชมพู” หนึ่งในสัตว์ที่หาดูยาก และมีแค่ที่นี่ที่เดียวในโลกอีกด้วย

เจ๊โหนกก๋วยเตี๋ยวไก่ตรอกโรงยา

ตีรถกลับเข้ามาในเมืองยาว ๆ ก็ขอแวะเติมพลังมื้อเที่ยงกับร้านเจ้าเด็ดแห่งตรอกโรงยาที่ต้องไม่พลาด เจ๊โหนกก๋วยเตี๋ยวไก่ตรอกโรงยา ขวัญใจชาวอุทัย ก๋วยเตี๋ยวเจ๊โหนกเป็นสูตรโบราณ เครื่องไก่ตุ๋นเปื่อยนุ่ม จุกๆ เต็มชาม และยังมีคากิ กับหมูเด้งอีกด้วย ส่วนน้ำซุปก็หอมเครื่องเทศ กลมกล่อมเข้ากันสุดๆ ที่แนะนำเลยก็คือทานคู่กับ น้ำส้มพริกดอง สูตรเฉพาะของอุทัย รับรองว่าถึงรสถึงชาติแบบเมืองอุทัยแน่นอน

ขนมแคะป้าเตียง

ไปตามกินขนมโบราณหายากกันต่อ ขนมแคะป้าเตียง แห่งตรอกโรงยา ขนมแคะหรือ จุ๋ยก๋วยเป็นของว่างแบบโบราณสูตรจีนแต้จิ๋ว ซึ่งร้านขนมแคะป้าเตียงเป็นร้านเก่าแก่ที่ขายมานานถึง 60 ปี  ถือว่าเป็นเป็นเจ้าเก่าในตำนานแห่งเมืองอุทัยเลยก็ว่าได้ โดยขนมแคะจะเป็นลักษณะแป้งที่กินกับเครื่องเคียง พวกกระเทียมเจียว ผักกาดเค็ม หัวไชโป๊วหวาน เหยาะน้ำจิ้มซีอิ๊วนิดหน่อย รสชาติจะหอมหวาน เป็นขนมโบราณที่ต้องมาลิ้มลองให้ถึงต้นตำรับ

โตน คาเฟ่

สายคาเฟ่ฮอปแบบเรามีเหรอจะพลาดกับคาเฟ่เก๋ๆ อย่่าง Tone Cafe (โตนคาเฟ่) คาเฟ่เล็กๆ ในตลาดเก่าบ้านสะแกกรัง ตัวคาเฟ่น่ารักมากๆ บรรยากาศเป็นกันเองสุดๆ เห็นร้านเล็กแบบนี้แต่มุมถ่ายรูปเพียบเลยนะ สำหรับเมนูเครื่องดื่มที่นี่ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ ด้วยการเอากาแฟมาผสมผสานกับผลไม้ ทำให้ได้รสชาติกาแฟมิติใหม่ไม่ซ้ำใครจริงๆ และยังมีอีกหลายเมนูเครื่องดื่มสุดสร้างสรรค์อีกหลายตัว ที่น่าจิบจนอย่างสั่งมาให้ครบทุกเมนูไปเลย

อากาศร้อน ๆ แบบนี้เราแนะนำเมนูกาแฟมะพร้าวที่เค้ามีกิมมิกเซิร์ฟมะพร้าวสดมาทั้งลูกแบบฉ่ำ ๆ ที่ทานคู่กับขนมหวานเข้ากันสุด ๆ 

เรือนคุณแม่ โฮมสเตย์

มาถึงที่พักคืนที่สองของเรา จะพามานอนชิลโฮมสเตย์ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ เรือนคุณแม่โฮมสเตย์ เป็นที่พักที่บรรยากาศร่มรื่นและอบอุ่นสุดๆ ให้ฟีลเหมือนพักผ่อนบ้านญาติ 

ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือบ้านพักแต่ละหลังจะเป็นสไตล์บ้านไม้แบบไทยผสมกับความโมเดิร์นหน่อยๆ รายล้อมด้วยสวนสีเขียว และความน่ารักคือบ้านแต่ละหลังจะตั้งชื่อตามชื่อต้นไม้ต่างๆ ที่ให้ความร่มเงาแก่บ้านหลังนั้นๆ เช่น มะปราง มะม่วง ชมพู่ กระท้อน มะกรูด มะยมหวาน มะยมเปรี้ยว แต่ละหลังตกแต่งได้น่ารักมากๆ เหมาะแก่การมาผ่อนคลายมองสีเขียวทั้งวันจริงแถมยังมีระเบียงน่ารัก ๆ ในห้องให้ออกมานั่งเล่น อ่านสือหรือจิบกาแฟยามเช้าอีกด้วย

ร้านเจ๊ดาปลาลวก

ว่ากันว่าไปถึงอุทัยธานีต้องกินให้ถึงถิ่น ร้านเจ๊ดาปลาลวก จัดเป็นลิสต์ที่ต้องไปลองให้ถึงที่ เพราะเป็นร้านข้าวต้มสไตล์บ้านๆ แต่รสชาติและวัตถุดิบจัดเต็มสุดๆ ร้านนี้เลื่องลือเรื่องปลาไร้ก้าง ด้วยเทคนิคการแล่ปลาที่ช่ำชอง  เมนูที่แนะนำส่วนใหญ่จะเป็นเมนูซีฟู้ด เช่น ปลาแรดลวกจิ้ม ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม  ยำปลาสลิด กุ้งปะแป้ง ปลาแรดทอดน้ำปลา แต่ละเมนูกินคู่กับข้าวต้มได้อร่อยสุดๆ ยกให้เป็นอีกหนึ่งร้านคุณภาพที่ต้องมาลองด้วยตัวเอง!

Day 3

ตลาดเช้าสะแกกรัง

เช้าวันสุดท้ายขอทำตัวชิลล์ ๆ พร้อมเช้า ๆ มาเดินเซาะซื้อของกินที่ตลาดท้องถิ่นกันบ้าง ตลาดเช้าริมแม่น้ำสะแกกรัง เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านจะมาตั้งแผงขายของเรียงรายตั้งแต่เช้ามืด มีทั้ง พืชผักสวนครัว ของสด อาหาร ขนมต่างๆ และที่ขึ้นชื่อที่สุดก็คือ ปลาแรด ปลาท้องถิ่นประจำจังหวัดนั่นเอง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสบรรยากาศตลาดริมน้ำ และเสน่ห์วิถีชีวิตของคนที่นี่

และอีกสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือการแวะซื้อขนมปังสังขยาไพพรรณ ต้นตำรับเจ้าดังแห่งอุทัยธานี ร้านนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานเพราะเปิดมานานกว่า 50 ปีแล้ว โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของขนมปังที่นุ่มละมุน ไส้ทะลัก และความหวานกำลังดี ไม่หวานจนเกินไป เหมาะแก่การซื้อเป็นของฝากสุดๆ ของอร่อยแบบนี้ก็หมดไวมากเช่นกัน แนะนำให้โทรสั่งล่วงหน้าเน้อเจ้า

วัดอุโปสถาราม

ช่วงบ่ายวันนี้เรายังอยู่ในตัวเมืองอุทัยธานีเพราะจะขอเดินข้ามแม่น้ำมาชมความสวยงามที่แฝงไปด้วยมนต์ขลัง วัดอุโปสถาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดโบสถ์มโนรมย์ แห่งลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง ที่นี่เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติมายาวนาน และเป็นสถานที่สำคัญของชาวอุทัยธานี 

ที่แค่ได้เห็นภาพก็รู้สึกถึงเสน่ห์และความยิ่งใหญ่ของวัดแห่งนี้ ซึ่งจุดเด่นอีกหนึ่งจุดก็คือ ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่อยู่ภายในโบสถ์ ที่บอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวบ้านได้อย่างวิจิตรงดงาม และนอกจากความงดงามของวัดแล้ว บริเวณนั้นยังมีสะพานข้ามแม่น้ำสะแกกรัง จุดชมวิวแม่น้ำที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดเลย

นอกจากได้ชมความสวยงามของวัดอุโปสถารามแล้ว เราจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิต และมนต์เสน่ห์ของริมแม่น้ำสะแกกรัง ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนแพที่ทอดยาวไปตามแนวโค้งของแม่น้ำ ให้ได้เดินชมวิถีชีวิตของชาวแพ รวมถึงร่วมตักบาตรทางน้ำในตอนเช้าตรู่กับชาวบ้าน และเดินบนสะพานข้ามแม่น้ำ ชมวิวแม่น้ำที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา สองฝั่งน้ำเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนแพ เป็นภาพที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่สัมผัสได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น

ชื่นอุทัย ไอศกรีมโฮมเมด

เจอแดดร้อน ๆ ก็ขอแวะมาหลบร้อนกันที่ร้านไอศกรีมโฮมเมดที่มาพร้อมบรรยากาศอันอบอุ่นมากทุกคน ใครมาอุทัยธานีและเป็นสายของหวาน ปักหมุดตัวใหญ่ ๆ เลยว่าห้ามพลาดที่นี่เด็ดขาด

ไอศกรีมที่นี่เค้าจัดเต็มด้วยรสชาติให้เลือกนับสิบ เอาใจสายหวายชอบช็อกโกแลตก็มี หรือใครเป็นสายโสเกิร์ตบอกเลยที่นี่ยื่นหนึ่งเรื่องความอร่อยสุด ๆ 

insane3rd

ระหว่างทางบังเอิญมาเจอคาเฟ่ และร้านอาหารสุดเก๋กับร้าน insane3rd หรือ อินเซน เธิร์ด คาเฟ่น่านั่ง บรรยากาศสุดโฮมมี่ ตกแต่งแนว Rustic-Loft สร้างขึ้นบนที่เก่าของคุณตาคุณยายของเจ้าของร้าน มีมุมที่นั่งให้เลือกเยอะมาก

 ใครที่ชอบฟีลบ้านสวนต้องหลงรักที่นี่แน่นอน เพราะเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ล้อมด้วยทุ่งนา ร่มรื่นสุดๆ สามารถสั่งได้ทั้งอาหารหรือขนม กาแฟได้หมดเพราะทุกอย่างเข้ากับบรรยากาศ เป็นคาเฟ่ที่เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนชิลๆ ก่อนออกเดินทางกันต่อ

วัดท่าซุง

ปิดท้ายโลเคชั่นสวย ๆ ของการไปแอ่วอุทัยธานี ที่ต้องไปไหว้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่วัดท่าซุง วัดสวยที่มีไฮไลต์อย่างหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระที่มีชื่อเสียงที่ชาวบ้านเคารพบูชา และคนนิยมไปขอพรเรื่องการเงิน หลายคนสมดั่งปรารถนาการเงินปังสุดๆ สำหรับความวิจิตรงดงามที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ วิหารแก้ว 100 เมตร เป็นวิหารที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำสร้างไว้ก่อนมรณภาพนั่นเอง โดยภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราชจำลอง เป็นพระประทานในวิหาร จุดเด่นของวิหารแก้วก็คือ โดยรอบจะประดับประดาด้วยโมเสกสีขาว และกระจก มองไปทางไหนก็จะเห็นแสงและเงาสะท้อนวิบวับสวยงาม เป็นอีกหนึ่งวิหารที่น่าประทับใจมากๆ

อุทัยธานีหนึ่งในจังหวัดที่มาแล้วรู้สึกว่ามีอะไรมากกว่าที่คิด ทั้งสถานที่เที่ยวสุด Unseen ธรรมชาติป่าไม้ที่สมบูรณ์ และวิถีชีวิตสุดสโลไลฟ์ที่เข้ากันได้อย่างสุด ๆ ใครอยากมาสัมผัสกับธรรมชาติ พร้อมชมความสวยที่แปลกตา แนะนำให้ปักหมุดจังหวัดเข้าไปลิสต์ของทุกคนได้เลย

,

Leave a Reply

Your email address will not be published.