ชวนเที่ยวประเทศที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน “จอร์เจีย” ประเทศที่ Landscape สวยเหมือนหลุดมาจากนิยาย บรรยากาศดีโรแมนติก มีสถาปัตยกรรมที่เป็นแลนด์มาร์คให้เช็กอินเยอะมาก ยิ่งเที่ยวช่วงซัมเมอร์คือปัง เพราะเดินทางง่าย ฤดูนี้คือถ่ายรูปออกมาสีสวยมาก โทนอุ่นละมุนเหมือนใส่ฟิลเตอร์ วิวชัด เห็นทุ่งหญ้า ต้นไม้ ดอกไม้ ท้องฟ้าสีสดใส ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย
ทริปนี้ทุกคนจะได้เห็นวิวธรรมชาติแบบจุใจ และไฮไลต์คือวิวภูเขาน้ำแข็งในหน้าร้อน จะสวยอลังการขนาดไหนแนะนำว่าต้องไปดูด้วยตาตัวเอง จะมีที่ไหนบ้างไปดูกัน!
Mother of Georgia
มาถึงจอร์เจีย ต้องมาเช็กอินแลนด์มาร์คที่สำคัญของจอร์เจีย นั่นคือรูปปั้นที่ตั้งอยู่บนยอดเขา Solo Laki เป็นอนุสาวรีย์พระแม่แห่งจอร์เจีย หรือ Mother of Georgia เป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำเมืองของชาวจอร์เจียเลย เพราะดูจากท่าทางของรูปปั้นที่มือขวาถือดาบ และมือซ้ายถือแก้วไวน์ ซึ่งไวน์เป็นเครื่องดื่มเก่าแก่ขึ้นชื่อของประเทศเลยก็ว่าได้
ความสูงของรูปปั้นถึง 20 เมตร ทำให้ดูสวยงามยิ่งใหญ่อลังการเข้ากับวิวบรรยากาศรอบ ๆ ที่เป็นทิวเขาธรรมชาติ และบรรยากาศเมือง ในย่านนี้มีเคเบิลคาร์ สำหรับให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปนั่งชมวิวเมืองจากมุมสูงได้ อากาศดีสุด ๆ ภาพถ่ายที่ได้ส่วนใหญ่จะเป็นรูปของทิวทัศน์เมืองที่มีภูเขาและต้นไม้ล้อมรอบ เที่ยวช่วงซัมเมอร์ก็ดีไปอีกแบบ แสงแดดกับท้องฟ้าที่มีเมฆสีสดใสทำให้รูปที่ได้ปังขึ้นไปอีก
Bridge of Peace
เช็กอินสถานที่ต่อไปซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเมือง Tbilisi สะพานแห่งสันติภาพ หรือ Bridge of Peace เป็นสะพานข้ามแม่น้ำคูรา เชื่อมระหว่าเมืองเก่าและเมืองใหม่ สร้างในประเทศอิตาลี แล้วนำเข้ามาติดตั้งเหนือแม่น้ำ Mtkvari River ด้วยรถบรรทุกหลายร้อยคัน เป็นจุดเช็กอินยอดฮิตของนักท่องเที่ยว เพราะด้วยสถาปัตยกรรมมีดีไซน์ดูทันสมัย ถ่ายรูปออกมาแล้วสวย เหมาะกับการมาเดินเล่น ชมวิวแม่น้ำและถ่ายรูป ถ้าได้มุมดีก็จะเห็นเงาสะพานสะท้อนกับน้ำ แถมเห็นความแตกต่างระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่ทำให้ได้ภาพออกมาสวยไปอีกแบบ
ใครชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์หรือชอบดูงานสถาปัตยกรรมรูปทรงแปลก ๆ ต้องมาเช็กอินสักครั้ง ยิ่งช่วงใกล้พระอาทิตย์ตก สะพานแห่งนี้จะเปิดไฟ illuminating เป็นโชว์แสดงแสงสีจากไฟ LED ที่ติดตั้งไว้กับสะพาน กลายเป็นภาพที่สวยงาม ดูโรแมนติกไปอีกแบบ ถ้ามาเที่ยวสะพานนี้แล้ว ยังเดินเที่ยว Old Town ใกล้ ๆ ได้อีก มีคาเฟ่และจุดเช็กอินให้เดินดูเยอะมาก
Holy Trinity Cathedral of Tbilisi
มาต่อกันที่อีกหนึ่งสถานที่สำคัญของเมือง Tbilisi เป็นสถาปัตยกรรมชื่อดังของเมือง นั่นคือ โบสถ์ทรินิตี้ หรืออาสนวิหารของคริสตจักรออร์โธดอกจอร์เจีย เป็นโบสถ์ที่มีความสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก งานดีไซน์ที่ดูมีลายละเอียด สวยงาม มีหลังคาโดมสีทองเป็นจุดเด่น ดูยิ่งใหญ่เพราะตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นได้แต่ไกล ทำให้ทุกคนที่มาเที่ยวเมืองนี้ต้องแวะถ่ายรูปและเดินเยี่ยมชมความสวยงาม
นอกจากตัวโบสถ์ที่เป็นไฮไลต์แล้ว บรรยากาศรอบ ๆ ก็ดีไม่แพ้กัน มีต้นไม้สีเขียวดูร่มรื่นสบายตา และสวนสาธารณะใกล้ ๆ กับโบสถ์ กลายเป็นอีกหนึ่งจุดยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวมานั่งพักผ่อน ถ่ายรูปกัน บรรยากาศคือดีต่อใจมาก ให้ฟีลเหมือนเข้าไปอยู่ในสวนเทพนิยายเลย มู้ดดีสุด ๆ
Battle of Didgori
ด้วยจอร์เจีย เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องราวของนักรบมากมาย ดูได้จากอนุสาวรีย์พระแม่แห่งจอร์เจียที่มือขวาถือดาบ ก็พอรู้ได้ว่าประเทศนี้ผ่านการต่อสู้มามากมาย และหนึ่งในแลนด์มาร์คที่จะพาเราไปดูเรื่องราวประวัติศาสตร์นั้น คือ Battle of Didgori อนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนักรบที่ต่อสู้จนได้รับชัยชนะ เห็นได้ชัดเจนจากสัญลักษณ์รูปดาบที่ปักลงบนพื้นดิน เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของจอร์เจีย
นอกจากเรื่องราวประวัติศาตร์ที่น่าสนใจแล้ว วิวทิวทัศน์ตรงจุดนี้คืออลังการมาก เพราะสถาปัตยกรรมที่สร้างบนพื้นที่เนินเขาเปิดโล่ง มีบันไดตรงกลางให้นักท่องเที่ยวได้เดินขึ้นไปชมแบบใกล้ ๆ มองดูภาพรวมแล้วเหมือนโลเคชั่นในภาพยนตร์สักเรื่องที่จัดองค์ประกอบอาร์ตได้ดี ดูเงียบสงบ และเป็นสถาปัตยกรรมที่ดูโดดเด่นท่ามกลางธรรมชาติ รับรองว่าถ่ายรูปออกมาสวยทุกรูปแน่นอน
CHRONICLE OF GEORGIA
มาดูอีกหนึ่งสถานที่ประวัติศาสตร์ของจอร์เจีย เป็นแท่งหินสีดำยักษ์แกะสลักเป็นเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีต เป็นหินแกะสลักเก่าแก่ที่เล่าเรื่องราวเมื่อ 3 พันปีก่อน ใครที่ได้เดินมาถ่ายรูปใกล้ ๆ จะสัมผัสได้ว่ายิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน ถ้าถ่ายรูปมุมกว้างก็จะเห็นคนยืนตัวนิดเดียว ภาพรวมให้ฟีลเหมือนสถาปัตยกรรมงานศิลปะที่มีลวดลายแกะสลักอย่างสวยงามปราณีต ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ทำให้มองเห็นได้จากมุมไกล ๆ
อีกหนึ่งไฮไลต์ห้ามพลาดคือ เมื่อขึ้นไปชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมด้านบนแล้ว ยังได้ชมวิวเมืองทบิลิซีจากมุมสูง และมองเห็นวิวทะเลสาบบิลิซีได้อีกด้วย
UNESCO Jvari Monastery
มาชมมรดกโลกของจอร์เจียกันบ้าง ที่วิหารจวารี หรือ UNESCO Jvari Monastery เป็นวิหารที่สร้างขึ้นบนเนินเขา ที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำ Mtkvari และ Aragvi ได้ จัดว่าเป็นศาสนสถานที่เก่าแก่ในจอร์เจียและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจอร์เจียให้ความนับถืออย่างมาก จุดเด่นของที่นี่คือไม้กางเขน เพราะด้วยชื่อที่มีความหมายว่าไม้กางเขน และข้างในโบสถ์ที่มีไม้กางเขนขนาดใหญ่อยู่
ด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และมีเรื่องราวที่มาเกี่ยวกับการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ บวกกับบรรยากาศทิวทัศน์รอบ ๆ ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองและแม่น้ำสำคัญอย่างแม่น้ำคูราและอะรักวี ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก ที่นี่มีเสน่ห์ เงียบสงบ แล้วก็มีประวัติยาวนาน และตัวโบสถ์ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้มีวิวสวยและมีมุมถ่ายรูปดี ๆ เยอะมาก แนะนำมุมด้านนอกที่เป็นทุ่งหญ้ากว้าง มีดอกไม้สีสันสดใสอยู่ พอถ่ายรูปเข้าไปหาโบสถ์แล้วได้ภาพที่ดูสวยไปอีกแบบ
Ananuri Fortress Complex
นอกจากศาสนสถานที่เก่าแก่แล้ว ยังมีป้อมปราการเก่าแก่ที่ยังคงความสวยงามให้เราได้มาเยี่ยมชมกัน ชื่อว่าป้อมอันนานูรี หรือ Ananuri Fortress Complex ในอดีตเอาไว้เป็นสถานที่ปกป้องพื้นที่เส้นทางการค้าและราชวงศ์ ทำให้ป้อมแห่งนี้ดูเหมือนเป็นปราสาทที่อยู่อาศัยมากกว่า และไฮไลต์ของที่นี่คือวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีพื้นที่ด้านในกว้างขวาง มีทั้งโบสถ์และหอคอยขนาดใหญ่อยู่ด้านในกำแพงของป้อมปราการ
ด้านในมีทั้งหอคอยที่สภาพยังสวยงามอยู่และบางส่วนที่เป็นซากหลงเหลือให้เราได้เยี่ยมชม มีหลุมฝังศพบุคคลสำคัญ และมีโบสถ์เก่าแก่ ข้างในตกแต่งดูดี มีไม้กางเขนและส่วนที่แกะสลัก ภาพจิตรกรรมฝาผนังบางส่วนยังเหลือให้ชมอยู่บ้าง ทั้งหมดที่เห็นส่วนใหญ่สร้างด้วยหินแข็งแรง แลนด์มาร์คแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวอ่างเก็บน้ำซินวาลีได้ด้วย
Russia–Georgia Friendship Monument
มาเช็กอินกันอีกแลนด์มาร์ค ที่ไม่มาถือว่าพลาด นั่นคือ Russia–Georgia Friendship Monument เป็นอนุสาวรีย์มิตรภาพรัสเซีย-จอร์เจีย ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นคือหินโค้งขนาดใหญ่ทรงครึ่งวงกลมที่ประดับตกแต่งด้วยแผ่นกระเบื้องโมเสกสีสันสดใสเป็นการเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ เป็นสถาปัตยกรรมงานศิลปะที่สวยงามสไตล์โซเวียต สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 200 ปี สนธิสัญญา Georgievsk แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพของจอร์เจียและรัสเซีย
ว่ากันว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยที่สุดในจอร์เจีย หลังจากที่ได้มาเยือนคือรู้สึกทึ่งกับสถาปัตยกรรมนี้มาก ดูยิ่งใหญ่และมีความหมาย เลือกจุดสร้างได้เหมาะสุด ๆ เพราะรายล้อมไปด้วยทิวเขาและธรรมชาติ ชมวิวได้ถึง 360 องศา และสามารถมองเห็นหุบเขาปีศาจในเทือกเขาคอเคซัสได้ด้วย แสดงให้เห็นความอุดมสมบูรณ์โดยรอบ
และนอกจากวิวธรรมชาติสุดเวอร์วังนี้แล้ว ยังมีมุมน่ารัก ๆ นั่นคือทุ่งหญ้าสีเขียวที่เต็มไปด้วยน้องแกะนับร้อยนับพันตัว ที่เดินเล่นเล็มหญ้ากันอยู่ เราสามารถลงไปสัมผัสความน่ารักคิ้วท์ ๆ ของน้อน แล้วก็ลงไปเดินเล่นถ่ายรูปได้ มาช่วงซัมเมอร์แบบนี้คือฟินมาก ฝูงแกะในทุ่งหญ้าสีเขียว ฉากหลังเป็นภูเขา ด้านบนเป็นท้องฟ้าสีสดใส บอกเลยว่ารูปที่ได้ปังเวอร์
Rooms Hotel Kazbegi
มาดูที่พักกันบ้าง แนะนำว่ามาจอร์เจียทั้งที ก็ต้องนอนโรงแรมวิวธรรมชาติและภูเขากว้างใหญ่ ที่ Rooms Hotel Kazbegi เป็นโรงแรมที่เอาใจคนรักธรรมชาติ ตัวอาคารใช้ไม้ในการตกแต่งซะส่วนใหญ่ มีชานระเบียงยื่นออกมาเป็นสำหรับนั่งพักผ่อนรับประทานอาหาร หรือนั่งจิบชากาแฟรับลมดูวิวด้านนอก ส่วนด้านในตกแต่งด้วยสีเบสเป็นสีครีมโทนอุ่น ตัดกับสีเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาล ให้ฟีลผ่อนคลายกับสีสไตล์ธรรมชาติเอิร์ธโทน มีกระจกบานใหญ่เป็นผนังของห้อง ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถนั่งพักผ่อนชมวิวจากในโรงแรมได้ เป็นห้องพักที่เหมาะกับคนรักธรรมชาติและอยากผ่อนคลายสุด ๆ
ใครกำลังมองหาห้องพักบรรยากาศดี วิวสวย แนะนำที่นี่เลย มีหลายห้อง บรรยากาศดูเงียบสงบดีด้วย สามารถใช้เวลาพักผ่อนชิล ๆ ที่โรงแรมได้ตลอดวัน เหมาะกับการเป็นสถานที่ชาร์จแบตร่างกายเรา ก่อนออกเดินทางท่องเที่ยวต่อที่สุด
Gergeti Trinity Church
อย่างที่เห็นกันว่าเทือกเขาคอเคซัส มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามสุดฮิตหลายแห่ง แต่จะบอกว่ายังไม่หมดแค่นั้น เพราะยังมีอีกหนึ่งสถานที่เก่าแก่ที่ควรค่ากับการไปเยือน นั่นก็คือ Gergeti Trinity Church โบสถ์หินแกรนิตขนาดใหญ่ที่สร้างอยู่บนยอดเขาสูง เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่ตั้งอยู่โดด ๆ กลางเทือกเขา เป็นจุดเช็กอินที่คนทั่วโลกต่างก็แวะมาชื่นชมความสวยงามแบบใกล้ ๆ
ด้วยความสวยงามเหมือนภาพวาด เป็นฝันของใครหลายคนว่าครั้งหนึ่งถ้าได้มาเที่ยวจอร์เจีย ต้องแวะมาเช็กอินโบสถ์นี้สักครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้าคือวิวที่สวยงามเกินบรรยาย เส้นทางลาดชันที่ปูเป็นแนวยาวขึ้นไปจนถึงโบสถ์ ซึ่งมีหน้าตาเหมือนปราสาทหรือวังมากกว่าความอลังการจากปราสาทหินแกรนิตตัดกับผืนหญ้าสีเขียวที่มีแบ็กกราวน์เป็นเทือกเขาสูงที่โอบล้อม เป็นมุมที่กดภาพมาจนแทบจะล้นกล้อง
และไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมโบสถ์นี้ถึงดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากกว่าที่ไหน ๆ นั่นเป็นเพราะมีความสำคัญสำหรับชาวจอร์เจียมาก ทั้งเป็นสถานที่หลบภัย เป็นจุดป้องกันศัตร์ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เก็บคัมภีร์และของสำคัญต่าง ๆ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงสร้างห่างไกลเมืองและผู้คนขนาดนี้ ถ้าได้มีโอกาสมาเที่ยวช่วงหน้าร้อน บอกเลยว่าได้รูปโทนสวย ๆ กลับไปเยอะแน่นอน
Juta Valley
มาดูสวรรค์ของนักท่องเที่ยวกันบ้าง Juta Valley หมู่บ้านเล็ก ๆ แสนสงบ ที่อยูเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 เมตร โอบล้อมด้วยเทือกเขาคอเคซัส เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่นักท่องเที่ยวยกให้ติดอันดับหมู่บ้านที่สวยที่สุดในโลก ด้วยวิวทัวทัศน์ที่สวยจนเหมือนไม่มีอยู่จริง ทั้งภูเขาลูกใหญ่ แม่น้ำที่ไหลผ่าน มีทุ่งหญ้าและดอกไม้สีสันสดใส แทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นหมู่บ้านที่มีคนอาศัยอยู่
คนส่วนใหญ่ที่มา มักจะเป็นสายเดินป่าชมธรรมชาติ เพราะไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่วิวภูเขา แทบจะ 360 องศา มีแม่หลายสายไหลผ่านหุบเขาที่สลับซับซ้อน มองเห็นเป็นเลเยอร์เขาที่ดูสวยงาม เหมาะกับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ บางคนก็มาแวะกางเต็นท์นอนชมวิวกันบ้าง บางคนก็ไปพักผ่อนที่พักในหมู่บ้าน ใครอยากสัมผัสเสน่ห์ของหมู่บ้านนี้แบบเต็มอิ่ม แนะนำให้มาพักในนี้ แล้วก็เดินชมวิวดูเส้นทางศึกษาธรรมชาติ รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน ยิ่งถ้ามาช่วงหน้าซัมเมอร์ของที่นี่ คืออากาศดี ใช้ชีวิตง่าย แถมได้เห็นความเขียวของผืนหญ้า ภูเขา และดอกไม้แบบชัด ๆ ฟิน ๆ ตลอดทั้งเส้นทาง
Fifth Season
มานอนที่พักวิวเทพนิยายสุดอลังการกัน ที่ Fifth Season โรงแรมชื่อดัง ที่นักท่องเที่ยไปนอนกันเยอะมาก เพราะวิวสวยเหมือนโดนสะกด เหมือนหลุดออกมาจากโปสเตอร์หนังสักเรื่อง เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่ใช้คำว่าสวยได้เปลืองมาก โรงแรมนี้ไม่เล็กไม่ใหญ่ มีสองชั้น ด้านล่างมีบานกระจกให้เรามองเห็นวิวด้านนอก และมุมยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวชอบถ่ายรูปกันคือบันไดวน ที่ชื่อต่อจากระเบียงชั้นสองลงมายังชั้น 1 พอไปยืนตรงบันไดนั้นให้ฟีลเหมือนอยู่ในหนังหรือเทพนิยายสักเรื่อง เป็นโรงแรมที่เหมาะกับสายคอนเทนต์อย่างเรามาก
.
ใกล้ ๆ กันกับที่พัก มีลานหญ้ากว้าง ที่เอาไว้กางเก้าอี้แค้มปิ้งชมวิวตรงเวิ้งหุบเขา มีภูเขาลูกใหญ่สองลูกขนาบข้าง ตรงกลางจะเห็นวิวเทือกเขาน้ำแข็ง ที่มีหิมะปกคลุมอยู่ เป็นจุดนั่งพักผ่อนชมวิวยอดฮิตมาก ซึ่งมีเปลโครงเหล็กรูปพระจันทร์เสี้ยว ที่เหมือนเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ตั้งอยู่ตามจุดชมวิว เป็นมุมที่ถ่ายรูปออกมาสวยมาก เป็น Vibe ที่ดีมาก เหมาะกับคนสโลว์ไลฟ์แบบเรา แนะนำให้ไปเดินเล่นชมวิวทะเลสาบ ดูม้า ดูสัตว์วิ่งเล่นรอบ ๆ ก่อน แล้วมานั่งดูวิว ภาพรวมคือมาพักที่นี่คุ้มสุด ๆ
Uplistsikhe
ปิดท้ายด้วยป้อมปราการบนภูเขาหินขนาดใหญ่ ความพิเศษของที่นี่คือเราจะได้เห็นความมหัศจรรย์ของคนในอดีตที่เจาะหินเพื่อทำเป็นที่อยู่คล้าย ๆ กับถ้ำ แต่ดูแล้วเป็นสถาปัตยกรรมที่ดูดีกว่าถ้ำตรงที่มีช่องประตูทางเข้าออก มีการต่อเติมให้เหมือนบ้าน แต่ยังคงความเก่าแก่โบราณเอาไว้อยู่ คิดว่าน่าจะสร้างไว้เพื่อเป็นป้อมปราการและเป็นสถานที่หลบภัยต่าง ๆ พอกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในทุกวันนี้แล้ว ก็ดูน่าสนใจมาก ๆ ด้วยเพราะมีประวัติศาสตร์เรื่องราวมายาวนาน แถมยังตั้งอยู่ในจุดที่สูงพอจะมองลงมาเห็นวิวแม่น้ำและทิวเขาได้
ข้างบนนี้มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ตามโพรงหินบางจุดก็ถูกทำให้เป็นเหมือนซุ้มประตู บางจุดก็เป็นโพรงหินรูปร่างแปลกตา ดูแล้วก็สวยงามอีกแบบ ใครอยากเห็นสถาปัตยกรรมของคนโบราณสุดทึ่งนี้ ต้องมาเช็กอินด้วยตัวเอง มาดูแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่าเมื่อก่อนเคยมีคนอาศัยอยู่
บอกเลยว่าทริปนี้เป็นจอร์เจียที่เหนือความคาดหมายจริง ๆ ทั้งวิวธรรมชาติที่สวยซะจนเหมือนไม่มีอยู่จริงบนโลก หรือแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ที่มีเรื่องราวมหัศจรรย์ของคนในสมัยก่อน รวมไปถึงอนุสรณ์สถานต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงเรื่องราวในอดีต กว่าจะมาเป็นจอร์เจีย มีอารยธรรมโบราณ วัฒนธรรม ความเชื่อทางศาสนา หรือการต่อสู้ป้องกันเมือง จนกลายเป็นเมืองที่สวยงามยิ่งใหญ่อลังการ ให้เราได้เข้าไปสัมผัสเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมโบราณของประเทศนี้ เป็นทริปที่คุ้มค่ากับการมาและควรค่ากับการมาตามรอยสุด ๆ เตรียมปักหมุดที่จอร์เจีย แล้วตามมาดูสิ่งมหัศจรรย์ด้วยตาของตัวเองกันได้เลย!