JAPAN : 3 Days Summer Roadtrip in Southern Kyushu KAGOSHIMA 🇯🇵


3 Days Summer Roadtrip in Southern Kyushu : KAGOSHIMA 🇯🇵

ทริปนี้เราขอพาทุกคนหนีความวุ่นวาย และไปพักใจ พักกายกับธรรมชาติสุดชิลล์ในจังหวัดตอนใต้สุดของญี่ปุ่นบนเกาะคิวชูที่ “Kagoshima” เมืองที่มีทั้งภูเขาไฟซากุระจิมะสุดยิ่งใหญ่และชายหาดสุดแปลกตาที่ดังเรื่องการแช่ทรายร้อน แถมที่นี่ยังมีอาหารขึ้นชื่อเอาใจสายกินอย่างหมูดำคุโรบูตะสุดพรีเมียม หรือของหวานขึ้นชื่ออย่างชิโระคุมะน้ำแข็งไสสุดคลาสสิกที่ฮีลใจเราได้ทุกครั้งเวลาเหนื่อย

ถ้าใครอยากเปิดประสบการณ์เดินชมวิวภูเขาไฟแบบใกล้ ๆ แช่ทรายร้อนจนตัวเบาแบบฟิน ๆ หรือขับรถเที่ยวลัดเลาะริมทะเลไปเช็คอินไฮไลต์สถานี JR ใต้สุดของแผ่นดินญี่ปุ่นพร้อมถ่ายรูปภูเขาฟูจิน้อยที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติสุดแปลกตา ถ้าพวกแกชอบอะไรที่แปลกใหม่ในญี่ปุ่นเราว่าที่นี่แหละจะเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ทุกคนต้องชอบแน่นอน

My Itinerary

Day 1 : Fukuoka – Kagoshima

  • Kirishima Open Air Museum
  • Kagoshima City Aquarium
  • Shiroyama Park Observation Deck

Day 2 : Day Trip in Sakurajima

  • Sakurajima Yogan Nagisa Park Footbath
  • Portrait of a Shout
  • Yunohira Observation Deck
  • Hirataya

Day 3 : Day Trip in IbusukiIbusuki

  • Saraku Sand Bath Hall
  • Municipal Sōmen-noodle restaurant in Karafune Ravine
  • Golden Torii
  • danken COFFEE
  • Lake Ikeda and the Legend of Isshi
  • NISHI-ŌYAMA Station
  • Cape Nagasakibana
  • Ryugu Shrine
  • Tenmonkan Wakana

Kagoshima

คาโกชิมะ (Kagoshima) เมืองเล็ก ๆ ริมอ่าวทางตอนใต้ของเกาะคิวชู ที่จะทำให้เราหลงรักแบบสุดหัวใจด้วยบรรยากาศสุดอบอุ่น ทั้งผู้คน วิถีชีวิต และธรรมชาติ ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยเมืองนี้จะมีฉากหลังสุดอลังการอย่างภูเขาไฟซากุระจิมะตั้งตระหง่านอยู่กลางอ่าวมาหลายร้อยปี ภายในเมืองเราจะได้เจอกับความน่ารักตั้งแต่รถรางสายเก่า ที่วิ่งขนส่งผู้คนภายในเมือง คาเฟ่ที่อบอวลด้วยกลิ่นกาแฟ และรอยยิ้มผู้คน ออนเซ็นธรรมชาติโดยเฉพาะแถบอิบุซึกิที่มี “ซูนะบุโระ” หรือการแช่ทรายร้อนริมทะเลที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร รวมถึงอาหารท้องถิ่นที่ไม่ควรพลาดอย่าง คุโรบูตะ (หมูดำ) และของหวานอย่างซัทสึมะอิโมะ (มันหวานญี่ปุ่น) ใครอยากรู้ว่าการมาเยือนคาโกชิมะครั้งนี้ของเราจะพิเศษขนาดไหน ตามมาดูกันต่อเลยยย

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/aQHfNRxkshrHdbfZA

Day 1 : Fukuoka – Kagoshima

Tontoro Tenmonkan Arcade Restaurant

เราเริ่มต้นวันแรกของทริปด้วยการนั่งรถไฟจากฟุกุโอกะลงมายังเมืองคาโกชิมะ ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมงเศษ ๆ ผ่านวิวชนบทญี่ปุ่นแบบเพลินตา จนมาถึงเมืองคาโกชิมะในช่วงบ่าย ความรู้สึกแรกคือบรรยากาศที่ดูชิลล์มาก ผู้คนไม่วุ่นวายแบบเมืองใหญ่ เจอรถรางน่ารัก ๆ ด้วย พอเราเช็กอินที่พักเสร็จก็ไม่รอช้ารีบพุ่งตรงไปหาอะไรเติมพลังกันก่อนเลย โดยโลเคชั่นแรกที่เราขอประเดิมทริปด้วยร้าน “Tontoro” ที่ Tenmonkan Arcade ย่านช้อปปิ้งหลักของเมือง บรรยากาศร้านด้านนอกดูอบอุ่นแต่ด้านในคือลูกค้าเพียบ หลังจากได้คิวเราก็ไม่ลังเลเลือกชิ้มเมนู “ทงโทโร่ยากิ” หรือหมูคุโรบูตะ เลย ซึ่งเป็นหมูสายพันธุ์พิเศษที่เลี้ยงในคาโกชิมะ จุดเด่นอยู่ที่ไขมันแทรกแบบพอดี ทำให้เนื้อหมูนุ่มละมุนไม่เลี่ยน เสิร์ฟพร้อมนำซุป และซอสรสกลมกล่อมคืออร่อยม๊าก

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 11:00 – 20:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/cRvombEwQ2jb1njV6

Tenmonkan Mujaki Shirokuma Cafe

กินคาวอิ่มท้องแล้วก็ถึงเวลาของของหวานประจำถิ่นที่ห้ามพลาดกันบ้างกับร้าน “Tenmonkan Mujaki” คาเฟ่เจ้าดังที่ขึ้นชื่อเรื่อง ชิโระคุมะ (Shirokuma) หรือน้ำแข็งไสสุดคลาสสิกของคาโกชิมะ โดยหน้าตาของชิโระคุมะอาจดูเหมือนน้ำแข็งไสธรรมดาทั่วไป แต่ความพิเศษคือตัวน้ำแข็งเนื้อจะละเอียดราวกับหิมะ ราดด้วยนมหวานสูตรเฉพาะของทางร้านที่หวานละมุนไม่เลี่ยน ด้านบนตกแต่งด้วยผลไม้หลากสีอย่างเชอร์รี่ กล้วย ลูกพีช และถั่วแดงญี่ปุ่นที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ในทุกคำ ที่สำคัญคือเขาจัดเรียงผลไม้และเชอร์รี่ให้ดูเหมือนใบหน้า “น้องหมีขาว” แบบมีตา มีจมูก ดูแล้วทั้งน่ารักและน่ากินสุด ๆ แต่รอบนี้เราเลือกน้ำแข็งใสรสชาเขียว น้องออกมาเป็นสีเขียวน่ารักกกกก

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 11:00 – 18:30 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/kvrinYhJ57YvhB6q6

Kirishima Open Air Museum

หลังจากเก็บเช็คลิสต์อาหารท้องถิ่นไปแล้วสองที่ เราก็ขับรถออกนอกเมืองมานิดนึงเพื่อมาหาที่พักกายพักใจกันที่ Kirishima Open Air Museum มิวเซียมที่ทั้งสวยและสงบที่สุดในคาโกชิมะ โดยที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา บนพื้นที่กว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า ป่าไม้ และวิวภูเขาแบบ 360 องศา แค่เดินช้า ๆ ไปตามทางก็เหมือนถูกโอบกอดด้วยธรรมชาติ เสียงลมอ่อน ๆ แสงแดดลอดใบไม้ และอากาศบริสุทธิ์แบบลึกสุดปอด นอกจากนั้นความพิเศษของที่นี่คือ ศิลปะกับธรรมชาติอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน งานประติมากรรมแปลกตาตั้งกระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ เหมือนกำลังเล่นซ่อนแอบกับผู้มาเยือน บางจุดสามารถปีนขึ้นไปนั่งเล่นได้ บางชิ้นแทรกตัวอยู่กลางทุ่งโล่งหรือใต้เงาไม้ใหญ่ เหมาะกับทั้งการถ่ายรูป เดินเล่น หรือแค่นั่งนิ่ง ๆ ก็รู้สึกถึงความชิลล์แล้ว

⏰ เปิดทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา : 09:00 – 17:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ze8QcwiXekN9E9Xt5

Kagoshima City Aquarium

หลังจากเสพบรรยากาศมิวเซียมกันจนเต็มอิ่มเราก็ขอมาหลบร้อนช่วงบ่าย ๆ ด้วยการเดินเล่นใน Kagoshima City Aquarium กัน โดยตัวอควาเรียมนี้ตั้งอยู่ริมอ่าวคาโกชิมะ ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟซากุระจิมะสุดอลังการ ไฮไลต์ของที่นี่คือตัวแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ที่จัดแสดงปลาฉลามวาฬที่ตัวใหญ่มาก น้องจะว่ายน้ำแบบสงบ ๆ ให้เราได้ชมแบบใกล้ชิดอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีสัตว์ทะเลทั้งอ่าวคาโกชิมะและพื้นที่โดยรอบคิวชูทั้งปลาหลากสี แมงกะพรุนใส ๆ ปูยักษ์ และสัตว์น้ำหายากอีกมากมาย เดินชมแบบสบายตา แอร์เย็น ๆ พร้อมแสงไฟนุ่ม ๆ เหมาะมากสำหรับการใช้เวลาช่วงบ่ายแบบชิลล์ ๆ แถมยังได้รู้จักโลกใต้น้ำของญี่ปุ่นมากขึ้นอีกด้วยนะ

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:30 – 18:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/mfmc9ERVWhQJAC6C7

Shiroyama Park Observation Deck

แดดเริ่มอ่อนลง เราก็ขอปิดท้ายวันแรกด้วยการขึ้นไปยัง Shiroyama Park Observation Deck จุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองคาโกชิมะ โดยที่นี่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง แถมด้านบนยังสามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอดสุด ๆ จากบนจุดชมวิวเราจะสามารถมองเห็นทั้งเมืองคาโกชิมะที่ค่อย ๆ ถูกย้อมด้วยแสงสีทองของพระอาทิตย์ตก และ ภูเขาไฟซากุระจิมะที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางอ่าวสุดยิ่งใหญ่อลังการ เป็นการปิดวันแรกที่ทั้งอิ่มท้อง อิ่มใจที่สุดเลย

⏰ เปิดทุกวัน 24 hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/MjqWSq8RS6AJbP5z9

Day 2 : Day Trip in Sakurajima

Sakurajima

เช้านี้เราโบกมือลาความคึกคักในเมืองแล้วมุ่งหน้าไปสู่จุดไฮไลต์ของทริปคาโกชิมะด้วยการเดินทางไปเยือน Sakurajima ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น และเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองนี้กัน โดยการเดินทางเราเลือกนั่งเรือเฟอร์รี่จาก Kagoshima Port ใช้เวลาแค่ประมาณ 15 นาทีก็มายังถึงฝั่งของภูเขาไฟ Sakurajima แล้ว แต่พอเท้าแตะฝั่งซากุระจิมะ บรรยากาศก็เปลี่ยนไปทันทีเหมือนเรากำลังเข้าสู่โลกอีกใบที่มีแต่ธรรมชาติ โดยที่นี่มีทั้งจุดชมวิวรอบเกาะ, เส้นทางเดินเท้าในธรรมชาติ, และบ่อน้ำแร่เล็ก ๆ สำหรับแช่เท้าที่หันหน้าออกสู่ทะเลแบบฟรี ๆ แต่ไฮไลต์เลยคือ Yunohira Observatory จุดชมวิวที่อยู่ใกล้ปล่องภูเขาไฟที่สุดเท่าที่สามารถเข้าถึงได้ เราจะได้เห็นภาพปล่องยังพ่นควันบาง ๆ ขึ้นฟ้าอย่างช้า ๆ เป็นประสบการณ์น่าตื่นเต้นม๊าก

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/4gh29bpY2ex4cmoz6

Sakurajima Yogan Nagisa Park Footbath

อย่างที่บอกหลังเท้าแตะเกาะนี้เราก็เเลือกจะปล่อยตัวชิลล์ ๆ ด้วยการไปนั่งผ่อนคลายเสพบรรยากาศธรรมชาติกันที่ Sakurajima Yogan Nagisa Park Footbath บ่อแช่เท้ากลางแจ้งริมทะเลที่เปิดให้ใช้ฟรี และเป็นหนึ่งในจุดที่ทั้งนักท่องเที่ยวมากันเยอะมาก โดยบ่อแช่เท้าแห่งนี้ยาวกว่า 100 เมตร ล้อมรอบด้วยหินลาวาจากการปะทุในอดีต น้ำแร่ที่ไหลผ่านเท้าที่อุ่นกำลังดี แถมระหว่างแช่เรายังสามารถมองออกไปเห็นทะเล หรือนั่งดูวิวภูเขาไฟซากุระจิมะได้อีกด้วย บอกเลยว่าเป็นการแช่น้ำที่เรารู้สึกว่าพิเศษสุด ๆ ทั้งได้เสพบรรยากาศธรรมชาติช้า ๆ พร้อมปล่อยใจให้เงียบสูดอากาศบริสุทธิ์ได้แบบเต็มที่เลย

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:00 – 17:30 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/xuu7c7Cf4Zzri4TN9

Portrait of a Shout

หลังจากแช่เท้าให้สบายตัวแล้ว เราก็เลือกมายังแลนด์มาร์คอีกจุดนึงอย่าง “Portrait of a Shout” รูปปั้นชายผู้กำลังตะโกนเสียงดังสุดชีวิต ที่หันหน้าออกไปยังภูเขาไฟซากุระจิมะโดยรูปปั้นนี้ไม่ได้มีแค่ความเท่นะ แต่มันยังสื่อถึงจิตวิญญาณของชาวคาโกชิมะที่ไม่เคยหวั่นไหว แม้ต้องอยู่ร่วมกับภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ เสียงตะโกนในงานศิลป์ชิ้นนี้จึงเป็นเหมือนพลังแห่งการใช้ชีวิต, กล้าหาญ, จริงใจ, และไม่ยอมแพ้ต่อธรรมชาติ รูปปั้นนี้ถูกสร้างขึ้นโดยศิลปินชาวญี่ปุ่น Yasuo Mizui ในปี 1992 โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Sakurajima International Sculpture Competition” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อผสานศิลปะเข้ากับภูมิทัศน์ธรรมชาติของซากุระจิมะ แถมตัวงานเค้ายังใช้หินลาวาจากภูเขาไฟจริงมาเป็นวัสดุหลักอีกด้วย

⏰ เปิดทุกวัน 24 hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/k3zFcjgWkGQ2uerz6

Yunohira Observation Deck

และหนึ่งในจุดไฮไลต์ของการมาเยือนซากุระจิมะในวันนี้ เราเลือกปิดท้ายด้วยการขึ้นเสพบรรยากาศภูเขาไฟแบบใกล้ชิดที่ “Yunohira Observation Deck” จุดชมวิวที่สูงที่สุดบนเกาะ และใกล้กับปล่องภูเขาไฟซากุระจิมะที่สุดเท่าที่นักท่องเที่ยวแบบเราสามารถเข้าถึงได้ โดยที่นี่ตั้งอยู่บนความสูงราว 373 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แม้จะยังไม่ถึงยอดเขา แต่บอกเลยว่าแค่นี้ก็อลังการสุดแล้ว ๆ มุมตรงนี้เราสามารถมองเห็นทั้งภูเขาไฟ และฝั่งเมืองคาโกชิมะแบบสุดลูกหูลูกตาเลย และที่ทำให้เราว้าวกว่าวิวคือเราสามารถควันบาง ๆ ที่ยังคุกรุ่นลอยขึ้นจากปล่องภูเขาไฟได้ด้วยตาเปล่า  เป็นภาพที่ทั้งสวยงาม อลังการแถมยังสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติได้แบบสุด ๆ เลย

⏰ เปิดทุกวัน 24 hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/MUSVe33QcVeHn3Mj8

Hirataya 

หลังจากเที่ยวเกาะซากุระจิมะ ชมวิวภูเขาไฟ แช่เท้าผ่อนคลายจนหนำใจแล้ว เราก็ขอกลับสู่เมืองคาโกชิมะ และรีบตรงดิ่งมาเติมความหวานกันที่ “Hirataya” ร้านขนมชื่อดังที่การันตีความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่น โดยที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของ “จัมโบะโมจิ” หรือขนมโมจิขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหวานกำลังดี ตัวสัมผัสนุ่มหนึบทุกคำ โดยจัมโบะโมจิของที่นี่มีความพิเศษอยู่ที่ขนาดที่ใหญ่กว่าขนมโมจิทั่วไป เวลาตักกินเราจะสัมผัสได้ถึงเนื้อโมจิที่ยืดหยุ่น และรสชาติหวานละมุนจากถั่วแดงกวน ห่อด้วยแป้งที่มีความเหนียวนุ่มไม่เหมือนใคร อร่อยจนต้องให้ร้านนี้ติดท็อปลิสต์ที่ใครมาเยือนคาโกชิมะแล้วต้องห้ามพลาดที่จะมาลอง

⏰ เปิดทุกวันศุกร์ – วันพุธ (ปิดทุกวันพฤหัสบดี) เวลา : 09:30 – 16:30 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/SzMj17pUJbbsLgxF8

Day 3 : Kagoshima – Ibusuki

Ibusuki

เช้าวันที่สามเราเปลี่ยนจากความคึกคักในเมือง มุ่งหน้าลงใต้สู่ความเรียบง่าย และเสพบรรยากาศอันแสนสงบของธรรมชาติที่เมือง Ibusuki เมืองเล็ก ๆ ริมชายฝั่งที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของเกาะคิวชู ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของทริปวันนี้ของเรา ใครที่อยากซึมซับเสน่ห์ของญี่ปุ่นท่ามกลางเสียงคลื่นทะเล และวิวอันงดงาม ทั้งภูเขา ทะเล และทุ่งนา ขอกาดอกจันตัวใหญ่ ๆ เลยว่า เมืองนี้แหละที่ตอบโจทย์ความเป็นญี่ปุ่นได้ดีอีกที่เลย

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WGUairxweqc8iMXa9

เริ่มต้นจากการขับรถยาว ๆ มายังสถานี Ibusuki เพื่อเช็คลิสต์กิจกรรมสุดคิ้วท์ และเอาใจเหล่าสาวกอนิเมะชื่อดัง Pokémon เมือง Ibusuki กันหน่อย โดยกิจกรรมนี้จะทำให้หัวใจของแฟน ๆ ต้องเต้นแรง เพราะเมื่อ ‘Eevee’ (อีวุย) มาสคอตขนฟูผู้แสนขี้อ้อน ได้รับเลือกให้เป็น มาสคอตประจำเมือง Ibusuki อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2019 ทั่วเมืองแห่งนี้จึงได้ติดตั้ง ฝาท่อ Pokémon manhole หรือที่เรียกว่า PokéLid ซึ่งฝาท่อแต่ละจุดจะมีลายของ Eevee ร่างต่าง ๆ และวิวสวย ๆ ในท้องถิ่นรอบ ๆ Ibusuki ให้เหล่าเทรนเนอร์ได้ออกเดินภารกิจเก็บภาพกันสนุก ๆ เสมือนเป็น PokéStop ในโลกจริง เป็นกิจกรรมเล็ก ๆ ที่ทำให้การเดินชมเมืองมีความสนุกมากแถมใครเป็นแฟนโปเกมอนรับรองว่าร้องกรี๊ดแน่นอน!

Saraku Sand Bath Hall

หลังจากพิชิตภารกิจเดินตามหาฝาท่ออีวุยกันจนครบทุกจุดแบบภาคภูมิใจ เราก็ขอพักเท้า และร่างกายด้วยการมุ่งหน้าไปยังอีกหนึ่งไฮไลต์ของเมืองนี้ที่ห้ามพลาดเด็ดอย่าง “Saraku Sand Bath Hall” จุดแช่ทรายร้อนชื่อดังของเมือง Ibusuki ที่ทั้งชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวต่างก็ยกให้เป็น Must-Do

โดยความพิเศษของที่นี่คือการแช่ทรายร้อนริมชายหาดที่เค้าจะให้เรานอนเรียงกันพร้อมร่มกันแดดตัวน้อยนึงตัว โดยจะมีพนักงานคอยตักทรายกลบตัวให้จนมิด เหลือเพียงแค่หน้าให้หายใจท่ามกลางวิวทะเล และความร้อนนี้จะมาจากพลังความร้อนใต้พิภพโดยธรรมชาติ ช่วยให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น ขับของเสีย และผ่อนคลายอย่างล้ำลึก ที่สำคัญใช้เวลาแค่ 10-15 นาทีเท่านั้น ใครมาเที่ยวเมืองนี้เราแนะนำให้ลองแช่ดูกัน รับรองว่าทุกคนจะผ่อนคลายและได้ประสบการณ์ใหม่สุด ๆ

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 08:30 – 12:00 น. และ 13:00 – 21:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/RmEMaYzrqToxdccJ6

Municipal Sōmen-noodle restaurant in Karafune Ravine

หลังจากได้ลองประสบการณ์แปลกใหม่เรา มื้อเที่ยงวันนี้ขอเก็บอีกหนึ่งร้านอาหารในลิสต์อย่าง Municipal Sōmen-noodle Restaurant ร้านบะหมี่เย็นท้องถิ่นชื่อดังของเมือง Ibusuki ที่ บอกเลยว่าไม่ใช่แค่รสชาติอร่อย แต่ยังสะท้อนความตั้งใจในการอนุรักษ์วัฒนธรรมการกินแบบพื้นถิ่นไว้อีกด้วย จุดเด่นของร้านนี้ที่ทำให้เราอยากมาคือตัวเมนู โซเม็งเย็น (Sōmen) เส้นบะหมี่ขาวเส้นเล็กที่ลวกมาอย่างพอดี แล้วเสิร์ฟในน้ำเย็นแบบถ้วยหมุนNagashi Sōmen ที่ให้ประสบการณ์การกินแบบสนุกสุด ๆ มาพร้อมน้ำจิ้มซึยุสูตรพิเศษ รสเค็มหวานกลมกล่อม มาพร้อมเครื่องเคียงแบบเรียบง่ายทั้งไข่หวาน เห็ดหอม ผักดอง ภายในร้านตกแต่งเรียบง่ายแบบโรงอาหารญี่ปุ่น มีโต๊ะไม้เรียงเป็นระเบียบ และบรรยากาศที่ทั้งเงียบสงบและอบอุ่น เหมาะกับการนั่งพักหลังจากกิจกรรมหนัก ๆ อย่างแช่ทรายร้อนที่สุด

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 11:00 – 15:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/7pnSsiwz3cVkFHtc7

Golden Torii

หลังจากอิ่มท้องเราก็เดินทางต่อมายังอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่มีทั้งความงดงาม และความศักดิ์สิทธิ์ที่หาดูยากอย่าง Golden Torii หรือเสาโทริอิสีทองอร่ามที่ตั้งตระหง่านริมทะเลสาบ เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่มีวิวภูเขาไฟ Kaimondake เป็นฉากหลังที่สวยงามมาก และไฮไลต์เลยคือศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ผู้คนมักมาขอพรเกี่ยวกับความรัก และความโชคดีกัน โดยมีตำนานที่เค้าว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งมีการเชื่อมโยง กับเทพธิดาแห่งท้องทะเล Toyotama-hime เทพเจ้าผู้คอยปกป้องผู้คนจากภัยทางน้ำ และนำพาความอุดมสมบูรณ์มาให้ เสาโทริอิสีทองจึงไม่ใช่แค่จุดถ่ายรูปสวย ๆ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความศรัทธา และการเริ่มต้นใหม่ของผู้คนแทบนี้ในอดีต นอกจากตัวโทริอิแล้ว รอบ ๆ ศาลเจ้ายังมีมุมให้เดินเล่น รับลมทะเล หรือจะเขียนแผ่นไม้ขอพรได้อีกด้วยนะ

⏰ เปิดทุกวัน 24 hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JJDyk1WUrqQ23NpW7

danken COFFEE

ช่วงบ่าย ๆ แดดแรง ๆ เราก็ขอแวะพักใจกันที่ danken COFFEE ร้านกาแฟสุดชิคในแทบนี้ที่บรรยากาศดีมาก  ตัวร้านตกแต่งด้วยโทนไม้ และแสงธรรมชาติแบบอบอุ่น มีทั้งโซนนั่งในร้านและเทอเรสเล็ก ๆ ด้านนอกให้รับลมเพลิน ๆ พร้อมวิวต้นไม้และทะเลสาบ ตัวเมนูกาแฟของที่นี่ก็คั่วเองในสไตล์ hand drip หอมละมุนแต่เข้มข้นกำลังดี นอกจากนี้ยังมีของหวานโฮมเมด เช่น เค้กชีส ไดฟุกุ หรือคุกกี้ให้เลือกทานคู่กันอีกด้วย

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:00 – 18:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/3EqibBNqH7xjarft6

Lake Ikeda and the Legend of Isshi

ข้าง ๆ กันไม่ไกลจากร้านกาแฟ เราขอแวะไปอีกหนึ่งโลเคชั่นสุดจึ้งนั้นคือ Lake Ikeda ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่สุดในคิวชู ที่รายล้อมไปด้วยภูเขา ทุ่งหญ้า และวิวธรรมชาติที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ไม่ว่าจะฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยดอกไม้ หรือหน้าหนาวที่มีหมอกบางลอยเหนือผิวน้ำที่บอกกเลยว่าถ่ายมุมไหนก็สวยยย

แต่ที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้มีเสน่ห์ไม่เหมือนใครยิ่งไปอีกก็คือตำนาน “Isshi” (イッシー) หรือสิ่งมีชีวิตลึกลับที่เชื่อกันว่าอาศัยอยู่ใต้ผิวน้ำลึกสีครามของทะเลสาบแห่งนี้ คล้าย ๆ กับเนสซีแห่งทะเลสาบล็อกเนสของสก็อตแลนด์ โดยเค้าว่ากันว่าเคยมีคนเคยเห็นมันโผล่ขึ้นมาบ้างในวันที่อากาศสงบ และยังมีรูปปั้นเจ้า Isshi ตั้งอยู่ริมทะเลสาบให้ถ่ายรูปอีกด้วย วิวรอบทะเลสาบก็สวยจับใจ มีจุดชมวิวหลายจุดให้เดินเล่น ถ่ายภาพ หรือแค่นั่งปล่อยใจมองน้ำระยิบระยับสะท้อนท้องฟ้าในยามบ่ายแก่ ๆ เป็นอีกหนึ่งโลเคชั่นที่เราชอบมาก ๆ เลยในเมืองนี้

⏰ เปิดทุกวัน 24 hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/gUhKHnBX7LLVbT6M9

NISHI-ŌYAMA Station

อีกหนึ่งโลเคชั่นที่เราชอบมาก และอยากให้ทุกคนได้มาเห็นกับตาตัวเองคือ Nishi-Ōyama Station สถานีรถไฟเล็ก ๆ ที่แม้จะดูธรรมดา แต่กลับพิเศษมากเพราะมันคือ สถานี JR ที่อยู่ใต้สุดของประเทศญี่ปุ่นนั้นเอง และสถานีนี้ยังตั้งอยู่ท่ามกลางวิวที่สวยจนเหมือนหลุดออกมาจากโปสการ์ดเลย ชานชาลาเล็ก ๆ ป้ายสถานี และม้านั่งไม้สองสามตัว แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่พิเศษก็คือ วิวของภูเขาไฟ Kaimondake ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังแบบเต็มเฟรม เป็นภูเขารูปกรวยที่คนท้องถิ่นเรียกว่า ฟูจิแห่งซัตสึมะ เพราะรูปร่างเหมือนฟูจิซังเลย ยิ่งวันไหนที่เรามาโชคดีท้องฟ้าเป็นใจ วิวที่นี่คือสวยติดท็อปในญี่ปุ่นแน่นอน

⏰ เปิดทุกวัน 24 hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/oHn5FX9iVvxeZp1U8

Cape Nagasakibana

ขอจบวันสบาย ๆ นี้ด้วยโลเคชั่นใต้สุดของคาบสมุทรซัตสึมะ และยังเป็น โลเคชั่นชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดของเมือง Ibusuki อีกด้วย โดยที่นี่คือแหลมยื่นออกไปในทะเล พร้อมวิวพาโนราม่าของมหาสมุทรสุดสายตา และมีวิวภูเขาไฟ Kaimondake ที่เห็นแบบเต็มตาเป็นฉากหลังอีกด้วย ยิ่งช่วงเย็น ๆ บรรยากาศที่นี่คือสงบมาก ผู้คนเริ่มเบาบาง ลมทะเลยามเย็นพัดมาเบา ๆ กับแสงแดดสีทองที่ค่อย ๆ ละเลียดผิวน้ำ  เป็นภาพที่ทำให้เราอยากยืนนิ่ง ๆ อยู่นาน ๆ แค่ฟังเสียงคลื่น เห็นแสงสุดท้ายค่อย ๆ ลับขอบฟ้า มันคือโมเมนต์ที่เรามีความสุขมาก ๆ

⏰ เปิดทุกวัน 24 hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/k8z63v9swVdJr3R2A

Ryugu Shrine

ที่แหลมนี้ยังมีศาลเจ้า Ryugu Shrine สีแดงสด ตั้งอยู่ริมทะเล ซึ่งว่ากันว่าเป็นสถานที่ขอพรเรื่องความรัก และยังมีรูปปั้นเจ้าหญิง Toyotama-hime ที่จากตำนานเล่าว่า Toyotama-hime เป็นธิดาของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล Ryujin ได้ขึ้นมาใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์กับสามีของเธอ Hoori ซึ่งเป็นเทพบนบก ทั้งสองมีลูกด้วยกัน และนั่นคือจุดกำเนิดของราชวงศ์ญี่ปุ่นในตำนาน ศาลเจ้าแห่งนี้จึงเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่ Toyotama-hime เคยมาพำนัก และกลายเป็นจุดสักการะขอพรโดยเฉพาะในเรื่องความรัก ความอุดมสมบูรณ์ และความปลอดภัยในการเดินทางทางทะเล  ตัวศาลเจ้ามีขนาดไม่ใหญ่นัก ทาสีแดงสด ตัดกับฉากหลังเป็นทะเลสีครามและหินริมชายฝั่ง ทำให้มีบรรยากาศที่ทั้งศักดิ์สิทธิ์ และสงบมากในเวลาเดียวกัน บริเวณด้านหน้าศาลเจ้ายังมี รูปปั้นของ Toyotama-hime ยืนสง่างามมองออกไปทางทะเล เป็นสัญลักษณ์แห่งการปกป้องและคำอธิษฐานที่รอคอยการเป็นจริงอีกด้วย

⏰ เปิดทุกวัน 24 hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/1ivaTopanxfxwZfq7

Tenmonkan Wakana

คืนสุดท้ายในคาโคชิม่าขอปิดทริปด้วยร้านที่ไม่มาไม่ได้อย่าง Tenmonkan Wakana ร้านอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เสิร์ฟเมนูขึ้นชื่ออย่าง “คุโรบูตะชาบูชาบู” หมูดำสุดพรีเมียมที่เลี้ยงในจังหวัดคาโกชิมะแท้ ๆ ที่ขึ้นชื่อว่าเนื้อนุ่ม ละลายในปาก มีความหอมมันแต่ไม่เลี่ยน เพราะเป็นสายพันธุ์เฉพาะที่เลี้ยงแบบใส่ใจสุด ๆ พอเอาไปจุ่มในน้ำซุปร้อน ๆ แค่ไม่กี่วินาที เนื้อก็สุกพอดี คีบขึ้นมาจุ่มน้ำจิ้มงาหอม ๆ หรือพอนสึเปรี้ยวเค็มนิด ๆ โอ๊ยคือฟินมากแถมร้านบรรยากาศก็น่ารัก อบอุ่น มีความโบราณญี่ปุ่นเบา ๆ ใครเป็นสายชาบู สายหมู หรือสายของอร่อย ต้องจดร้านนี้ไว้เลยยย

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 17:00 – 23:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/9ncMFkEZv1BJM9BEA

Kagoshima อาจไม่ใช่จุดหมายปลายทางแรก ๆ ที่ใครหลายคนนึกถึงเมื่อมาญี่ปุ่น แต่อยากจะบอกว่าที่นี่มันโคตรเสน่ห์ที่หาจากที่อื่นได้ยาก ถึงจะไม่มีแสงสีแบบโตเกียว ไม่มีผู้คนแน่น ๆ แบบโอซาก้า แต่ที่นี่กับมีภูเขาไฟที่ค่อย ๆ ปล่อยควันขึ้นฟ้า มีลมทะเลพัดเบา ๆ ตอนเดินริมฝั่ง มีรอยยิ้มจากคนแปลกหน้าที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด แถมยังมีบรรยากาศดี ๆ ให้เราได้ปล่อยใจจอย ๆ แบบไม่เร่งรีบแถมได้ลองกินเนื้อหมูดำสุดนุ่มแสนละมุน ได้แช่ทรายร้อนที่เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ หรือแม้แต่การเดินตามล่าฝาท่อ Eevee ที่ฟังดูงง ๆ แต่กลับสนุกเกินคาด มันคือทริปที่ไม่ได้มีไฮไลต์อะไรดัง ๆ แต่เรากลับรู้สึกว่าที่นี่มันมีเสน่ห์อะไรสักอย่างที่บอกไม่ถูก เอาเป็นว่าถ้าใครอยากได้ฟีลลิ่งในการเที่ยวญี่ปุ่นแบบใหม่ ๆ เราขอแนะนำให้ปักเมืองนี้ไว้ให้อีกหนึ่งในลิสต์เมืองที่น่ามาของญี่ปุ่นไว้เลย

,

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *