ตุลาคมนี้เราขอชวนทุกคนมาเปิดประสบการณ์เทรคกิ้งภูเขาหิมะในฤดูใบร่วงที่ได้นิยามว่าเป็นสวรรค์บนดินแห่งประเทศจีน ที่มาพร้อมเส้นทางชมธรรมชาติรายล้อมไปด้วย 3 เทือกเขาหิมะศักดิ์สิทธิ์ แถมยังมีทุ่งหญ้าลั่วหรงเหลืองอร่าม และทะเลสาบสุดยิ่งใหญ่ให้เราได้สัมผัสอีกด้วย
อย่างที่เค้าบอกสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น แพลนการเดินทางที่จะบอกว่าง่ายก็ง่าย จะบอกว่ายากก็ยาก แต่ลองเปิดใจเที่ยวดู รับรองว่าคุณจะหลงรักที่นี่แบบเราแน่นอน
Flight Bangkok to Kunming
การเดินทางจากกรุงเทพฯ เราเลือกบินกับสายการบิน AirAsia ไปลงที่สนามบินคุนหมิงใช้เวลาบินราว ๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง หรือจริง ๆ สามารถไปลงได้ทั้งเฉิงตูหรือฉงชิ่ง แล้วแต่แพลนของแต่ละคน ส่วนการเดินทางในประเทศก็แตกต่างกันออกไป แต่ใครอยากเที่ยวโซนแชงกลีล่า หรือไปต่อที่เมืองเก่าลี่เชียง แนะนำให้มาเส้นคุนหมิงแบบเรา
Travel Plans
Day 1 : Bangkok – Kunming
- กรุงเทพฯ นั่งเครื่องมาลงคุนหมิง และต่อเครื่องบินในประเทศมาลงที่แชงกลีล่า หรือใครมีเวลาสามารถนั่งรถไฟมาได้เช่นกันใช้เวลาราว ๆ 5 ชั่วโมง แต่เทียบราคาแล้วนั่งเครื่องแพงกว่านิดหน่อย เราเลยเลือกนั่งเครื่องบินแทน )
Day 2 : Shangri-La
- วันนี้เราเลือกเที่ยวแชงกลีล่าวันเดย์ และหาเหมารถเผื่อไปย่าติง 2 วัน
Day 3 : Shangri-La – Yading Villege
- วันนี้เราเดินทางด้วยรถที่เหมาไว้เมื่อวาน ใช้เวลาเดินทาง 8-10 ชั่วโมง หรือสามารถนอน Daocheng ได้เช่นกัน ที่นี่จะเป็นเมืองกว่า โรงแรมเยอะกว่า ร้านอาหารเยอะกว่า แต่ใช้เวลาเดินทางไป Yading Villege ราว ๆ หนึ่งชั่วโมง
Day 4 : Yading เส้นทางสั้น
- ย่าติง เส้นเทรคสั้น ทะเลสาบไข่มุก
Day 5 : Yading เส้นทางยาว
- ย่าติง เส้นเทรคยาว ทะเลสาบห้าสีและทะเลสาบน้ำนม
Day 6 : Yading – Shangri-La
- นั่งรถยาว ๆ กลับแชงกลีล่า ใครจะเที่ยวลี่เจียงต่อก็สามารถต่อรถที่นี่ได้เลย หรือใครกลับก็สามารถนั่งรถไฟ หรือต่อเครื่องเพื่อไปคุนหมิงได้เช่นกัน
Day 7 : Kunming – Bangkok
ฤดูที่น่าเที่ยวสำหรับอุทยานย่าติง
– ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนเมษายน – พฤษภาคม) ต้นไม้ใบหญ้ากลับมาเป็นสีเขียว อากาศเย็นสบาย อุณหภูมิประมาณติดลบ ถึง 18 องศา และบนยอดเขายังคงมีหิมะให้เห็น
– ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน – สิงหาคม) อุณหภูมิจะอยู่ที่ 10 – 20 องศา มีโอกาสจะเจอกับดอกไม้ และเป็นฤดูที่เจอฝนฟ้าคะนองได้บ่อยมากด้วยเช่นกัน
– ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน – ตุลาคม) ไฮไลท์ของการเที่ยวย่าติงโดยเราจะได้เห็นทุ่งหญ้า และใบไม้สีส้มเหลือง และมีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ พร้อมทะเลสาบสีฟ้า อุณหภูมิจะอยู่ที่ 0 – 18 องศา
– ฤดูหนาว (เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม) ช่วงที่หิมะแน่นๆ อุณหภูมิอยู่ -10 ถึง 11 องศา ใครมาช่วงนี้ต้องเตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม
Day 1 : Yading เส้นทางสั้น
ทริปนี้ขอเข้าที่ย่าติงวันแรกของเราเลยกับเส้นเทรคกิ้งระยะสั้นวิวทะเลสาบไข่มุก โดยเริ่มต้นจากการลงรสบัสที่นั่งจากทางเข้าอุทยานที่ขึ้นไต่เขามาใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง หลังจากลงรถให้เราเดินขึ้นไปตามทาง และเลี้ยวแยกขวามือ จะเป็นเส้นทางไปยังทะเลสาปไข่มุก ระหว่างทางวิวต้นใบแปะก๊วยที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และวิวภูเขาหิมะที่สุดอลังการสวยมาก แค่เส้นนี้ก็ทำเราตื่นตาตื่นใจกันแล้ว
เราใช้เวลาเดินไปถ่ายรูปไปประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็เดินมาถึงทะเลสาบไข่มุกแล้ว อยากจะบอกว่าที่นี่เป็นเส้นเดินเทรคสั้น ทำให้ผู้คนชาวจีนเยอะมหาศาลมากกกก โดยเฉพาะบริเวณนี้เป็นจุดที่ชมทะเลสาบใกล้ที่สุด มียอดเขาเซียนหน่ายยื่อ Xiannairi อยู่ด้านหลัง วันไหนที่ลมไม่แรงจะเห็นยอดเขานี้สะท้อนกับน้ำในทะเลสาบได้อย่างดงามเลยแหละ
ภายในเส้นนี้เราจะได้เจอกับวัดชงกู่ เป็นวัดที่อยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,900เมตร ตั้งเด่นอยู่บนเชิงเขา โดยวัดเก่าแก่นี้ที่มีอายุมากกว่า 700 ปี ทุกเช้า และช่วงบ่ายที่วัดนี้จะมีลามะคอยจุดธูป และสวดมนต์พระคัมภีร์กัน โดยเราสามารถเข้าไปแวะชมได้แค่บริเวณชั้นแรกเท่านั้น
Day 2 : Yading เส้นทางยาว
มาถึงวันที่ไฮไลท์กับ เส้นทางที่เรารอคอยกันมานาน หลังจากเรานั่งบัสคันดีคันเดิมมาลงที่หน้าทางเข้า วันนี้ให้เราเดินขึ้นไปทางเดิม แต่ให้เลี้ยวซ้าย จะเจอกับที่ขายตั๋วรถกอล์ฟราคาอยู่ที่ 80 หยวน โดยรถกอล์ฟจะไปส่งเราที่ ทุ่งหญ้าลั่วหรงเลย แนะนำให้นั่งรถกอล์ฟไปนะเพราะเก็บแรงให้ลุยระยะทางด้านหน้าดีกว่าเชื่อเรา
รถกอล์ฟใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็มาถึงทุ่งหญ้าลั่วหรง ถ้ามาช่วงตุลาคม ที่นี่จะเต็มไปด้วยวิวสีเหลืองอร่ามไปหมด เพราะนอกจากใบไม้ที่เปลี่ยนสีแล้ว ทุ่งหญ้าก็เริ่มแห้งเป็นสีส้มไม่แปลกเลยที่ช่วงนี้นักท่องเที่ยวจากไทย และเมืองต่างๆ แห่พากันมาที่นี่แบบเยอะมาก โดยทุ่งหญ้าลั่วหรงนี้ จะถูกรายล้อมด้วย 3 ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งของ “Risong Gongbu” และยังมีแม่น้ำ Gongga บริเวณนี้อีกด้วย เรียกว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ใครมาต่างพูดเป็นเสียงเดียวเลยว่า สวยมาก!
อย่างที่บอกจุดนี้เราจะสามารถชมวิวภูเขาหิมะ 3 พระโพธิสัตว์ได้แก่ ภูเขาเซียนหน่ายยื่อ , ภูเขาหยางเหมยหย่ง , ภูเขาเซี่ยโยโตเจีย ที่ชาวทิเบตนับถืออย่างสูงได้เลย ใครมาเที่ยวที่นี่อย่าลืมเก็บภาพมุมนี้กันนะ
เกือบลืมบอกไปสำหรับเส้นเทรคยาววันนี้ แนะนำให้ซื้อข้าวกล่องไปด้วย ความดีงามของข้าวกล่องนี้สามารถอุ่นร้อนได้ด้วยตัวเอง โดยวิธีอุ่นข้าวที่นี่ ต้องใส่น้ำคู่กับถุงที่ทำความร้อนและรอ 15 นาที แค่นี้ข้าวก็ร้อนเหมือนแบบพึ่งหุงกันเลย
หลังจากเดินชมนกชมไม้ เราก็เดินทางถึงทางแยกไปทะเลสาปห้าสีและทะเลสาปน้ำนม แนะนำให้ไปทะเลสาบน้ำนมก่อนเพราะถ้าแสงหมดที่นี่จะไม่สวยเลย
ใช้เวลาไม่นานมากเราก็มาถึงทะเลสาบน้ำนม โดยที่นี่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงจากน้ำทะเลระดับ 4,500 เมตร เป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งโบราณ ที่เป็นบ่อน้ำเล็ก ๆ หมือนหยดน้ำ แต่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ตัวทะเลสาบมีลักษณะใส และมีสีฟ้าล้อมรอบด้วยวงกลมสีขาวขุ่น ๆ จึงถูกเรียกว่าทะเลน้ำนมนั้นเอง แนะนำให้ขึ้นไปถ่ายด้านบนเพราะจะทำให้เราเห็นสีน้ำแบบชัด ๆ แต่ที่นี่บอกเลยว่าหนาวและลมแรงมากๆ ขึ้นไปแปปเดียวหน้าชากลับลงมาเลย
หลังจากถ่ายรูปกันจุใจเราก็เริ่มเดินไปยังทะเลสาบห้าสีกันต่อ โดยทะเลสาบ 5 สี ตั้งอยู่ระหว่างภูเขา Xiannairi และ Yangmaiyong มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 4,700 เมตร ตัวทะเลสาบบ่อนี้มีลักษณะเป็นแอ่งกลม และน้ำใสสะท้อนแสงหลากสีสัน และมีความเชื่อกันว่าความใสของทะเลสาบบ่อนี้สามารถมองย้อนอดีต ละทำนายอนาคตได้เลยนะ
จบไปแล้วกับ Travel Guide สำหรับใครที่อยากมาสัมผัสความอลังการของเทือกเขาในอุทยานย่าติงช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เชื่อเถอะว่าประเทศจีนยังเป็นประเทศลำดับต้น ๆ ที่เราเทใจให้กับความสวยงามของธรรมชาติ แถมช่วงนี้ที่นี่เดินทางง่ายกว่าสมัยก่อนเยอะมาก ใครที่อยากลองมาเที่ยว และสัมผัสความสุดยิ่งใหญ่ของธรรมชาติพร้อมกับเดินทางไม่ไกลจากประเทศไทย ขอให้เก็บลิสต์ย่าติงนี้ไว้ในใจได้เลย