JAPAN : Saga in 3 Days – A Destination for Ultimate Chill Vibes 🇯🇵


Saga in 3 Days : A Destination for Ultimate Chill Vibes 🇯🇵

ซากะหนึ่งในจังหวัดเล็ก ๆ บนเกาะคิวชูที่ใช้คำว่าน่ารักได้เปลืองมาก เริ่มตั้งแต่ร้านเบอร์เกอร์สุดคิ้วท์ในป่าสนที่เปิดมานับร้อยปี จุดชมวิวสุดชิลล์ที่ขึ้นไปเสพบรรยากาศได้จนใจชิลล์ หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเล่นตลาดเช้าริมทะเลสุดโลคอลที่มีหอยย่าง กับปลาหมึกแบบสด ๆ ให้ได้ชิม และไฮไลต์ที่สายตฺถ่ายรูปต้องร้องว้าวกับมุมสุดชิคที่ teamLab และเสาโทริอิลอยน้ำสุดแปลกตาพร้อมปิดท้ายด้วยเทศกาลบอลลูนสุดหลายร้อยลูกสุดอลังการ

ใครมาเที่ยวเกาะคิวชู แล้วมีเวลาสัก 3 วัน เราขอแนะนำให้เช่ารถแล้วขับรถลัดเลาะริมทะเลผ่านป่าสนอ้อมภูเขามายังจังหวัดซากะ รับรองว่าทุกคนจะหลงรักที่นี่แบบเรา

My Itinerary

Day 1 : Fukuoka – Saga

  • Karatsu Burger Matsubara Honten
  • Mt. Kagamiyama Observation Deck
  • Karatsu Castle
  • Cape Hizen Tateishi Lighthouse
  • Karatsu Kunchi Festival

Day 2 : Saga

  • Yobuko Morning Market
  • Ikataro
  • Okawachiyama Village
  • Toyotamahime Shrine
  • Yococho
  • Mifuneyama Rakuen teamlab

Day 3 : Saga – Fukuoka

  • Floating Torii Gate of Ōuo Shrine
  • Balloon Fastiva

Day 1 : Fukuoka – Saga

Karatsu Burger Matsubara Honten

เริ่มต้นเข้าจังหวัดซากะทั้งที ขอประเดิมโลเคชั่นที่แรกด้วย Karatsu Burger Matsubara Honten ร้านเบอร์เกอร์ในตำนานใจอยู่กลางป่าสน Niji-no-Matsubara ที่เขาว่ากันว่าเป็นหนึ่งในสามป่าสนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นนะเออ ร้านนี้เป็นรถฟู้ดทรัคเก๋ๆ จอดอยู่ริมถนนในป่า เปิดมาตั้งแต่ยุค 70s เก่าแก่สุด ๆ 

ตัวเมนูไฮไลต์ที่ห้ามพลาดเลยคือ “Special Burger” เบอร์เกอร์ชิ้นโตๆ ที่อัดแน่นด้วยไข่ เบคอน ผักสด และซอสโฮมเมดที่แบบ โอ้โห! กลมกล่อมเว่อร์ ส่วนใครสายชีสต้องไม่พลาด “Cheese Burger” หรือจะลอง “Fish Burger” ที่ละมุนไม่แพ้กัน กินไป ฟังเสียงลมผ่านต้นสนไปคือดีต่อใจมาก ใครมาซากะแล้วไม่มาแวะตรงนี้ บอกเลยว่าพวกแกพลาดมาก!

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 10:00 – 19:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/fmG4Fmshd583tvzj7

Mt. Kagamiyama Observation Deck

พอกินเบอร์เกอร์จนอิ่มแปล้ เราก็ขับรถขึ้นเขาแบบชิลๆ ไปที่ Mt. Kagamiyama Observation Deck จุดชมวิวสุดมินิมอลที่สามารถมองเห็นเมือง Karatsu ได้แบบพาโนราม่า และอยู่ไม่ไกลจากป่าสนทำให้ ขึ้นมาแค่แป๊บเดียวก็ได้สูดอากาศดีๆ พร้อมวิวทะเล ท่าเรือ และตัวเมืองที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม โดยตัวจุดชมวิวจะอยู่บนยอดเขา Kagamiyama มีศาลานั่งเล่นให้นั่งรับลม ช่วงเย็นๆ คือบรรยากาศดีสุดๆ ที่สำคัญคือ ฟรี ไม่มีค่าเข้า แถมขับรถมาถึงได้เลย ไม่ต้องปีนให้เมื่อย ถ้าใครอยากได้ภาพสวยๆ ลงไอจี มุมที่นี่คือเลิศสุด ๆ

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:00 – 18:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/zK39n2dpBbfsQPBE7

Karatsu Castle

หลังจากเติมพลังกันเต็มที่ที่เบอร์เกอร์ในตำนาน และไปยืนรับลมอยู่บนยอดเขา Kagamiyama แล้ว ก็ถึงเวลาไปย้อนอดีตกันที่ Karatsu Castle ปราสาทสีขาวสุดคลาสสิกที่ตั้งอยู่ริมน้ำแบบสวยสะกดใจ 

โดยตัวปราสาทนี้ตั้งอยู่บนเนินเล็กๆ เดินขึ้นได้แบบชิลล์ ๆ ด้านบนวิวคือมองออกไปเห็นทั้งทะเล ป่าสน และตัวเมือง Karatsu คือสวยมาก ส่วนด้านในมีนิทรรศการเล็กๆ เล่าเรื่องยุคซามูไร ดูเพลิน ถ่ายรูปก็เก๋ หรือ ใครจะเดินเล่นรอบๆ ปราสาทก็ได้อีกฟีล มีทั้งต้นซากุระ, สะพานไม้, และมุมเงียบๆ ให้นั่งพักพร้อมเสพบรรยากาศกันอีกด้วย

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:00 – 17:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/iRc8fpFjKHYqzUV27

Cape Hizen Tateishi Lighthouse

หลังจากเก็บของเช็คอินโรงแรมเมือง Karatsu เสร็จ พวกเราก็ขอขับรถออกนอกเมืองมานิดนึงเพื่อดูแสงสุดท้ายของวันกันที่ Cape Hizen Tateishi Lighthouse จุดชมวิวริมทะเลที่เงียบสงบ แต่สวยแบบสุด ๆ โดยเส้นทางระหว่างทางก็ดีงามมากนะ มีทั้งเขา ทั้งทะเล ขับเพลินสุด ๆ ช่วงที่เรามาถึงเป็นช่วงที่ตรงกับพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าพอดี ทำให้ได้เห็นแสงสีทองที่ฮีลใจมาก ยิ่งได้นั่งฟังเสียงลม เสียงคลื่น และแสงแดดที่ค่อย ๆ ละลายลงที่ขอบน้ำ มันคือช่วงเวลาที่เราตกหลุมรัก Karatsu เข้าแบบเต็มๆ เลย

⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.📍

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/enqdbj7Bk7DAp8r76

Karatsu Kunchi Festival

คืนนี้คือบังเอิญสุด ๆ เพราะพวกเราดันมาชนกับงาน Karatsu Kunchi Festival พอดี! เทศกาลใหญ่ประจำปีของเมืองคารัตสึที่จัดช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ใครจะไปคิดว่าเมืองสงบ ๆ ที่เราเดินเล่นทั้งวัน จู่ ๆ จะกลายเป็นเวทีแห่งความคึกคักได้ขนาดนี้! แสงไฟจากโคม กระทบกับเสียงกลอง เสียงขับร้องท้องถิ่น และขบวนรถแห่ยักษ์ที่เรียกว่า hikiyama กว่า 10 ขบวน อลังการจนเรานึกว่าอยู่ในหนังญี่ปุ่น

ทุกคนในเมืองดูสนุก จอยกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ในชุดยูกาตะ คุณป้าคุณลุงที่ยืนให้กำลังใจอยู่ริมถนน หรือหนุ่มสาวที่มาช่วยลากรถแห่ บรรยากาศมันทั้งสนุก คึกครื้น และอบอุ่นหัวใจมาก นอกจากนั้นที่นี่ยังมีแผงขายของกินอร่อย ๆ ข้างทางอีกด้วย

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/hdKhwXEUouxwSF8u5

Day 2 : Saga

Yobuko Morning Market

เช้าวันที่สองในคารัตสึ เราขอตื่นแต่เช้าหน่อยเพราะต้องขับรถออกไปตามรอยละครเรื่องซากะ…ฉันคิดถึงเธอ ที่ถ่ายทำไว้ที่ Yobuko Morning Market หนึ่งในสามตลาดเช้าที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น บอกเลยว่าแค่ขับรถเข้าเขตโยบุโกะก็รู้สึกว่าอากาศดีมาก หมู่บ้านประมงเล็กๆ ริมทะเลที่เต็มไปด้วผู้คนใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย โดยตลาดเช้าแห่งนี้ตั้งอยู่ริมถนนเล็ก ๆ ยาวประมาณ 200 เมตร สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าแผงลอยที่ขายของทะเลสด ๆ แบบที่เพิ่งขึ้นจากเรือ เช่นพวกหมึกยักษ์ ปลาหมึกโยบุโกะ หอยเชลล์ และของแปรรูปสารพัด แถมยังมีของกินพื้นเมืองน่ารัก ๆ อย่างลูกชิ้นปลาย่าง เต้าหู้โฮมเมด ข้าวปั้นห่อสาหร่ายสด ๆ ให้เราได้ลองชิมกันอีกด้วย

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 07:30 – 12:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/g4venJSERHibAgjZ6

แต่ไฮไลต์ที่ทำให้เราอยากมาที่นี่คือการมาชิม “หอยซาซาเอะ” หรือหอยเบี้ยวญี่ปุ่น เป็นหอยเปลือกเกลียวที่ขึ้นชื่อเรื่องความกรุบ และหวานแบบธรรมชาติ พอถูกวางบนเตาถ่านร้อน ๆ แล้วราดโชยุเบา ๆ กลิ่นคือหอมทะลุเปลือกมาเลย โดยร้านนี้เป็นร้านที่ใครมาเยือนที่นี่ต่างต้องมากันโดยมีคุณป้าย่างไป ยิ้มไป พูดคุยกับลูกค้าแบบเป็นกันเองมาก ใครมาที่นี่แนะนำว่าห้ามพลาดเด็ดขาด

Ikataro

ถ้าใครยังไม่อิ่มจากหอยย่างร้านคุณป้า เราขอแนะนำให้พุ่งตรงไปที่ร้านเด็ดอีกที่นึงของเมืองนี้อย่างร้าน Ikataro ร้านเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่อง ปลาหมึกสดซาชิมิ แบบที่ว่ายังดิ้นอยู่บนจาน! ฟังดูน่าตกใจแต่บอกเลยว่าทั้งสด ทั้งอร่อย ทั้งสนุก เปิดประสบการณ์สุดยูนีคที่หากินได้เฉพาะแถวนี้เท่านั้น โดยปลาหมึกโยบุโกะของที่นี่เขาจะจับกันแบบเช้าเสิร์ฟเช้า ตัวใสกิ๊งเหมือนกระจก พอเสิร์ฟมาเป็นซาชิมิจะถูกแล่ออกบาง ๆ วางเรียงให้สวยงามแล้วเสิร์ฟพร้อมวาซาบิ โชยุ และสาหร่าย ข้างๆ คือหนวดหมึกที่ยังขยับดุ๊กดิ๊กเบา ๆ แต่พอกินเข้าไปคือเนื้อหมึกหวาน เด้ง กรุบ สดชื่นแบบไม่ต้องจิ้มอะไรก็ยังอร่อย ยิ่งถ้ากินกับข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ หรือจะสั่งเซตอาหารทะเลแบบจัดเต็มบอกเลยฟินมาก

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 11:30 – 19:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/c9HKugjGw7DrAK4Z6

Okawachiyama Village

ช่วงบ่ายเราขอย้ายเมือง ขับรถลัดเลาะภูเขาเข้าสู่ความสงบของหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อว่า Okawachiyama Village หรือที่คนมักเรียกกันว่า “หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาแห่งอิมาริ” ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของเครื่องเคลือบ Imari-yaki อันเลื่องชื่อ โดยเสน่ห์ของที่นี่คือหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านเหมือนซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา บ้านแต่ละหลังที่นี่มีปล่องเตาเผาเป็นเอกลักษณ์ บางหลังก็เปิดเป็นเวิร์กช็อป บางหลังก็เป็นแกลเลอรีเซรามิกที่มีทั้งชิ้นงานดั้งเดิม และดีไซน์ร่วมสมัยให้เลือกดูเพลิน ๆ บรรยากาศภายในหมู่บ้านนี้ยังเต็มไปด้วยทางหินที่คดเคี้ยว มีลำธารใสไหลผ่าน ไม่วุ่นวาย แค่ได้ยินเสียงน้ำ เสียงนกร้องเบา ๆ ก็รู้สึกเหมือนรีเซตใจเลย ใครชอบอะไรที่ละเมียด ๆ และมีเรื่องเล่าผ่านงานฝีมือ บอกเลยว่าทุกคนต้องเลิฟหมู่บ้านแห่งนี้แน่นอน

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:00 – 17:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/7WdsB9aP13NwQEgY6

Toyotamahime Shrine

หลังจากออกจากหมู่บ้านเราก็ขับรถมาแวะเที่ยวศาลเจ้าขนาดเล็กที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายตำนานญี่ปุ่นโบราณกันที่ ศาลเจ้าโทะโยทะมะฮิเมะ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อุทิศให้เทพธิดาแห่งท้องทะเล ผู้คอยปกป้องและมอบความอุดมสมบูรณ์แก่ผู้คน โดยบรรยากาศที่นี่คือสงบมากมาพร้อมสัญลักษณ์ “ปลาดุกขาว” (Shirauo) ที่เค้าเชื่อกันว่าเป็นปลาศักดิ์สิทธิ์ที่เทพธิดาโปรดปราน ใครอยากโชคดี และต้องการความอุดมสมบูรณฺ์ของชีวิต อย่าลืมแวะมาไหว้ศาลเจ้านี้กันนะ

⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/v92RV1Q2TShtR8K76

Yococho

ใกล้ ๆ ศาลเจ้าเราขอป้ายยาร้านเต้าหู้โฮมเมดสุดน่ารักที่รสชาติญี่ปุ่นแบบเนียน นุ่ม และอบอุ่นหัวใจอย่าง Yococho ร้านเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในจังหวัด Saga แต่ขอบอกเลยว่าคนต่อแถวยาวมาก โดยบรรยากาศที่นี่จะเป็นร้านที่เรียบง่าย บ้านไม้สไตล์ญี่ปุ่นที่อบอวลไปด้วยกลิ่นถั่วเหลืองหอมอ่อน ๆ ตัวเต้าหู้ของที่นี่ทำสดใหม่วันต่อวัน รสชาตินุ่มละมุน และกลมกล่อมแบบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม เมนูซิกเนเจอร์คือ ชุดเต้าหู้ร้อน ที่เสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่น ซุป และผักตามฤดูกาล เป็นความอร่อยที่บรรยายไม่ถูก นอกจากนี้ยังมีเต้าหู้เย็น เต้าหู้งา และซอฟต์ครีมเต้าหู้ให้ได้ลองอีกด้วย ใครเป็นสาวกเต้าหู้แบบเรา ร้านนี้อร่อยแบบห้ามพลาดทุกประการ

⏰ เปิดทุกวันพฤหัสบดี – วันอังคาร (ปิดทุกวันพุธ) เวลา : 10:30 – 15:30 น. และ 17:30 – 21:00 น. 

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BpcUGkiRehhV7we6A

Mifuneyama Rakuen teamlab

หลังจากจุดชุดเต้าหู้ชุดใหญเสร็จ เราก็ขอปิดทริปวันที่สองด้วยบรรยากาศที่เหมือนฝันกันที่ Mifuneyama Rakuen x teamLab งานศิลปะดิจิทัลกลางสวนญี่ปุ่นเก่าแก่ที่พอตะวันตกดิน ทุกอย่างก็ถูกปลุกให้มีชีวิตขึ้นมาด้วยแสง สี และความเงียบสงบ ที่นี่ทั้งลึกลับ ทั้งอบอุ่น และทั้งตื่นตาตื่นใจในคราวเดียว โดยไฮไลต์ที่เราชอบสุดคือตัวห้องโคมไฟ (Forest and Spiral of Resonating Lamps in the Forest) ที่เป็นห้องมืดที่เต็มไปด้วยโคมไฟกระจกใสเรืองแสงห้อยเรียงรายเป็นเกลียว โคมแต่ละดวงจะส่องแสงตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของเรา แล้วส่งต่อแสงนั้นไปยังโคมอื่น ๆ ราวกับพลังบางอย่างกำลังไหลเวียนอยู่รอบตัว และห้องเสาแสง (Resonating Giant Cedar Forest or Pillars of Light) จะเป็นโซนที่เต็มไปด้วยเสาทรงสูงล้อมรอบ โดยแต่ละแท่งจะสะท้อนแสง และเปลี่ยนสีตามจังหวะไปเรื่อย ๆ ยิ่งเสาเรืองแสงสะท้อนกับผิวน้ำรอบ ๆ ยิ่งทำให้ที่นี่สวยงามมาก

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 08:00 – 17:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/FphBgP8X5ho3QKZk6

Day 3 : Saga – Fukuoka

Floating Torii Gate of Ōuo Shrine

เช้าวันสุดท้ายที่ไม่อยากให้สุดท้ายเลยของพวกเราที่ซากะ ขอเริ่มต้นด้วยการขับรถชิลล์ ๆ ลัดเลาะริมทะเลเพื่อไปชมความสวยงามที่ Floating Torii Gate of Ōuo Shrine หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “ศาลเจ้าประตูโทริอิลอยน้ำ” กัน โดยที่นี่เป็นศาลเจ้าที่แปลกและเราว่าสวยติดลำดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นแน่นอนกับไฮไลต์ ประตูโทริอิไม้สีแดง 3 ซุ้ม ที่ตั้งเรียงกันอยู่กลางทะเล เมื่อน้ำขึ้นโทริอิทั้งสามจะดูเหมือนลอยอยู่เหนือผืนน้ำ และเมื่อน้ำลง จะเผยให้เห็นพื้นทราย และทำให้เราสามารถเดินลงไปถ่ายรูปใกล้ ๆ เสาได้เลย ถือว่าเป็นหนึ่งในโลเคชั่นที่เราชอบที่สุดในจังหวัดซากะนี้เลย

⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ARCEPdy4yV3bvwza7

Balloon Fastiva 

และแล้วก็มาถึงโลเคชั่นปิดท้ายทริปซากะแบบปัง และยังถือว่าเป็นหนึ่งในอีเวนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดด้วยงานเทศกาลบอลลูนระดับโลก Saga International Balloon Fiesta ที่จัดริมแม่น้ำ Kasegawa ทุกปีช่วงปลายตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายน โดยที่นี่จะเป็นงานที่รวบรวมบอลลูนหลากสีจากทั่วโลกกว่า 100 ลูก ปล่อยขึ้นฟ้าพร้อมกันในตอนเช้า บอกเลยว่าสวยแบบกดชัตเตอร์จนเหนื่อย แถมเรายังสามารถเดินดูบอลลูนเป่าลมได้แบบใกล้ ๆ อีกด้วย เราแนะนำว่าให้ไปตั้งแต่เช้า ๆ เพราะคนเยอะมาก (จริง ๆ แอบตามรอยหนังซากะมาอีกโลเคชั่นนึง)

⏰ งานเริ่ม 31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2567 (ต้องเช็ควันปีต่อปี แต่จะอยู่ช่วง ๆ นี้)

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/3DSkoWJfoWTyRQXU8

ความสนุกคือไม่ใช่แค่ถ่ายรูปเท่านั้นนะเพราะในงานยังมีโซนของกิน โซนเล่น โซนช้อป โซนแสงสีตอนกลางคืน ที่จุดไฟให้บอลลูนสว่างพร้อมเสียงเพลงอีกด้วย ใครมีเวลาแบบทั้งวันต้องมาลองแล้ว ส่วนเรามีเวลาแค่ช่วงเช้า แต่เอาจริง ๆ แค่ถามรูป เดินลัดเลาะริมแม่น้ำ นั่งชิลล์ ๆ ดูบอลลูนขึ้นก็มีความสุขแล้วจริง ๆ

ปิดทริป 3 วันในซากะ ที่ไม่ได้หวือหวา แต่เต็มไปด้วยโมเมนต์ที่เราชอบมาก จากเบอร์เกอร์ในป่าสน หมึกสดในตลาดเช้า เต้าหู้อุ่นกลางหุบเขา ไปจนถึงแสงไฟกลางสวน และบอลลูนลอยเต็มท้องฟ้าเป็นทริปนี้ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องแพลนเป๊ะ แค่เปิดใจมาจอยกับเมืองเล็ก ๆ แล้วจะหลงรักเมืองนี้แบบเราแน่นอน

,

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *