รอบนี้เราจะพาทุกคนยื่นวันลา เก็บกระเป๋า คว้าพาสปอร์ตแล้วเดินทางลัดฟ้ามาเสพอากาศดี ๆ ช่วงปลายปีที่ได้ทั้งชมใบไม้เปลี่ยนสีแบบปัง ๆ หรือหิมะขาวโพลนแบบฉ่ำ ๆ ที่ ‘เฉิงตู’ เมืองใหญ่อันดับต้น ๆ ของจีนที่ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง ให้เราเดินทางไปเช็กอินในอุทยานแห่งชาติ ที่เที่ยวสุดแกรนด์ระดับ 5A ได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง อัดแน่นไปด้วยมรดกโลกด้านต่าง ๆ ที่ดาหน้ามาให้เราเก็บลิสต์ได้ไม่หยุดหย่อน ชมสถาปัตยกรรมงาม ๆ ในรูปแบบ walking street หาของกินริมทางไปพลาง ๆ แล้วจูงมือเพื่อน อุ้มลูกน้อยไปเซย์ไฮกับแพนด้าที่นั่งรอให้เราไปเยี่ยมชม อย่าลืมหาวันชิล ๆ ไปใช้ชีวิตติดแกรมเดินชอปปิง ฮอปปิงคาเฟ่
กินหมาล่าฉ่ำ ๆ ใจกลางเมือง บอกเลยว่าเป็นทริปที่ครบทุกรสชาติ ฟินไม่ซ้ำใครแน่นอน
ประตูสู่แดนมังกรที่ตอบโจทย์ทุกการเที่ยวมาพร้อมไฟท์บินจาก AirAsia ที่มี *บินตรงสู่เฉิงตูทุกวัน ใครที่ยังไม่เคยไปจีน เราว่าที่นี่แหละควรค่าแก่การเป็นตัวเปิดประสบการณ์สุด ๆ เลย
จองเลย: https://air.asia/74fdq
Flight Bangkok to Chengdu
ทริปนี้เรามุ่งตัวตรงสู่จีนด้วยสายการบิน AirAsia ตัวเลือกแรก ๆ เวลาอยากบินไปเที่ยวต่างประเทศ นอกจากราคาจะดีแล้ว เขายังเป็นสายการบินราคาประหยัดที่ตรงต่อเวลาที่สุด ไม่ทำให้แพลนเที่ยวเสีย ยิ่งเส้นทางบินจีนเขามีตัวเลือกให้เยอะมาก ณ ตอนนี้มีถึง 12 เส้นทาง กวางโจว เซินเจิน ฉางซา ฉงชิ่ง คุนหมิง หางโจว ซัวเถา อู่ฮั่น ซีอาน เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และเฉิงตู ที่เรามาในครั้งนี้กับไฟลต์ DMK-TFU 21:55 – 02:00 น. นั่งแค่ 4 ชั่วโมงชิล ๆ ไปเช็กอินโรงแรมนอนรอเที่ยวต่อได้สบาย ๆ
Chengdu Travel Guide 2024
- Alipay สำคัญมากเพราะใช้จ่ายแทบทุกอย่างตั้งแต่การเดินทางรถไฟ รถประจำทาง ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร สามารถผูกกับบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตได้เลยง่าย ๆ
- การเดินทางด้วย Taxi สามารถเรียกใน DiDi ในแอปฯ Alipay สะดวกมาก ถ้าเดินทางในเมืองราคาจะอยู่ร่าว ๆ 10-15 หยวน ยิ่งถ้าไปหลายคนอันนี้แนะนำ เพราะสะดวกมาก และค่ารถไม่ต่างจากรถไฟเท่าไหร่
- โรงแรมแนะนำให้จองย่านIFS Building หรือ ย่านTaiKoo Li เพราะเดินทางสะดวก ร้านอาหารเยอะ อย่างของเราพักที่ Xuanya Hotel (Chengdu Chunxi Kai Koo Li) คืนละ 750 บาทเท่านั้น
- อินเตอร์เน็ตแนะนำให้เปิดโรมมิ่งของค่ายมือถือบ้านเรา หรือซื้อ E-Sim เพราะสามารถใช้ Facebook , Line , Youtube ได้
- Google Translate สำคัญมาก
- ค่าเงิน 1 หยวน เท่ากับ 5 บาท คิดง่าย ๆ แบบนี้ไปเลย
- เวลาที่เฉิงตูเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง
- การเข้าเมืองแนะนำให้นั่งรถบัสสะดวกสุด มีทั้งหมด 5 สายขึ้นอยู่กับปลายทางเราจะลงที่ไหน ถ้าแบบเราสาย 1 ลงที่หน้า IFS Building เลย ค่าโดยสาร 15 CNY ต่อคน
วิธีเดินทางจากสนามบิน Tianfu International Airport เฉิงตูเข้าเมือง
Airport Bus เข้าเมืองมีทั้งหมด 5 สาย วิ่ง 24 ชั่วโมง อันนี้สะดวกสุด ค่าโดยสารเริ่มต้น 15-25 หยวน (ออกจากตม.เดินตามป้าย Airport Bus ได้เลย)
- สาย 1 ปลายทาง Chunxi Road จอดที่หน้าตึก IFS แพนด้าเลย
- สาย 2 ปลายทาง Jinsha Transport Hub Station
- สาย 3 ปลายทาง Chengdu Zoo Bus Station
- สาย 4 ปลายทาง East Chengdu Railway Station
- สาย 5 ปลายทาง Shuangliu International Airport
รถไฟ Metro สาย 18 มาลงสถานี Century City และต่อสาย 1 มาลงสถานี Sichuan Gymnasium ต่อสุดท้ายสาย 3 มาลงสถานี Chunxi Road (ออกจากตม.เดินตามป้าย Metro รถไฟวิ่งรอบแรก 06:00 สามารถนั่งรอที่สนามบินก่อนได้)
DiDi สามารถเรียกตามสนามบินได้เลย แต่ค่าโดยสารจะค่อนข้างสูง
ฤดูที่น่าเที่ยวเฉิงตู
– ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม – พฤษภาคม) ต้นไม้ใบหญ้ากลับมาเป็นสีเขียว อากาศเย็นสบาย อุณหภูมิประมาณติดลบ ถึง 18 องศา และบนยอดเขายังคงมีหิมะให้เห็น
– ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน – สิงหาคม) อุณหภูมิจะอยู่ที่ 10 – 20 องศา มีโอกาสจะเจอกับดอกไม้ และเป็นฤดูที่เจอฝนฟ้าคะนองได้บ่อยมากด้วยเช่นกัน
– ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน – พฤศจิกายน) เป็นช่วงไฮไลท์ของการเที่ยวธรรมชาติที่สุด โดยเราจะได้เห็นทุ่งหญ้า และใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งสีส้ม เหลืองทอง และมีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ พร้อมทะเลสาบสีฟ้า สีสันสวยงามดั่งภาพวาดในนิยาย อากาศก็เย็นสบายสุดๆ อุณหภูมิจะอยู่ที่ 0 – 18 องศา ใครชอบธรรมชาติขอแนะนำให้มาช่วงนี้เลย
– ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์) ช่วงที่หิมะขาวโพลนแบบฉ่ำฟูทั่วทั้งเมือง อุณหภูมิอยู่ -10 ถึง 5 องศา ใครมาช่วงนี้ต้องเตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม
Travel Plans
Day 0
- Bangkok – Chengdu
Day 1
- Chengdu – Huanglong National Park – Jiuzhaigou
Day 2
- Jiuzhaigou
Day 3
- Siguniangshan – Chengdu
Day 4
- Pause Coffee
- Chengdu Giant Panda Breeding Research Base
- Kuanzhai Alley
- 乐山鲜知味钵钵鸡(奎星楼店)
- 袁记云饺
- Anshun Bridge
Day 5
- Lento cafe
- SELECT BEAN STUDIO
- Chengdu Tianfu Art Museum
- Panda Selfie
- Dujiangyan Zhongshug
- เขื่อน Dujiangyan
Day 6
- HANDHELL 成都美式复古咖啡店
- 丁满咖啡 (绿地GIC中央广场店)
- 渝少侠火锅
- IFS Building
- TaiKoo Li
- Twin Tower
Day 1
Huanglong National Park
เช้าวันแรกเราเริ่มเปิดประสบการณ์การเดินทางแบบใหม่ในไชน่า ด้วยการนั่งรถไฟความเร็วสูงไปยัง ‘จิ่วจ้ายโกว’ ซึ่งเป็นรูทที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้เอง สามารถขึ้นรถได้ที่ Chengdu East (成都东) แล้วไปลงที่ ZhenJiangGuan (镇江关站) ใช้เวลาราว ๆ 2 ชั่วโมง จากนั้นก็เหมารถไปยัง Huanglong National Park ได้เลย รวมแล้วใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ จากเมื่อก่อนที่ต้องนั่งรถบัสกว่า 9 ชั่วโมง เรียกว่าพี่จีนเขาพัฒนาไปไกลมากกก
Huanglong National Park อุทยานแห่งชาติหวงหลง หรือมีอีกชื่อว่า “มังกรเหลือง” ตัวอุทยานนี้ตั้งอยุ่บนความสูง 3,000 – 5,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยไฮไลต์ของที่นี่จะมีแลนด์มาร์คจุดถ่ายรูปทะเลสาปหลากสีมากมาย โดยการเดินทางภายในอุทยานเราแนะนำให้ เริ่มจากการนั่งกระเช้าขึ้นไปยอด Lee Wang Long Ping ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถถ่ายรูปวิวสุดจึ้งได้ หลังจากนั้นก็ให้เดินชมวิวไปเรื่อย และวนลงข้างล่างใช้เวลาเดินทั้งหมดราว 2-3 ชั่วโมง แต่เชื่อเถอะว่ามันคุ้มค่าแก่การเสียแรง เสียเวลามาก
ค่าเข้าอุทยาน : 200 CNYต่อคน และค่าเคเบิลคาร์ 80 CNY ต่อคน/รอบ
มาถึงไฮไลต์ของที่นี่กับ Wucai ( Five-colour) Pond กลุ่มบ่อน้ำหลากสีที่ใหญ่ที่สุดและตั้งอยู่จุดสูงสุดของอุทยาน บนความสูง 3,576 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ละบ่อจะถูกขั้นด้วยหินปูนสีขาว-น้ำตาลตัดสลับกับน้ำสีมรกตอย่างสวยงาม ซึ่งมีมากถึง 693 บ่อ บางบ่อเป็นสีฟ้าอมเขียว ฟ้าพาสเทล ไล่เฉดไปเรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับความลึกและปริมาณแร่ธาตุในน้ำ
อย่างที่บอกแนะนำให้นั่งกระเช้าขึ้นไปยังจุดชมวิวเพื่อเก็บภาพมุมสูงไว้ด้วย แล้วค่อย ๆ เดินลง จะได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพที่แตกต่างกันออกไป
ถ้าช่วงใบไม้เปลี่ยนสี น่าจะสวยมากกก
Day2
Jiuzhaigou
วันนี้โยกย้ายมากันที่ Jiuzhaigou อุทยานชื่อก้องโลกที่ได้ขึ้นเป็นมรดกโลก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ของจีน มีพื้นที่มากกว่า 720 ตารางกิโลเมตร อัดแน่นไปด้วยบ่อน้ำแร่ธรรมชาติกว่า 144 แห่ง กำแพงน้ำตกสุดอลัง ป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ที่งดงามเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ในส่วนการเดินแนะนำให้มานอนแถว ๆ Jiuzhaigou เพราะสามารถเรียก DiDi ให้มาส่งยังหน้าทางเข้าได้เลย
ค่าเข้าอุทยาน : 220 CNYต่อคน และค่ารถเที่ยวในอุทยาน 90 CNY ต่อคน/รอบ
ไฮไลต์ที่เราตั้งใจมาวันนี้คือ ‘Five Flower Lake’ บ่อน้ำหลากสีที่มีน้ำใสสะอาดจนมองเห็นพื้นเบื้องล่าง ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ของสาหร่ายสีสันสดใสบวกกับแร่ธาตุ ทำให้บ่อน้ำมีทั้งสีเหลือง เขียวเข้ม น้ำตาลแดง เขียวมรกต ฯลฯ ยิ่งถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี หุบเขาโดยรอบจะถูกแต่งแต้มด้วยสีแดง เหลือง ส้ม แค่จินตนาการก็ขนลุกในความสวยแล้ว
แล้วเราก็ใช้เวลาทั้งวันในการนั่งรถบัสเที่ยวลัดเลาะชมจุดไฮไลต์ต่าง ๆ ดื่มด่ำกับดินแดนแห่งขุนเขาและธารน้ำศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย ทุกจุดล้วนเป็น The Must ที่ต้องไป ไม่ว่าจะเป็น ‘Panda Lake’ แหล่งน้ำของหมีแพนด้ายักษ์ที่อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งนี้ โดยน้อง ๆ จะมาดื่ม มาเล่น และหาอาหารกันละแวกใกล้ ๆ และยังสามารถชมปลาหายากในบ่อน้ำนี้ได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้นที่นี่ยังมี ‘Pearl Shoals Waterfall’ น้ำตกที่มีความสูงชัน 40 เมตร และหน้ากว้างถึง 310 เมตร รูปทรงโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว พร้อมสายน้ำที่ลดหลั่นลงมาเร็วแรงจนคล้ายเส้นไข่มุก ถือเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในนี้เลยก็ว่าได้
อีกจุดคือ’ Mirror Lake’ ทะเลสาบที่ใสและนิ่งสงัดสร้างภาพสะท้อนได้ประหนึ่งกระจกเงา ซึ่งจะเห็นได้ชัดในวันที่ฟ้าเปิด แนะนำว่าให้เข้ามากันตั้งแต่เช้านะเพราะในนี้ใหญ่มาก สายธรรมชาติน่าจะม่วนจอยสุด ๆ
Day 3
Siguniangshan
ยังคงไปกันต่อกับการเที่ยวอุทยาน วันนี้เรามาที่ Siguniangshan ดินแดนแห่งภูเขาหิมะสี่ดรุณี 4 ยอดเขาชื่อว่า Daguniang Feng ความสูง 5,055 เมตร / Erguniang Feng ความสูง 5,454 เมตร / Sanguniang Feng ความสูง 5,664 เมตร / Yaomei Feng ความสูง 6,250 เมตร (ถูกเรียกเป็น Queen of Sichuan’s peaks) แต่ละยอดจะมีหิมะปกคลุมตลอดเวลา จนขึ้นชื่อว่าเป็นเทือกเขาแอลป์แห่งตะวันออก ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และถือเป็นที่เที่ยวระดับ 5A ของจีนเช่นกัน
การเดินทาง : เราเหมารถจาก Jiuzhaigou ไปกลับจาก FB : คนไทยพาเที่ยวเฉิงตู
ค่าเข้าอุทยาน 80 CNYต่อคน และค่ารถเที่ยวในอุทยาน 70 CNY ต่อคน/รอบ
เส้นทางการเที่ยวของเราจะนั่งรถบัสไปที่ป้ายสุดท้าย (ป้ายที่ 6) ก่อนแล้วค่อยไล่เที่ยวกลับขึ้นมาเรื่อย ๆ เพื่อที่จะได้เจอยอดเขาสี่ดรุณีตั้งแต่สปอตแรกเลย แต่วันที่เราไป มีกลุ่มเมฆมาปิดที่ยอดพอดีเลยได้ภาพอย่างที่เห็น เที่ยวที่นี่ก็เหมือนเป็นการวัดดวงไปในตัวด้วยเลยนะ ส่วนใครอยากลิ้มของอาหารสไตล์จีน ที่จุดจอดรถตรงนี้ก็มีร้านค้าให้เราได้นั่งทานอร่อยพร้อมปล่อยใจจอย ๆ ดูวิวเทือกเขาสุดอลังการอีกด้วย
และยิ่งมาช่วงหน้าร้อนเข้าฤดูใบไม้ผลิก็จะเจอทุ่งดอกไม้สวย ๆ ให้เราลงไปนอนแผ่รับอากาศบริสุทธิ์แบบฟิน ๆ ซึ่งภาพที่เห็นนี้เราลงรถตรงป้ายที่ 5 เจอกับเนินหญ้าที่มีแบ็กกราวนด์เป็นยอดเขาหิมะ มันสวยจึ้งมาก มองบางมุมเหมือนเที่ยวยุโรปเป๊ะ
ความอลังการของที่นี่ยังมี Shuangqiao Valley ที่เต็มไปด้วยจุดชมวิวเล็ก ๆ มากถึง 54 จุด ไม่ว่าจะเป็นที่ราบสูง Sapodilla ทุ่งกว้างใหญ่กว่าพันเฮกเตอร์ ฉ่ำตาไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี ลำธารน้ำใสไหลผ่านตามธรรมชาติ หรือจะเป็น Nianyuba ทุ่งหญ้าที่ถูกประดับด้วยธงสวดมนต์สะท้อนความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์
หลังจากถ่ายรูปวิวเขา Daguniang Feng จนอิ่มเอมใจ เราแนะนำให้นั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Sigunacuo กันต่อ โดยที่นี่จะเป็นทะเลสาบที่มีวิวน้ำสะท้อนเทือกเขา และต้นสนสุดยิ่งใหญ่ ใครมีเวลาสามารถเดินลัดเลาะตามทางลงไปเรื่อย ๆ ได้เลย ยิ่งช่วงเดือนนี้อากาศข้างบนนี้ดีม๊าก ใครมีเวลาแนะนำให้เก็บให้ครบทุกจุด แต่สำหรับเราขอไปแค่ไฮไลต์ 3 ที่พอเพราะเย็นนี้เราต้องตีรถกลับเมืองเฉิงตูยาว ๆ
Day 4 : Chengdu
Pause Coffee
เดินขาลากกันมา 3 วันเต็ม วันนี้ก็จะเป็นฟีลลิง City Tour เบา ๆ ให้ได้พักผ่อนกันบ้าง เริ่มกันที่ ‘Pause Coffee’ แบรนด์ยอดฮิตที่มีสาขาในเฉิงตูมากถึง 5 แห่ง โดยแต่ละที่จะออกแบบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางร้านออกลอฟต์งานปูนเปลือย บ้างเป็นหินอ่อนสลับไม้ดูโฮมมี่
การเดินทาง : Metro Line8 สายสีเขียวอ่อนลงสถานี Shanbanqiao ทางออก A
ส่วนสาขาที่เรามาโดดเด่นด้วยงานไม้เรียบหรูที่ดูคราฟต์โมเดิร์นขั้นสุด โดยกาแฟของร้านเป็นแบบ Specialty มีเมล็ดให้เลือกตามเทสต์โน้ตที่ชอบ เราลองสั่งเป็น Dirty ที่เขาใช้กาแฟคั่วกลางค่อนเข้ม บอดี้กลาง ๆ เข้ากับนมแช่เย็นนุ่ม ๆ ได้อย่างดี พอกินคู่กับครัวซองต์กรอบนอกนุ่มในชุ่มเนย เค็มนิด ๆ แล้ว มันฟินสุด ๆ
Chengdu Giant Panda Breeding Research Base
แล้วถ้าใครขึ้นเขาไปแล้วไม่ได้เห็นน้องแพนด้าตัวเป็น ๆ ก็ไม่ต้องเสียใจเพราะเราสามารถมาดูน้อง ๆ ได้ที่ ‘Chengdu Giant Panda Breeding Research Base’ องค์กรที่ทำหน้าที่ดูแลพี่หมีมานานกว่า 37 ปี ไม่ให้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ สมกับการเป็นเมืองที่มีประชากรหมีแพนด้ามากที่สุดในโลก
ค่าเข้า : 55 CNY ต่อคน
การเดินทาง : Metro Line3 สายสีชมพูลงสถานีรถไฟใต้ดิน Panda Avenue (熊猫大道) ทางออก D ต่อด้วย Shuttle Bus ( 2หยวน/เที่ยว ) มาที่ทางเข้าศูนย์ด้านทิศใต้ หรือ ลงที่สถานี Chengdu Junqu General Hospital Station (军区总医院) ทางออก B เดินต่อมาอีก 300 เมตรเพื่อขึ้นรสบัสเข้ามาประตูด้านทิศตะวันตก
ที่นี่เรียกว่าเป็นสวนสัตว์ขนาดย่อมได้เลย เพราะมีพื้นที่มากกว่า 5,000 ไร่ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่เหมือนเดินเข้าไปในป่า แยกเป็นโซนแพนด้าสายพันธุ์ต่าง ๆ ถูกแยกไว้หลาย ๆ ห้อง โดยน้องจะตื่นมาทักทายเราช่วง 8.00 – 10.00 น. ให้เรายืนมองเขากลิ้งไปกลิ้งมา ปีนซุกซนได้เพลิน ๆ
Kuanzhai Alley
อิ่มเอมกับความน่ารักของแพนด้าแล้วก็มาเดินชมความแอนทีคของเมืองกันต่อที่ ‘Kuanzhai Alley’ ถนนคนเดินโบราณควานจ๋ายตั้งอยู่ใจกลางป่าคอนกรีตที่เต็มไปด้วยความเจริญ เป็นการผสมผสานวัฒนธรรม 2 ยุคได้อย่างกลมกลืน เดินชื่นชมสถาปัตยกรรมโบราณที่สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์ชิงที่มีอายุมากกว่า 300 ปี
การเดินทาง : Metro Line4 สายสีเขียวลงสถานี Kuanzhaixiangzi Alleys ทางออก B
เดิมใช้เป็นค่ายทหาร ปรับเปลี่ยนมาเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเมือง มีซอกซอยให้ลัดเลาะ ถึงแม้อาคารเหล่านี้จะผ่านการปรับปรุงซ่อมแซมแต่ก็ยังมีกลิ่นอายของวันวานอย่างคละคลุ้ง พร้อมร้านค้าขายของที่ระลึก คาเฟ่ ร้านชาธีมเก๋ที่รีโนเวทภายในให้ดูโมเดิร์นสวยงามมากมาย แต่ถ้าใครเป็นสายกินก็สามารถมาฮอปสตรีทฟู้ดกันที่นี่ได้เช่นกัน มีครบทั้งหมาล่าเสียบไม้ หม้อร้อน ฯลฯ ละลายทรัพย์กินเพลินแน่นอน
乐山鲜知味钵钵鸡(奎星楼店)
ไม่ไกลนักจาก Kuanzhai Alley จะมีร้านอาหารชื่อดัง 乐山鲜知味钵钵鸡(奎星楼店) ที่มีคนมามุงหน้าร้านไม่ขาดสายกับเมนูเด็ด 钵钵鸡 (โปโปจี) หรือ BoBo Chicken เนื้อไก่ส่วนต่าง ๆ และผักเสียบไม้ลวกจนสุกแล้วนำมาแช่ในกะละมังที่เต็มไปด้วยซอสหมาล่าสีแดงสด โดยเราสามารถหยิบใส่ถังแล้วไปนั่งกินและค่อยให้เขามาคิดเงินตอนกินเสร็จ ซึ่งเราเห็นบางโต๊ะกินกันเยอะมากเป็น 60 – 70 ไม้ได้เลย รสชาติจะออกเผ็ด ๆ ชา ๆ มีรสเปรี้ยวหน่อย ๆ พร้อมกลิ่นงาแน่น ๆ เป็นรสชาติเสฉวนของแทร่!! ใครอยากกินกับข้าว แนะนำให้สั่งข้าวต้มซุปไก่ถือเป็นเมนูเด็ดของที่นี่เช่นกัน
การเดินทาง : Metro Line4 สายสีเขียวลงสถานี Kuanzhaixiangzi Alleys ทางออก B และเดินอีก 10 นาที
袁记云饺
ยังคงกินกันต่อที่ ‘หยวน จี้ หยุน เจี่ยว (袁记云饺)’ ร้านที่โด่งดังไปทั่วแผ่นดินจีน ริเริ่มที่เมืองกวางโจว มีประวัติมาตั้งแต่ปี 1946 ปัจจุบันเปิดได้มากถึง 3,500 สาขาทั่วประเทศ ทีเด็ดของร้านอยู่ที่เกี๊ยวสไตล์กวางตุ้งที่เขาปั้นสดให้เห็นกันจะจะ ตัวแป้งเกี๊ยวหนากำลังดี นุ่มหนึบมีกลิ่นหอมของไข่มานัว ๆ พร้อมไส้ที่มีให้เลือกทั้งหมู กุ้ง เน้ือ ผ่านการหมักจนมีรสชาติกลมกล่อม พร้อมน้ำซุปที่เลือกได้ทั้งซุปกระดูกหมู หมาล่า และมะเขือเทศ หรือจะกินแบบแห้งเพิ่มความจัดจ้านด้วยการจิ้มน้ำจิ้มพริกเผาก็ไม่ติด
การเดินทาง : Metro Line4 สายสีเขียวลงสถานี Kuanzhaixiangzi Alleys ทางออก B และเดินอีก 10 นาที
Anshun Bridge
ค่ำคืนนี้ขออำลาทุกคนไปด้วยทิวทัศน์ของ ‘Anshun Bridge’ สะพานข้ามแม่น้ำชุน เล่นใหญ่เล่นโตด้วยเครื่องหัวที่เป็นศาลาไม้ทรงจีน 2 หลังปิดทึบด้วยหลังคา ด้านล่างเป็นซุ้มหินโค้งอันโอ่อ่ามั่นคงแข็งแรง ซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1746 สมัยราชวงศ์ชิง เคยเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมที่เชื่อมต่อการค้าระหว่างจีนและตะวันตก ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งบอกความยิ่งใหญ่และเจริญรุ่งเรืองของเมืองในสมัยนั้น ก่อนจะถูกทำลายด้วยอุทกภัย สะพานที่เห็นจึงเป็นอันที่สร้างขึ้นใหม่ให้คล้ายเดิมที่สุด เหมือนกระทั่งความประณีตของงานแกะสลักหินก็อิงจากหลักฐานเดิม ปัจจุบันภายในนี้เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ที่ยามค่ำคืนจะเปิดไฟสีแดงส้มส่องประกายขับให้สะพานโดดเด่น สะท้อนกับผิวน้ำเบื้องล่างอย่างลงตัว จึงเหมาะเป็นจุดถ่ายรูปที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน
การเดินทาง : Metro Line2 สายสีแดงลงสถานี Dongmen Bridge ทางออก A
Day 5 : Chengdu – Dujiangyan
Lento cafe
ตื่นเช้ามาสิ่งที่แรกที่ต้องทำคือหาคาเฟอีนเติมเข้าเส้นเลือดสักหนึ่งกรุบ เราตรงมาที่ ‘Lento cafe’ คาเฟ่สุดเท่ที่คุมโทนขาว ดำได้อย่างถูกต้อง แม้จะเป็นร้านเล็ก ๆ แต่ก็สามารถเล่นช่องแสงที่เพดาน พร้อมการจัดวางที่ดูโปร่งสบายได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเมนูของร้านมีทั้ง Coffee Non-Coffee และเบเกอรีที่หลากหลาย ซึ่งลองเทสต์กาแฟดำเรียกว่าดีงาม มีความขมกำลังดี อะโรมาทำเราสดชื่นตาตื่นได้เลยทีเดียว
การเดินทาง : Metro Line6 สายสีน้ำตาลลงสถานี Xinhong Road ทางออก B2
SELECT BEAN STUDIO
ส่วนอีกร้านเราถึงกับต้องขยี้ตาว่าอยู่จีนหรือเกาหลีกับ ‘SELECT BEAN STUDIO’ ร้านนี้คุมโทนขาว ดำ เทา เช่นกัน แต่มีความเข้าถึงง่ายกว่าด้วยการจัดวางเฟอร์นิเจอร์รูปทรงเหมือนห้องนั่งเล่น กระจายตามมุมต่าง ๆ พร้อมมุมเอาต์ดอร์เป็นลานกว้างเก๋ ๆ ให้ได้มาครีเอตภาพลงไอจีกัน และก็เป็นอีกร้านที่ทำ Dirty ออกมาได้กลมกล่อมถึงใจ ถือว่าวงการคาเฟ่ของพี่จีนเขาตีตื้นจะตามเกาหลี ญี่ปุ่นทันกันแล้วนะ
การเดินทาง : Metro Line6 สายสีน้ำตาลลงสถานี Xinhong Road ทางออก B1
Chengdu Tianfu Art Museum
จากนั้นเราก็มาชมพิพิธภัณฑ์กันต่อที่ ‘Chengdu Tianfu Art Museum’ สถานที่จัดแสดงงานศิลปะขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร ส่วนแรกเป็นโซน A ที่ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจาก Hibiscus Flower เปรียบปีกด้านต่าง ๆ เป็นกลีบดอกไม้ที่บานอย่างงดงามเหนือผิวน้ำ ภายในแบ่งห้องจัดนิทรรศการได้ 13 ห้อง มีพื้นที่เรียนรู้สาธารณะอีก 4 แห่ง และห้องประชุมอีก 2 ห้อง จะเน้นไปที่งานอาร์ตที่สื่อถึงเมืองเฉิงตู มีเรื่องประวัติศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ในรูปแบบงานศิลปะร่วมสมัย ทำให้ดูเข้าใจง่ายและไม่น่าเบื่อ
ค่าเข้า : ฟรี แต่ต้องจองล่วงหน้าผ่านทางวีแชท official > 成都天府美术馆 < แล้วจะได้ QR code ไปสแกนเข้าหน้าแกลอรี่ได้เลย
การเดินทาง : Metro Line2 สายสีส้มลงสถานี Yingbin Avenue ทางออก D และเดินต่ออีกราว ๆ 15-20 นาที แนะนำให้มั่ง DiDi ต่อราคา 10 CNY
ส่วนโซน B อีกอาคารที่มีพื้นที่เกือบ 33,000 ตารางเมตร โครงสร้างของอาคารตั้งใจออกแบบให้เหมือนเป็นภูเขาหิมะที่ล้อมรอบเฉิงตูเอาไว้ แบ่งห้องจัดนิทรรศการได้อีก 8 ห้อง พื้นที่เรียนรู้สาธารณะอีก 3 แห่ง และมีโรงภาพยนตร์อยู่ด้วย โดยจะเน้นจัดงานนิทรรศการหมุนเวียนเพื่อเป็นเวทีโชว์ผลงานให้แก่ศิลปินท้องถิ่น ที่สร้างผลงานเทียบเท่าระดับนานาชาติให้เป็นที่รู้จัก ถือเป็นอาร์ตมิวเซียมที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านศิลปะอย่างแท้จริง
ช่วงบ่ายเรานั่งรถไฟความเร็วสูงมาเที่ยวที่เมือง Dujiangyan สถานี Liduigongyuan โดยไปขึ้นรถไฟที่สถานี Xipu เดินออกมาที่ทางออก A1 ก็จะมีป้ายเดินต่อไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูง ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีเท่านั้น ก็ได้มายืนร่วมเฟรมกับหมีแพนด้านอนเซลฟี่ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กประจำถิ่น เมืองนี้เป็นอีกเมืองที่ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ทางธรรมชาติเพราะเป็นศูนย์กลางระบบนิเวศ และด้านวิศวกรรมชลประทานซึ่งมีมานานกว่า 2,000 ปี และยังเป็นที่อยู่ของหมีแพนด้ายักษ์ ลิงสีทอง ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองอีกด้วย
การเดินทาง : รถไฟความเร็วสูงลงสถานี Liduigongyuan ทางออก D
Dujiangyan Zhongshug
จุด Photogenic ที่สายคอนเทนต์ไม่ควรพลาดไม่ว่าจะด้วยประการใด ‘Dujiangyan Zhongshuge’ ร้านหนังสือโครงสร้างสุดพิศวง ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากระบบชลประทานอายุหลายพันปีในเมืองแห่งนี้นั่นเอง ในนี้ถูกตกแต่งด้วยแผ่นผนังสีน้ำตาลเข้มลายพร้อย จุดที่ไม่สูงมากจะเป็นชั้นวางหนังสือจริง ๆ แต่ส่วนที่สูงเกินเอื้อมนั้นจะใช้การพิมพ์ลายชั้นหนังสือที่เล่นแสงเงาได้อย่างแนบเนียน โดยผนังจะโค้งไปมา มีช่องประตูให้เราเดินลัดเลาะประหนึ่งอยู่ในเขาวงกต ที่เพดานนั้นเป็นกระจกเงาที่สร้างเงาสะท้อนเบื้องล่างให้เป็นตีปลึก ทำให้ห้องดูมีมิติมายิ่งขึ้น พร้อมบันไดวนให้เราเดินขึ้นไปบนชั้นสองซึ่งจัดที่นั่งสำหรับเหล่าหนอนหนังสือได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับหนังสือเล่มโปรดแบบไพรเวต เรียกว่าเป็นอีกจุดที่พรีเซนต์ความล้ำสมัยของพี่จีนได้แบบตะโกนจริง ๆ
การเดินทาง : รถไฟความเร็วสูงลงสถานี Liduigongyuan ทางออก D และต่อ DiDi ราคา 15 CNY
เขื่อน Dujiangyan
มาต่อกันที่ ‘เขื่อน Dujiangyan’ อีกหนึ่งระบบจัดการน้ำที่เก่าแก่ที่สุดและยังใช้งานได้อยู่บนโลกใบนี้ อายุกว่า 2,000 ปี สร้างโดยหลี่ปิง ผู้ว่าการที่มาช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งในหน้าร้อน และอุทกภัยในช่วงน้ำหลาก เป็นภูมิปัญญาที่ทำให้พื้นที่ที่เคยแห้งแล้งกลายเป็นป่าอันเขียวชอุ่มตลอดทั้งปี ผู้คนสามารถทำเกษตรกรรมได้จนถึงปัจจุบัน การสร้างเขื่อนของเขาไม่ได้มีเพียงการขุดเพื่อเก็บน้ำเท่านั้น เขายังสร้างเกาะแก่ง เพื่อเป็นทางแยกบังคับการไหลของแม่น้ำไปยังธารน้ำธรรมชาติ และไหลลงสู่ที่ราบเพื่อกักเก็บ บวกกับคำนวณวิธีการระบายน้ำ หากมีจำนวนน้ำมากเกินไปเอาไว้ด้วย เรียกว่าเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การถูกยกย่องจริง
การเดินทาง : รถไฟความเร็วสูงลงสถานี Liduigongyuan ทางออก D และเดินต่อ 1 km
ถ้าใครเดินเที่ยวจนเริ่มหิว เราแนะนำให้เดินออกมาที่ถนนคนเดิน ที่มีร้านขายของกินเล่นรอให้เราซื้อไปรองท้องอยู่เพียบ ไม่ต้องกลัวว่าจะอดอยากเลย
สิ่งที่ทำให้เราอึ้งตาแตกคือ ช่วงเวลากลางคืนที่ทางเขื่อนเขาจะเปิดไฟสีฟ้าตามริมเขื่อน เผยให้เห็นเส้นสายของคลื่นน้ำที่ไหลบ่า สะท้อนตาสวยงามประหนึ่งภาพกราฟฟิกที่ไม่คิดว่าจะเห็นด้วยตาเนื้อ โดยจุดที่ดีที่สุดอยู่บนสะพานหนานเฉียว เป็นสะพานโบราณขนาดใหญ่ที่มีศาลาทรงจีนครอบอยู่ เป็นสปอตที่ประทับใจสุด ๆ
Day6 : Chengdu
HANDHELL 成都美式复古咖啡店
วันสุดท้ายนี้ขอปล่อยชิลพาทุกคนไปฮอปปิงคาเฟ่ หามุมถ่ายรูปชิค ๆ ในเมืองกัน เริ่มจาก ‘HANDHELL 成都美式复古咖啡店’ ร้านคาเฟ่ที่ดีเด่นเรื่องเบเกอรี พร้อมหน้าร้านที่เหมือนเราวาร์ปไปอยู่ยุโรปกับเคาน์เตอร์ร้านแบบโอเพ่นแอร์ อยู่ในอาคารที่มีช่องโค้งสไตล์ตะวันตก จัดวางตู้ไม้ทรงคลาสสิกวางโชว์ขนมหน้าตาแสนโฮมเมด
การเดินทาง : Metro Line8 สายสีเขียวอ่อนลงสถานี Fangcao Street ทางออก D
ในส่วนเมนูก็มีให้เลือกตั้งแต่ทาร์ตไข่ ครัวซองต์หน้าต่าง ๆ เบเกิล บัน พอสั่งปุ๊บเขาจะอุ่นร้อนก่อนจัดเสิร์ฟ กลิ่นขนมจึงโชยฟุ้งไปทั่วบริเวณ พอกัดไปจะเจอแป้งกรอบพร้อมความอุ่นฉ่ำอยู่ด้านใน กินคู่กับกาแฟเย็นแล้วเป็นการเริ่มมื้อเช้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด
丁满咖啡 (绿地GIC中央广场店)
ต่อมาเป็น pet cafe ที่ไม่เหมือนใคร ‘丁满咖啡 (绿地GIC中央广场店)’ ตัวร้านตกแต่งด้วยสีโทนอ่อนประดับด้วยกระถางต้นไม้เล็ก ๆ เสริมความสบายตา ตามชั้นวางมีสินค้างานอาร์ต ๆ งานแบรนด์ของร้านวางขาย พร้อมพนักงานแสนซนเจ้าเมียร์แคตที่เขาปล่อยให้เดินเล่นวิ่งเล่นอย่างอิสระ เอาจริง ๆ คือน้องขี้เล่น อยากรู้อยากเห็น และเชื่องมาก ทางร้านก็ดูแลความสะอาดได้ดีสุด ๆ ใครเป็นสายรักสัตว์ต้องมาเลย
การเดินทาง : Metro Line8 สายสีเขียวอ่อนลงสถานี Shanbanqiao ทางออก D
渝少侠火锅
ส่วนร้านอาหารในเมืองเราขอยืดอกผายมือให้แก่ ‘渝少侠火锅’ ร้านหม้อร้อนที่เสิร์ฟหมาล่าสไตล์ดั้งเดิมของเสฉวน ซึ่งถ้าเป็นคนกินง่าย กินเป็นทุกอย่าง ขอตัดปัญหาการสื่อสารด้วยการจิ้มเลือกเซ็ตยอดนิยม โบกมาจุก ๆ กับอาหาร 36 อย่าง (ราคา 188¥) มาครบทั้งผักนานาชนิด ตีนไก่ ไส้เป็ด ลูกชิ้น แฮม ไข่หมักซีอิ๊ว ถ้าใครเป็นสายเนื้อก็สามารถแอดเพิ่มไปได้ ซุปเราเลือกเป็นหมาล่าที่มีความเผ็ดชาถึงใจ อีกซีกคือซุปมะเขือเทศเปรี้ยวหวานมาช่วยตัดสร้างความสดชื่น
การเดินทาง : Metro Line2 สายสีส้มลงสถานี Chunxi Road ทางออก C
IFS Building
แวะพามาชมย่านเศรษฐกิจของเฉิงตูกันสักหน่อยที่บริเวณ ‘IFS Building’ อาคารห้างสรรพสินค้าอันหรูหราที่มีแพนด้ายักษ์ปีนเล่นห้อยตัวลงมาจากชั้นดาดฟ้า ในนี้จะเป็นแหล่งชอปปิงสินค้าแบรนด์เนม และสตรีทแบรนด์มากมาย โดยเราสามารถขึ้นไปเซย์ไฮกับน้องได้ที่ชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นของร้านอาหาร คาเฟ่ ฟีลปิกนิกให้เราซื้อแล้วนั่งชมวิวต่อบนดาดฟ้าได้ชิล ๆ
การเดินทาง : Metro Line2 สายสีส้มลงสถานี Chunxi Road ทางออก C
ส่วนยามค่ำคืนย่านนี้ก็ครึกครืนไม่แพ้ช่วงกลางวันเลย ทั้งร้านอาหาร ร้านช้อป มีอะไรเดินเล่นกันจนฉ่ำใจ ใครที่มาเที่ยวเฉิงตูขอแนะนำให้พักแถวย่านนี้ รับรองว่าไม่มีเหงาแน่นอน
TaiKoo Li
ใกล้ ๆ กันจะเป็นถนนคนเดิน ‘TaiKoo Li’ แหล่งไลฟ์สไตล์ที่เป็นมากกว่าสถานที่ชอปปิง ด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก มีความเก่าใหม่ผสมกันอย่างแยบยล ทำให้ที่นี่เป็นอีกสปอตที่หามุมถ่ายรูปสวย ๆ ได้เยอะมาก ซึ่งสมัยก่อนที่นี่เป็นวัดโบราณที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมระดับโลก ร้านอาหารพรีเมียม คาเฟ่ธีมเก๋ และบาร์ชั้นดี พร้อมกับลานกิจกรรมที่มีผู้คนเดินไปมาอย่างพลุกพล่านสร้างความมีชีวิตชีวา ถือเป็นอีกสีสันเฉิงตูที่สายเที่ยวเมืองจะต้องตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน
การเดินทาง : Metro Line2 สายสีส้มลงสถานี Chunxi Road ทางออก C
Twin Tower
เรามาอำลาค่ำคืนสุดท้ายในเฉิงตูกันกับงานไฟสุดอลังของ ’Twin Tower’ ตึกแฝดทรงโมเดิร์นที่มีความสูงกว่า 280 เมตร ซึ่งรู้จักกันในนาม ‘Tianfu International Financial Centre’ สถาบันการเงิน ซึ่งเขาจะเปิดไฟฉาบทั้งตึกเป็นภาพกราฟฟิกวนไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ 1 ทุ่ม – 4 ทุ่ม ซึ่งเราสามารถหามุมถ่ายรูปได้ทั่วเมืองเลย ไม่ว่าจะเป็นริมบ่อน้ำในสวนให้เกิดภาพสะท้อนน้ำ หรือกลางสะพานลอยเห็นรถยนต์แล่นผ่านไปมา ทำให้ย่านการเงินแห่งนี้สว่างไสวโดดเด่นแม้ยามค่ำคืน
การเดินทาง : Metro Line1 สายสีน้ำเงินลงสถานี Financial City ทางออก C&D
เรียกว่าเป็นการใช้วันลาเพื่อมาเที่ยวได้อย่างคุ้มค่ากับเมืองเฉิงตู อีกหนึ่งเส้นทางที่เต็มไปด้วยสถานที่มรดกโลก ให้เราดื่มด่ำกับธรรมชาติสุดอลังไม่ซ้ำใคร ชมสถาปัตยกรรมแสนประณีตที่พรีเซนต์ความยิ่งใหญ่ของจีนได้อย่างถูกต้อง ลิ้มรสอาหารเสฉวนของแท้จนแทบจะลืมหมาล่าที่ไทยไปซะสนิท บวกกับคาเฟ่ของคนเจนใหม่ที่ดีไซน์เก๋กรุบคุ้มค่าแก่สายฮอป ฉะนั้นจะรอช้าอยู่ไม่ได้แล้ว รีบกดจองตั๋ว AirAsia แล้วบินตามเรามาได้เลย ช่วงนี้อากาศกำลังเย็นลงแล้วด้วยน้าาา~