JAPAN : Chubu in 5 Days-Dive Into Japan’s Winter Wonderland 🇯🇵


Chubu in 5 Days : Dive Into Japan’s Winter Wonderland 🇯🇵

ทริปนี้ขอทิ้งท้ายหนาวนี้แบบไม่จำเจ แล้วไปเจอความจึ้งที่ภูมิภาค Chubu เริ่มต้นด้วย Takayama เมืองเก่าสุดเท่ ฟีลย้อนยุคที่มาพร้อมบ้านไม้คลาสสิก เดินเล่นในซานมาชิ ซูจิ ทานเนื้อฮิดะย่างร้อน ๆ ที่ทั้งนุ่มทั้งหอม จากนั้นรถไป Shirakawago หมู่บ้านกัสโชที่ถูกโอบล้อมด้วยหิมะที่สวยเหมือนฉากในหนัง ถ่ายรูปมุมไหนก็ว้าวไปหมด ต่อด้วยไปผ่อนคลายชิลล์ ๆ ที่ Gero Onsen แช่น้ำร้อน ฟิน ๆ พร้อมวิวธรรมชาติที่ลงตัวสุด ก่อนจบทริปใน Nagoya แบบชิลล์ ๆ ด้วยข้าวหน้าปลาไหลย่างซอสเข้มข้น

ขอบอกตรงนี้เลยว่ามาการที่นี่ทริปเดียวเที่ยวได้ครบทุกฟีล ไม่ว่าจะธรรมชาติ บ้านเมืองโบราณ รวมถึงเมืองน่ารัก ๆ และอาหารแบบจัดเต็ม ไม่แปลกใจว่าเลยทำไมทุกคนถึงหลงรักภูมิภาคกันแบบเรา!

My Itinerary

Day 0 : Bangkok – Nagoya

Day 1 : Nagoya – Takayama

  • Ryu Ryu Kura Shokubo 蔵食房 龍々 安川店
  • Takayama old town
  • Hida Kotte Ushi
  • Hida Kokubun-ji 醫王山飛騨国分寺
  • Suzuya Restaurant

Day 2 : Takayama – Shirakawago – Gero

  • Shirakawa-go
  • Gero Onsen Funsenchi 下呂温泉 噴泉池
  • Frog Shrine
  • Toraya Inn

Day 3 : Gero – Nagoya

  • Frog Shrine
  • 中華酒房 桃庵 
  • Gero Pudding
  • Gero Hot Spring Shrine
  • Gero Onsen Ashiyu no Sato Yuamiya
  • Gero Onsen Gassho Village
  • Sekai no Yamachan

Day 4 : Nagoya

  • Maguroya-san Yanagibash
  • Osu Kannon Temple 
  • Kannon Coffee Osu
  • Nagoya Castle
  • Port of Nagoya Public Aquarium
  • Nabana No Sato Illumination
    Hitsumabushi Hanaoka

Day 5 : Nagoya – Bangkok

Day 1 : Nagoya – Takayama

Takayama

ทริปนี้เราขอเริ่มต้นโลเคชั่นในฝันของใครหลายคนอย่าง “ทาคายามะ” เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ที่ได้รับฉายาว่า “ลิตเติ้ลเกียวโตแห่งเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น” เพราะที่นี่ยังคงรักษาเสน่ห์ของเมืองเก่ายุคเอโดะไว้อย่างสมบูรณ์ มีบ้านไม้โบราณ ถนนเก่าแก่ และบรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับคนที่อยากสัมผัสญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมแถมเนื้อฮิดะที่นี่ยังสุดแสนอร่อยอีกด้วย

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JH4WS5E6V1NNXTgz5

Old Town Takayama

หลังจากเก็บกระเป๋าพวกเราก็ขอมาสัมผัสฟีลย้อนยุคที่ Old Town Takayama บนถนนที่ทอดยาวอย่าง Sanmachi Suji เต็มไปด้วยบ้านไม้เก่าคลาสสิก ร้านค้าโบราณ และโรงกลั่นสาเกที่เปิดให้ลองชิมแบบฟรีๆ  เดินเล่นชิลๆ หามุมถ่ายรูปสุดวินเทจ หรือจะนั่งจิบชาเขียวละมุนๆ คู่กับขนมดังโงะก็ฟินไม่แพ้กัน  ส่วนใครสายกินต้องไม่พลาด เนื้อฮิดะย่างเสียบไม้ หรือ ฮิดะเบอร์เกอร์ ที่ละลายในปากจนต้องร้องว้าว และที่นี่ไม่ได้มีดีแค่บรรยากาศนะ เพราะทุกซอกทุกมุมมีเสน่ห์ที่ทำให้เผลอเดินเพลินจนลืมเวลา ช้อปของฝาก นั่งชิลล์ ๆ ที่คาเฟ่ หรือแค่เดินดื่มด่ำกลิ่นอายยุคเอโดะก็ถือว่าคุ้มสุดๆ

⏰ เปิดทุกวัน ร้านค้าส่วนมากเปิดเวลา : 09:00 – 18:00 น. 

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/AaS1n76WWoLkzjg1A

Hida Kotte Ushi

ที่สำคัญภายในซอย Takayama old town นี้ยังมีร้านดังอย่าง Hida Kotte Ushi ที่ชีเสิร์ฟซูชิเนื้อฮิดะที่สดใหม่ และอร่อยสุดๆ โดยเมนูไฮไลต์คือ “San-shu Mori” ซูชิเนื้อฮิดะ 3 สไตล์ ทั้งแบบโรยเกลือถ่านไม้ไผ่ ราดซอสโชยุขิงสด และกุงกังซูชิเนื้อสับกับไข่นกกระทา แต่ละคำคือเนื้อนุ่มละลายในปาก หอมมันสุด ๆ เสิร์ฟบนข้าวเกรียบญี่ปุ่น ทานง่าย เดินเที่ยวเมืองเก่าไป ฟินไป บอกเลยว่าคุ้มค่าทุกคำ!

⏰ เปิดทุกวันพุธ – วันจันทร์ (ปิดทุกวันอังคาร) เวลา : 10:00 – 17:00 น. 

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WAjtDjmnFJSFuZZv9

Ryu Ryu Kura Shokubo 蔵食房 龍々 安川店

ถ้ายังไม่อิ่ม และต้องการหาที่หลบหนาวหรือซดอะไรร้อน ๆ เราขอแนะนำ Ryu Ryu Kura Shokubo (蔵食房 龍々 安川店) ร้านราเม็งที่ซ่อนตัวอยู่ในบรรยากาศโบราณของทาคายามะ ตัวร้านเป็นอาคารเก่าแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ให้ฟีลอบอุ่นและคลาสสิกสุด เดินเข้ามาจะได้กลิ่นหอมของน้ำซุปโชยุที่เคี่ยวจนกลมกล่อม บรรยากาศภายในร้านคือเหมาะกับการนั่งชิลและซึมซับเสน่ห์ของเมืองเก่าสุด ๆ เมนูไฮไลต์ที่ห้ามพลาด คือ ราเม็งเนื้อฮิดะ (Hida Beef Ramen) เส้นเหนียวนุ่ม ซดพร้อมน้ำซุปโชยุหอมเข้มข้น เนื้อฮิดะเกรดพรีเมียมสไลซ์บางๆ วางบนราเม็งร้อนๆ คือที่สุดของความฟินเลย

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 10:30 – 16:00 น. 

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/FjrmJ5gPtm2RP2uVA

Takayama Matsuri Yatai Kaikan 

เติมพลังกันจนอิ่มเราก็ขอเดินมาเสพบรรยากาศเมืองเก่ากันต่อที่ Takayama Matsuri Yatai Kaikan หรือพิพิธภัณฑ์เกี้ยวเทศกาลทาคายามะ โดยที่นี่เค้าเก็บเกี้ยวสุดอลังการมาให้ชมได้ทั้งปี!  เกี้ยวแต่ละคันคือศิลปะชั้นสูง ประดับด้วยงานแกะสลักไม้สุดปราณีต ผ้าทอสีสันสดใส และกลไกหุ่นเชิดแบบดั้งเดิมที่ยังใช้งานได้จริง! เดินเข้ามาคือเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคเอโดะ บอกเลยว่าอลังการงานสร้างสมชื่อเทศกาลระดับ TOP ของญี่ปุ่นเลย

ปล.เราไปช่วงที่ปิดแล้ว เลยถ่ายได้แค่ด้านนอก

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:00 – 17:00 น. 

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/m5vyPVXUSuwKxumZ8

Suzuya Restaurant

เนื้อฮิดะสวรรค์ของคนรักเนื้อ นอกจากเนื้อโกเบกับเนื้อวากิวแล้ว ก็มีเนื้อฮิดะจาก เมือง TAKAYAMA นี่แหล่ะที่ทำให้พอได้ลองแล้ว รู้สึกอยากอยู่ที่นี่ต่ออีกนาน ๆ เลย จุดเริ่มต้นของการหลงใหลเมืองนี้ เกิดจากการได้เห็นเมนูเนื้อ HIDA ย่างบนใบโอบะ โอววววแม่จ้าวววว นั่นเนื้อหรือหินอ่อนนั่น! ลายเนื้อสวยงาม พร้อมสีขาวมันวาว และการย่างบนใบโอบะนั้นยิ่งทำให้ตัวเนื้อมีกลิ่นหอมน่ารับประทานเอามาก ๆ ยิ่งอยู่กับอากาศหนาวจัด ๆ แบบนี้ การได้มาเจออะไรร้อน ๆ เป็นอะไรที่ฟินสุด ๆ ไม่รอช้ารีบจัดเช็ต HOBA YAKI เป็นเนื้อ HIDA ย่างบนใบโอบะปรุงด้วยซอสมิโซะ และ SUKIYAKI เนื้อ HIDA มาซดน้ำร้อน ๆ ให้หายหนาว ตัวเนื้อคือนุ่มมาก แทบละลายในปาก กลิ่นเนื้อหอม ๆ ชวนให้สั่งอีกเรื่อย ๆ น้ำจากผักที่ออกมารวมกันกับน้ำสุกี้หวาน ละมุนลิ้น ยิ่งได้รับประทานพร้อมเนื้อที่ลวกในระดับความสุกที่กำลังดี บอกเลยว่าฟิน!! ใครที่ไปเที่ยวเมือง TAKAYAMA แล้วเกิดหิวขึ้นมา ขอแนะนำเลยว่าร้านนี้คู่ควรกับการฝากท้องมาก ๆ

⏰ เปิดทุกวันพุธ – วันจันทร์ (ปิดทุกวันอังคาร) เวลา : 11:00 – 14:00 น. และ 17:00 – 20:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WAjtDjmnFJSFuZZv9

Day 2 : Takayama – Shirakawa-go – Gero

Shirakawa-go

เช้าวันที่ 2 เราเลือกนั่งบัสจากเมืองทาคายามะมายังเมืองมรดกโลกอย่างชิราคาวาโกะหมู่บ้านหิมะในญี่ปุ่นที่ต้องติดอันดับต้นๆ ที่มาพร้อมภาพคุ้นตาอย่างบ้านทรงกัสโชสึคุริ (Gassho-zukuri) หลังคาทรงสามเหลี่ยมคล้ายมือพนม ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อหิมะที่ปกคลุมหนาในฤดูหนาว เดินเล่นในหมู่บ้านจะได้ฟีลเหมือนอยู่ในโลกนิทาน บ้านไม้เก่าๆ ซุกตัวอยู่ในขุนเขา มีลำธารไหลผ่าน บรรยากาศคือดีมาก ยิ่งช่วงที่มีหิมะสีขาวโพลน มีน้อง Snowman คือน่ารักแบบสุดใจ และช่วงหน้าหนาวยังมีไฮไลต์ที่ทำให้ทุกคนอยากมาที่นี่อีกอย่างนึงคือ Shirakawa-go Light-up ที่ช่วงกลางคืนหมู่บ้านจะเปิดไฟทั้งเมือง วิบวับเหมือนอยู่ในเทพนิยาย บรรยากาศคือโรแมนติกสุดดด

⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WAjtDjmnFJSFuZZv9

มาเดินลุยหิมะกลางหมู่บ้าน กดชัตเตอร์มุมไหนก็ออกมาสวย

ถ้าบรรยากาศในหมู่บ้านยังไม่อิ่มใจ เราขอแนะนำให้ทุกคนออกแรงสัก 10 นาทีเพื่อเดินขึ้นมายังชมหมู่บ้านหิมะกลางหุบเขาวิวคิ้วท์ ๆ แบบ 360 องศากันต่อ ยิ่งภาพที่เรามองลงไปเจอบ้านกัสโชสึคุริเรียงกันเป็นระเบียบเหมือนโมเดล ตัดกับหิมะขาวโพลนละมุนตา ช่วงพระอาทิตย์ตก แสงสีส้มอ่อนๆ ตัดกับหิมะ บรรยากาศคือดีมากจริง ๆ แต่ถ้าจะให้สุด เราขอแนะนำให้มาตอน Light-up ที่หมู่บ้านแห่งนี้จะเปล่งประกายไฟสีทอง เหมือนฉากในหนังแฟนตาซีแน่นอน

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/XMLouRxXqzpdu2MK9

Gero Onsen

จากหมู่บ้านหิมะสุดหนาว ย้ายมาฟินกับ เมืองออนเซ็นระดับ TOP 3 ของญี่ปุ่นกันต่อ โดยเค้าว่ากันว่าน้ำแร่ที่นี่ขึ้นชื่อว่าทำให้ผิวนุ่มลื่นเปรียบเหมือน “ออนเซ็นแห่งความงาม” แถมในเมืองก็มีบ่อแช่เท้าให้เราได้จุ่มฟรีหลายจุดอีกด้วย หรือใครอยากมาลองเช่าชุด ยูกาตะ เดินเล่นถ่ายรูปแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ก็เก๋อยู่นะ

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/nRddcJzKMcxi2M1j9

Gero Onsen Funsenchi 

ไหน ๆ ก็มาถึงเมือง Top 3 แห่งออนเซ็นแล้วก็ขอถือโอกาสมานั่งจอย ๆ แช่เท้าแบบเอาท์ดอร์ริมแม่น้ำฮิดะที่บรรยากาศสุดจะฟิน คือบ่อแช่เท้า+ออนเซ็นกลางแจ้งที่นี่เค้าเปิดฟรี 24 ชม. ฟีลเหมือนได้สปาเท้าธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยขุนเขา วิวสะพานเกโระโอฮาชิ แนะนำให้พกผ้าเช็ดผืนเล็ก ๆ ติดตัวกันมาด้วยนะทุกคน

⏰เปิดทุกวัน 24 hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/yBRozkRk21icFsBb6

Toraya Inn 

ถ้าใครมาเยือน Gero แล้วมองหาที่พักเรียวกังเงียบสงบ สไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ที่มี ห้องออนเซ็นส่วนตัว ให้แช่แบบไม่ต้องแชร์กับใคร เราแนะนำ Toraya Inn ที่พักเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความอบอุ่น ตั้งอยู่ไม่ไกลสถานี Gero และใกล้แหล่งท่องเที่ยวอย่าง Gero Hot Spring Shrine และยังอยู่ใจกลางเมืองอีก โดยความดีงามของที่นี่เค้ามีบริการออนเซ็นส่วนตัวในห้องพักบางประเภท เหมาะมากสำหรับคนที่อยากแช่น้ำแร่เงียบๆ แบบส่วนตัวสุดๆ โดยไม่ต้องใช้ห้องรวม ไม่ว่าจะมากับคู่รัก ครอบครัว หรืออยากพักผ่อนคนเดียวก็ตอบโจทย์ ตัวที่พักตกแต่งเรียบง่าย สะอาด และบริการจากเจ้าของที่พักเป็นกันเองแบบบ้านๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักบ้านญี่ปุ่นของเพื่อนมากกว่าการเป็นแค่แขกในโรงแรม

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/SMvnNCys4vbh8QVWA

Day 3 : Gero – Nagoya

Frog Shrine

เริ่มเช้าวันใหม่เราก็ขอแวะ Kaeru Shrine หรือที่รู้จักกันว่า ศาลเจ้ากบ กันหน่อย เพื่อเสริมความเฮงก่อนกลับไปยังนาโกย่า และที่มาของเหล่าน้องกบนี้ก็ไม่ได้มาจากไหนเลยเพราะคำว่า “Gero” นี้ดันไปพ้องเสียงกับเสียงร้องของกบในภาษาญี่ปุ่นว่า “ゲロゲロ” (gero gero) เลยทำให้เมืองนี้มีมาสคอตเป็นน้องกบประจำเมืองไปซะงั้น! 

โดยศาลเจ้าแห่งนี้ เราจะพบกับรูปปั้นกบสุดคิวท์เต็มไปหมด ตั้งแต่โคมไฟหิน บ่อน้ำล้างมือ ยันเครื่องรางต่างๆ เค้าว่ากันว่าถ้าหยอดเหรียญแล้วสั่นกระดิ่ง จะได้รับพรเป็นเสียงกบร้องกลับมา แถมยังมีแผ่นไม้เขียนคำอธิษฐาน และเซียมซีให้ลองเสี่ยงดวงกันด้วย

⏰ เปิดทุกวัน 24 hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/VFitD3PVeLHZqJTT8

中華酒房 桃庵 

ถ้าใครกำลังมองหาราเม็งรสชาติดี ๆ เป็นมื้อเช้าแบบเรา ขอแนะนำ 中華酒房 桃庵 ร้านนี้ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารจีนสไตล์ดั้งเดิมที่ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ เมนูที่ห้ามพลาดคือ 下呂牛乳ラーメン (Gero Milk Ramen) ที่ใช้ซุปนมสดจากท้องถิ่น ผสมผสานกับน้ำซุปไก่และกระเทียม ให้รสชาติกลมกล่อมและหอมมันมาก นอกจากนี้ยังมีเมนู 担々麺 (Tantanmen) ราเม็งน้ำซุปเผ็ดหอมงา ตัวเส้นราเม็งคืออร่อยเว่อร์มาพร้อมบรรยากาศภายในร้านสุดอบอุ่น มีทั้งที่นั่งเคาน์เตอร์ โต๊ะ และเสื่อทาทามิ ใครที่เป็นสายราเม็งแบบเรา แนะนำว่ามาเมืองนี้ต้องลองร้านนี้สักครั้งนะ

⏰เปิดทุกวัน เวลา : 11:30 – 22:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/C7xZeBm8aLTUXXYe7

Gero Pudding

ถ้าใครมา Gero Onsen แล้วไม่แวะ Gero Pudding ถือว่าพลาดสุด ๆ เพราะพุดดิ้งโฮมเมดที่นี่เค้าเนื้อเนียนกริ๊บ หอมวานิลลาจากมาดากัสการ์ นุ่มละลายในปากม๊าก ไฮไลต์ที่ต้องลองเลยคือตัว “Gero Pudding Soft” พุดดิ้งสุดละมุน + ซอฟต์ครีมหวานเย็น ท็อปปิ้งด้วยสตอเบอร์รี่คือดีต่อใจไม่ไหว ไม่ใช่แค่พุดดิ้งที่ละมุน แต่บรรยากาศร้านเค้ายังมาพร้อมธีมกบ ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง Gero Onsen สุดน่ารัก ตั้งแต่โลโก้ร้าน ไปจนถึงของตกแต่งในทุกมุมคือใช้คำว่าน่ารักจนเปลือง

⏰ เปิดทุกวันพฤหัสบดี – วันอังคาร  (ปิดทุกวันพุธ) เวลา : 10:00 – 17:00 น. 

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WVBaujDzVLjsS9WT7

Gero Hot Spring Shrine

ศาลเจ้าเล็กๆ ที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเมืองเชื่อว่าปกปักรักษาแหล่งน้ำพุร้อนอันล้ำค่า ตำนานเล่าว่าเทพเจ้าส่งนกกระสามานำทางชาวบ้านไปพบออนเซ็นใหม่เมื่อครั้งที่แหล่งเดิมแห้งเหือด และจากนั้นศาลเจ้านี้ก็ถือกำเนิดขึ้นเพื่อสักการะขอบคุณพลังแห่งธรรมชาติ ไฮไลต์คือแผ่นไม้เอมะรูปกบ (蛙) ที่ใช้ขอพรเรื่องการกลับบ้านปลอดภัยและสุขภาพดี แถมที่นี่ยังมีออนเซ็นแช่เท้าสบายๆ อีกด้วย

⏰ เปิดทุกวัน 24 hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/oq2Y52FXQDWKFYHVA

Gero Onsen Ashiyu no Sato Yuamiya

ใกล้ ๆ ศาลเจ้ายังมีร้านน่ารักอย่าง Gero Onsen Ashiyu no Sato Yuamiya พร้อมของหวานขึ้นชื่อคือ พุดดิ้งออนเซ็น (Onsen Pudding) ที่นึ่งด้วยไอน้ำร้อนธรรมชาติจนได้เนื้อเนียนนุ่ม หอมกลิ่นคาราเมลและไข่แบบญี่ปุ่นแท้ๆ นั่งแช่เท้าไปกินพุดดิ้งอุ่นๆ ไป เพลินจนลืมเวลา เป็นจุดพักใจเล็กๆ ที่เติมเต็มบรรยากาศเกโระได้อย่างลงตัวสุด ๆ

⏰เปิดทุก เวลา : 09:30 – 18:00 น. 

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WAjtDjmnFJSFuZZv9

Gero Onsen Gassho Village

ก่อนกลับ ขอแวะปิดท้ายทริป Gero ที่ Gero Onsen Gassho Village หมู่บ้านกลางหุบเขาที่จำลองบ้านทรงกัสโชแบบโบราณจากเมืองชิราคาวาโกะเอาไว้ได้อย่างงดงาม เดินเล่นช้าๆ ท่ามกลางบ้านหลังคาทรงจั่วสูง มองเห็นวิวภูเขาโดยรอบ บรรยากาศสงบ และย้อนยุคเหมือนได้หลุดเข้าไปในญี่ปุ่นสมัยก่อน แถมยังมีงานฝีมือพื้นบ้านให้ลองทำ และร้านขายของที่ระลึกสุดน่ารัก ไม่ว่าจะมาแช่ออนเซ็น ขอพรศาลเจ้า หรือซึมซับกลิ่นอายญี่ปุ่นแท้ๆ ที่หมู่บ้านกัสโช Gero ก็คือเมืองเล็กๆ ที่เติมเต็มทุกอารมณ์ได้อย่างลงตัวเลยแหละ

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 10:30 – 17:00 น. 

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/FyQyNMPWzx1C84JA7

Sekai no Yamachan

หลังจากรถไฟยาว ๆ มายังเมืองหลักอย่างนาโกย่า เราก็ขอพุ่งไปปิดทริปสวย ๆ ของวันนี้ด้วยร้านไก่ทอดชื่อดังอย่าง Sekai no Yamachan ที่น่ารักสมชื่อร้าน เพราะของตกแต่งส่วนใหญ่ในร้านจะเป็นภาพการ์ตูนยามะจัง ที่เป็นโลโก้หรือมาสคอตของที่นี่  กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของพริกไทยและเกลือที่คลุกเคล้าจนเข้าเนื้อไก่ หนังไก่ที่กรอบกำลังดี ทำให้รสชาติของปีกไก่ร้านนี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ทำให้เป็นร้านที่เหมาะกับวันพักผ่อนชิล ๆ เพราะมีเมนูให้เลือกหลากหลาย มีทั้งอาหารจานหลัก และอาหารทานเล่น แต่หนึ่งในเมนูเด็ดที่ใครมาก็ต้องสั่งนั่นก็คือเมนูปีกไก่ทอด ด้วยซอสต้นตำรับสไตล์นาโกย่า ทำให้ปีกไก่ที่ดูเหมือนธรรมดา กลายเป็นเมนูยอดฮิตของนักท่องเที่ยว และเมนูซุปกิมจิราดด้วยไข่ออนเซ็นก็เป็นอีกเมนูโปรดที่ทานกับเครื่องเย็น ๆ คือฟินมากเลยทุกคน

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 16:00 – 23:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WAjtDjmnFJSFuZZv9

Day 4 : Nagoya

Maguroya-san Yanagibash

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในนาโกย่าคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ทานอาหารญี่ปุ่นสด ๆ ใหม่ ๆ ที่ร้าน Maguroya-san Yanagibash ร้านซูชิเล็กๆ แต่คุณภาพจัดเต็มซ่อนตัวอยู่ในตลาด Yanagibashi Central Market กลางเมือง โดยเมนูที่เราเลือกวัข้คงหนีไม่พ้น ข้าวหน้าแซลมอนซาชิมิชิ้นโต สดฉ่ำละลายในปาก วางแน่นเต็มชาม เสิร์ฟคู่กับข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ และวาซาบิสดขูดใหม่ กลิ่นทะเลเบาๆ และข้าวหน้าปลาหมึกซาชิมิ ความพิเศษอยู่ที่ ปลาหมึกสดแบบใสแวววาว หั่นเป็นเส้นบางๆ พอดีคำ เหนียวนิดๆ แต่เคี้ยวง่าย รสชาติสัมผัสนุ่มละมุน กินคู่กับโชยุและวาซาบิแล้วคือฟินมาก

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 6:30 – 13:30 น. และ 17:30 – 20:30 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/k8Kspb7Py7A6QbbY

Osu Kannon Temple

หลังจากอิ่มฟินกับข้าวหน้าปลาดิบสดๆ ที่ Maguroya-san Yanagibash ก็ถึงเวลาพาร่างและใจไปเติมความสงบกันที่ วัด Osu Kannon (大須観音) หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของนาโกย่า  โดยที่นี่เป็นวัดพุทธที่เก่าแก่และสำคัญของเมืองที่มีจุดเด่นด้วยอาคารสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นสีแดงสด ภายในประดิษฐาน พระโพธิสัตว์คันนน ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา เชื่อกันว่าใครมาขอพรที่นี่จะได้รับโชคลาภและความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจ

⏰ เปิดทุกวัน : 06:00 – 19:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/iCYi9aNZ35vmzAug8

Kannon Coffee Osu

แวะเติมพลังที่ร้านคาเฟ่สุดฮิปอย่าง Kannon Coffee Osu คาเฟ่เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ญี่ปุ่นผสมกลิ่นอายอินดี้เล็กๆ และเมนูสุดน่ารักที่ใครเห็นเป็นต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายก่อนกินแน่นอน โดยแนะนำให้สั่งเมนู Kannon Latte ลาเต้ร้อนที่มาพร้อมฟองนมนุ่มๆ และลาเต้อาร์ตสุดคิวท์มาก

⏰เปิดทุกวัน เวลา : 11:00 – 19:00 น. 

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ht9bQoeotAHCd4JY8


Nagoya Castle

มาถึงนาโกย่าแล้วเราก็ขอมาแวะเช็คอินแลนด์มาร์คอีกแห่งของเมืองนาโกย่าที่พลาดไม่ได้เลยคือ Nagoya Castle หรือ ปราสาทนาโกย่า ที่มีกลิ่นอายความเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะ แม้อาคารส่วนใหญ่จะถูกทำลายไป แต่ตอนนี้ก็มีการฟื้นฟูภายกันจนถึงปัจจุบัน ทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวยอดฮิต เหมาะกับนักท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์ เพราะมีพระราชวัง นิทรรศการ และพิพิธภัณฑ์ให้เดินชมกันแบบเพลิน ๆ กัน

สำหรับสายชิล ที่นี่ก็มีสวนหย่อมและจุดชมวิวธรรมชาติสวย ๆ ให้ได้เดินเล่นอีกเช่นกัน ด้วยการจัดตกแต่งอย่างมีศิลปะ ทำให้ตัวปราสาทและบรรยากาศโดยรอบผสมผสานกันได้อย่างลงตัว จนออกมาสวยงามแบบญี่ปุ่น ใครจะมาที่นี่เราแนะนำให้เผื่อเวลาเดินสักหน่อย เพราะมีจุดให้เดินเยี่ยมชมหลายโซน แต่ละโซนจะถูกแบ่งออกเป็นห้อง ๆ ซึ่งดูงดงามแตกต่างกันออกไป ใครที่เป็นสายอาร์ต ชอบชมงานศิลปะ หรือสถาปัตยกรรมโบราณ ต้องลองแวะมาเที่ยวที่ปราสาทนาโกย่าแห่งนี้เลย

⏰เปิดทุกวัน เวลา : 09:00 – 16:30 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WAjtDjmnFJSFuZZv9

Port of Nagoya Public Aquarium

ช่วงบ่ายขอเอาใจคนรักสัตว์น้ำ ด้วยอควาเรียมที่เราชอบลำดันต้น ๆ ในญี่ปุ่นอย่าง Port of Nagoya Public Aquarium แห่งนี้ โดยที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ภายในมีถูกแบ่งออกเป็น 2 อาคาร มาเริ่มต้นที่อาคารแรกกันก่อน ช่วงที่เราไปตรงกับเวลาจัดแสดงโลมา วาฬออก้า พอดี โดยการแสดงนี้จะเป็นการโชว์ความน่ารักและแสนรู้ของน้อง ไม่ว่าจะเป็นการกระโดดพ่นน้ำหรือขึ้นมาอ้อนขออาหารบนเวที จะโมเมนต์ไหนก็ดูน่ารักไปหมด ส่วนตารางการแสดงต่าง ๆ สามารถดูได้ในพิพิธภัณฑ์เลย

⏰ เปิดทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจนัทร์) เวลา : 09:30 – 17:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WAjtDjmnFJSFuZZv9

นอกจากนั้นภายในอาคารแรกยังมีน้อนโลมาที่ฉลาด แสนรู้ ดูน่ารักขี้เล่น เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี เจอดาเมจความน่ารักแบบนี้ว่ารู้สึกแพ้แล้ว แต่ก็ต้องยอมแพ้ยิ่งกว่าเมื่อได้เจอกับเจ้าวาฬออก้าที่ขนาดแตกต่างกันมาก แต่ความแบ๊ว น่ารักใส ๆ ที่มีให้กับเรา ไม่แพ้เจ้าโลมาเลยทีเดียว ยิ่งมาเจอกับวาฬเบรูก้าอีก ส่วนอาคารที่สอง สัตว์ทะเลน้ำลึก กับฝูงปลาซาดีนหลายร้อยตัวแหวกว่ายผ่านตา แสงไฟกับตัวปลาที่ตกกระทบเปล่งประกายระยิบระยับ ทำให้ยิ่งดูสวยงามอีกเป็นเท่าตัว ต้องขอขอบคุณเจ้าบ้านที่ทำให้ค่าเข้าของเรานั้นคุ้มค่ากับทุกเยนที่จ่ายไป

Hitsumabushi Hanaoka

แน่นอนว่ามาญี่ปุ่นทั้งทีก็ต้องจัดข้าวหน้าปลาไหล ยิ่งมาเที่ยวนาโกย่ายิ่งต้องลอง เพราะที่นี่เป็นสูตรข้าวหน้าปลาไหลที่มีเฉพาะในเมืองนาโกย่านี้เท่านั้น! ความพิเศษของข้าวหน้าปลาไหลร้าน Hitsumabushi Hanaoka คือการที่ใช้ถ่าน Bincho ในการย่างปลาไหล ใส่ใจกับการใช้วัตถุดิบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าว น้ำซอส ทุกอย่างล้วนเป็นสูตรพิเศษของทางร้าน หลังจากที่ได้ลองรับประทานดูแล้ว สัมผัสได้ถึงคุณภาพของวัตถุดิบ และความพิถีพิถันในขั้นตอนการทำตั้งแต่การย่างจนถึงการเสิร์ฟเลยทีเดียว

วิธีรับประทานของร้านนี้ สามารถทำได้หลายวิธี จะลองกินแบบเปล่า ๆ เพื่อสัมผัสรสชาติแบบเน้น ๆ หรือจะกินคู่กับผักต่าง ๆ แล้วเพิ่มรสชาติให้จัดขึ้นด้วยวาซาบิก็ได้ ส่วนใครที่อยากรับประทานคล่องขึ้น สามารถเติมซุปลงไปได้ด้วย ใครที่ลองแวะร้านนี้จะต้องประทับใจกับความหอมของกลิ่นถ่านที่ใช้ย่าง สัมผัสเนื้อปลาไหลที่นุ่ม ละมุน และชุ่มซอส ไม่มีกลิ่นคาวเลย

⏰เปิดทุกวัน เวลา : 11:00 – 15:00 น. และ 18:00 – 21:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WAjtDjmnFJSFuZZv9

Chubu ไม่ได้มีดีแค่หิมะ แต่มีครบทุกฟีลที่นักเดินทางแบบเราต้องการ ไม่ว่าจะเดินเล่นในเมืองเก่า กินของอร่อย แช่ออนเซ็น หรือถ่ายรูปคิ้วท์ ๆ หมู่บ้านกลางหิมะพร้อมแท็กเพื่อน แท็กแฟน แล้วแพ็คกระเป๋าแล้วไปสัมผัสความสวยงามที่นี่ด้วยตัวเองกันเลยยยยย

,

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *