Kagawa in 4 Days : A Journey Through Japan’s Art Haven 🇯🇵
ทริปนี้เราจะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับ KAGAWA จังหวัดเล็ก ๆ ในประเทศญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยเกาะอาร์ต ๆ พร้อมกับบรรยากาศอันแสนจะเรียบง่าย ผู้คนน่ารักเป็นกันเอง สามารถเดินเล่น หรือปั่นจักรยานเที่ยวชมวิวกันได้แบบเพลิน ๆ ไฮไลต์ของที่นี่ผลงานศิลปะมากมายบนเกาะต่าง ๆ ที่เหมาะแก่การมานั่งชิลล์ใช้เวลาดื่มด่ำไปงานศิลป์กันได้อย่างเต็มที่ ตอบโจทย์ชาวอาร์ตที่รักการเที่ยวชมผลงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์ หรืออาร์ตแกลลอรี่เป็นชีวิตจิตใจ มีพื้นที่ให้เราได้ถ่ายรูปกับจุดเช็กอินน่ารัก ๆ ไว้อัปลงโซเชียลแบบเก๋ ๆ มีมุมพักผ่อนมากมายที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติสีเขียว นั่งรับลมบนเนินหญ้านิ่ม ๆ พร้อมกับภาพเบื้องหน้าที่เป็นวิวทะเลที่สวยงาม เป็นการพักผ่อนที่แสนพิเศษและได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดได้คุ้มค่าแบบสุด ๆ
นอกจากนั้นเรายังได้ไปชื่นชมความมหัศจรรย์ของ Teshima Art Museum สถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง ที่ใครไปก็ต่างชื่นชอบและประทับใจ พร้อมกับได้เปลี่ยนบรรยากาศมาปิคนิคที่ใต้ต้นมะกอก ให้ผ่อนคลายกับธรรมชาติ บุกชิมขนมชื่อดังของญี่ปุ่นอย่างซอฟ์ตครีมนุ่มสุดฟิน หรือไก่ติดกระดูกชิ้นโตอาหารขึ้นชื่อประจำเมืองที่หมักเครื่องเทศมาเป็นอย่างดี บอกได้คำเดียวว่าใครเป็นสายกินต้องห้ามพลาดทริปนี้
ส่วนเรื่องการเดินทางมาเกาะนี้ก็สะดวกสบายมาก สามารถนั่งรถไฟจากโอซาก้าตรงมาได้เลย ใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ใครที่สนใจมาเที่ยวทริปเกาะศิลปะ อยากเสพงานอาร์ตแบบฟูลออฟชั่น ก็สามารถบินมาโอซาฟ้ากับสายการบิน VietJet Air ที่มีเที่ยวบินใหม่จากเชียงใหม่ – โอซาก้า เอาใจคนภาคเหนืออีกด้วย




Flight Chiang Mai to Osaka
ข่าวดีสำหรับใครที่อยู่เชียงใหม่ทางสายการบิน VietJet Air เองก็ได้เปิดบริการเส้นทางใหม่เอาใจคนเหนือ เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างเชียงใหม่กับโอซาก้า จุดหมายยอดนิยมอีกที่ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้คนเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงสามารถเที่ยวญี่ปุ่นได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องผ่านโตเกียวก่อน ทั้งรวดเร็ว สะดวกสบาย และไม่ต้องกลัวหาไฟลท์ยาก เพราะ VietJet Air มีเที่ยวบิน VZ822 เชียงใหม่-โอซาก้า ออกเดินทางได้ตั้งแต่เวลา 23.00 – 06.00 น. ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ อาทิตย์รวมถึงเที่ยวบิน VZ823 โอซาก้า-เชียงใหม่ ออกเดินทางเวลา 08.00 – 12.35 น.จะมี 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และก็อาทิตย์
สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ : https://th.vietjetair.com



การเดินทางจาก Osaka มาเมือง Kagawa
เรื่องการเดินทางมาเกาะนี้ก็สะดวกสบายมาก สามารถนั่งรถไฟชินคันเซ็น จากสถานีชินโอซาก้า ลงสถานีโอคายามะ (Okayama Stn.) แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR สายเซโตะโอฮาชิ เพื่อเดินทางไปยังทากามาทสึ ใช้เวลารวมราว ๆ 2 ชั่วโมง 30 นาที

My Itinerary
Day 0 : Chiang Mai – Osaka
Day 1 : Osaka – Takamatsu
- Shikoku Aquarium
- ถนนคนเดินย่าน Konpira
- Nakano Udon Gakkō Kotohira A
- Kompira udon
Day 2 : Naoshima Island
- Naoshima Island
- Red Pumpkin
- Naoshima Pavilion
- Chichu Art Museum
- Pumpkin – Kusama Yayoi
- Honetsukidori Ikkaku Takamatsu
- Sabi
Day 3 : Teshima Island – Shōdo Island
- Teshima Island
- Teshima Art Museum
- Shōdo Island
- Tomioka Hachiman Shrine
- Shodoshima Olive Park
Day 4 : Takamatsu – Osaka
Day 1 : Osaka – Kagawa
Shikoku Aquarium
หลังจากลงเครื่องที่สนามบินคันไซเราก็นั่งรถไฟยาว ๆ มาลงที่สถานี Utaza Station พร้อมฝากกระเป๋าแล้วโบกแท็กซี่มายัง Shikoku Aquarium ที่เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอยู่ในเขตจังหวัด Kagawa มีเอกลักษณ์ที่ต่างจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอื่น ๆ นั่นก็คือการนำเสนอเรื่องราวและความงดงามใต้ท้องทะเลผ่านการผสมผสานเอางานศิลปะมาใช้ในการจัดแสดงสัตว์น้ำได้อย่างลงตัวแถมที่นี่ยังเป็นอควาเรียมที่ใหญ่และล้ำสุดบนเกาะชิโกกุอีกด้วย
อีกหนึ่งโซนที่ทำให้เราหัวใจเต้นรัว ๆ คงเป็นบริเวณโซนทิวทัศน์แห่งวาตาซึมิ (Watatsumi no Kei) ที่เปรียบเหมือนตู้ปลาขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับสัตว์โลกใต้ทะเลจากกระแสน้ำอุ่นคูโรชิโอะ มุมนี้เราจะได้สัมผัสกับปลาหลากหลายสายพันธุ์และไฮไลต์คือปลากระเบนค้างคาวที่น้องจะว่ายวนไปวนมาให้เราได้เก็บภาพคู่ นอกจากนั้นมุมนี้ยังเป็นมุมที่ถ่ายรูปออกมาสวยอีกด้วย แนะนำให้เลือกมาถ่ายช่วงที่มีกิจกรรมโชว์ เพราะคนจะน้อย ถ่ายรูปได้ง่าย นอกจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะสื่อสารออกมาได้ดีแล้ว ยังออกแบบมาได้สวยงามน่ารัก เหมาะกับการถ่ายรูปมาก ๆ เป็นการเที่ยวที่ได้ทั้งชมสัตว์น้ำและชมงานอาร์ตในเวลาเดียวกัน แนะนำว่าคนรักสัตว์ต้องห้ามพลาดมาเช็กอินที่นี่เลย
⏰ เปิดทุกวันศุกร์ – วันจันทร์ (ปิดทุกวันอังคาร – วันพฤหัสบดี) เวลา : 09:00 – 18:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18














ถนนคนเดินย่าน Konpira
การมาเที่ยวถนนคนเดินย่าน Konpira หลายคนก็มักจะแวะมาเยี่ยมชมศาลเจ้าคอนปิระซัง ปีนขึ้นบันไดหินยาวหลายร้อยขั้น เพื่อขึ้นไปสักการะและชมความงดงามของศาลเจ้าแห่งนี้ แต่รู้ไหมว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่ศาลเจ้าเท่านั้น แต่ยังมีของกินอร่อย ๆ มากมายให้สายกินอย่างเราได้ตะลุยชิมกันตลอดทั้งถนนคนเดินจะเต็มไปด้วยตึกและอาคารมากมายติดริมแม่น้ำ แนะนำให้หามุมถ่ายรูปมุมกว้าง ๆ ให้เห็นความสูงต่ำแตกต่างกันของตึกที่สะท้อนลงมาบนผิวน้ำ ตัดกับกับสีฟ้าและสีขาวของท้องฟ้ากับก้อนเมฆ มองดูแล้วเป็นภาพบรรยากาศที่ดูสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ
⏰ เปิดทุกวัน ร้านค้าส่วนมากเปิดเวลา : 10:00 – 19:-0 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18




หลังจากเดินเล่นสักพัก ก็ต้องแวะกินซอฟต์ครีมตัวดังอย่าง Soft cream Oiri ที่เแต่ก่อนเป็นขนมที่ใช้ในพิธีแต่งงานกันโดยญาติฝั่งเจ้าสาวจะนำมาแจกแขกภายในงานแต่งงานกัน ซึ่งตัว Oiri เป็นขนมญี่ปุ่นโบราณ หน้าตาคล้ายลูกกวาดเม็ดเล็ก ๆ สีสันสดใส เอาไว้ท๊อปปิ้ง Soft Cream มีรสชาติหวานนิด ๆ เมื่อรวมกับ Soft cream รสชาติระมุนลิ้น ได้กลิ่นหอมนมแล้ว ต้องบอกเลยว่าอร่อยสดชื่นมาก



ส่วนเจ้า Soft cream Udon ที่มีเนื้อครีมคล้ายเส้นอุด้ง แต่จริง ๆ ก็คือครีมรสนม ไม่ใช่เส้นจริง ๆ แต่อย่างใด แล้วรสชาติก็คืออุด้งเลยที่มีกลิ่นของผักชีผสมกัน แปลกและอร่อยเหมือนกัน ใครที่เลือกซื้อไม่ถูกแนะนำว่าให้ซื้อทั้งสองแบบไปเลย รับรองเลยว่าถูกใจสายหวานแน่นอน

Kompira Udon
อีกหนึ่งเมนูที่พลาดไม่ได้เลยคือ “ซานุกิอุด้ง” ที่โด่งดังและขึ้นชื่อของจังหวัดคางาวะ โดยเมนูนี้ติด 1 ใน 3 สุดยอดอุด้งแห่งญี่ปุ่นเลยนะ คำว่า ซานุกิ คือชื่อเรียกคางาวะในอดีต โดยเมืองนี้เค้าว่ากันว่าผู้คนที่นี่ชื่นชอบการกินอุด้งเป็นชีวิตจิตใจ จุดเด่นของงอุด้งที่เมืองนี้คือตัวเส้นจะใช้เวลาลวกในเวลาสั้น ๆ ทำให้ตัวเส้นจะเหนียวเป็นพิเศษและทำให้เส้นไม่อมน้ำซุป บางร้านที่ดังคนต่อแถวตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดกันเลยนะ
⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 10:00 – 16:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18



Day 2 : One day trip Naoshima Island
Naoshima Island
เที่ยวในเมืองกันจนหอมปากหอมคอก็ได้เวลาพาทุกคนมาเช็กอินที่เกาะแรกกันคือ Naoshima เกาะสุดสงบที่เต็มไปด้วยงานศิลปะจัดวางกลางแจ้งอย่าง Pumpkin Sculpture ของ Yayoi Kusama เจ้า“ฟักทองลายจุด” พร้อมงานอื่น ๆ ที่กระจายตัวอยู่ตามมุมต่าง ๆ บนเกาะ ให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้เดินชมงานศิลปะกันแบบจุใจ บรรยากาศบนเกาะแห่งนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในชนบทสักที่ เป็นการดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ใครที่ตั้งใจมาพักผ่อนบนเกาะ ก็สามารถจองที่พักกันได้ ถึงจะให้บรรยากาศบ้าน ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีทั้งห้องน้ำ ร้านสะดวกซื้อและร้านอาหาร ส่วนใครที่มาแล้ว One day ทริป แค่แวะมาเช็กอินถ่ายรูปคู่กับงานศิลปะเท่ ๆ ก็สามารถมาเช็กอินได้เช่นกัน เพราะบนเกาะมีกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจให้เราได้ชมอีกมากมาย
ส่วนการเดินทางมายัง Naoshima ก็ง่ายมาก แค่ขึ้นเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือ Uno ใน Okayama หรือ Takamatsu ก็ถึงในเวลาไม่นาน พกกล้องไปให้พร้อม เพราะไม่ว่ามุมไหนก็น่าแชะภาพไว้โชว์สุด ๆ เตรียมตัวให้ดี เพราะ Naoshima ไม่ใช่แค่เกาะธรรมดา แต่น
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18



Red Pumpkin
นอกจากฟักทองสีเหลืองอันโด่งดัง Naoshima ยังมี ฟักทองลายจุดสีแดง (Red Pumpkin) ผลงานอีกชิ้นของ Yayoi Kusama ที่ยืนหนึ่งเรื่องความอาร์ตและเก๋ไม่แพ้กัน! เจ้าฟักทองแดงนี้ตั้งอยู่ที่ท่าเรือ Miyanoura เป็นจุดแรกที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นเมื่อมาถึงเกาะ รูปทรงโดดเด่น สีแดงสดตัดกับลายจุดสีดำ และที่พิเศษกว่าคือ เราสามารถเดินเข้าไปในตัวฟักทองเพื่อสัมผัสมุมมองศิลปะจากภายในได้ด้วย ใครเป็นสายโซเชียลที่อยากได้รูปสุดชิคห้ามพลาดที่นี่เด็ดขาด
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18



Naoshima Pavilion
ถ้าอยากเพิ่มดีกรีความอาร์ตให้ทริป Naoshima ของคุณ อย่าลืมแวะที่ Naoshima Pavilion ผลงานสุดล้ำที่ผสมความเรียบง่ายกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว พาวิลเลียนนี้ถูกออกแบบโดย Sou Fujimoto สถาปนิกชื่อดังระดับโลก รูปร่างทรงสามเหลี่ยมเรขาคณิตที่ทำจากวัสดุโปร่งใสสะท้อนกับแสงธรรมชาติในทุกมุม ทำให้มันดูเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ หรือบางครั้งก็เหมือนหลุดออกมาจากโลกอนาคต โดยที่นี่ตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือ Miyanoura พาวิลเลียนนี้คือจุดที่สะกดทุกสายตา และเรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะที่รวมพลังของความโมเดิร์นกับธรรมชาติไว้ได้อย่างลงตัว จะถ่ายรูปตอนแสงแดดกระทบหรือช่วงค่ำที่มีไฟส่องสว่าง ก็ได้ฟีลชิค ๆ ใครสายครีเอทีฟต้องมาเช็กอิน รับรองว่าที่นี่จะเติมเต็มความอาร์ตในทริปของเราแน่นอน!
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18



Chichu Art Museum
ถ่ายรูปกันที่บริเวณท่าเรือเสร็จแล้ว แนะนำให้ปั่นจักรยานหรือนั่งรถมาลงที่ Chichu Art Museum โดยด้านในเราจะได้เห็น “Lee Ufan Museum” ผลงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปิน Lee Ufan ชาวเกาหลี นอกจากนั้นยังมีผลงานศิลปะอยู่บริเวณรอบด้านอีกมากมายให้เราได้ชมกันด้วย ส่วนรอบนอก Benesse House Museum จะมีผลงาน “Three Squares Vertical Diagonal” ของ George Rickey ที่มาพร้อมบรรยากาศสนามหญ้าริมทะเลที่ชิลล์มากเว่อ
⏰ เปิดทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา : 10:00 – 23:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18






Pumpkin – Kusama Yayoi
มาถึง Naoshima แล้วต้องไม่พลาดเช็กอินกับ ฟักทองลายจุดสีเหลือง ผลงานสุดไอคอนิกของ Yayoi Kusama ที่ตั้งเด่นริมทะเลสีคราม บอกเลยว่าลายจุดดำบนพื้นเหลืองสดใสนี้คือความอาร์ตที่ทั้งชิคและถ่ายรูปสวยจนต้องตะลึง! ฟักทองชิ้นนี้ไม่ใช่แค่สวยแต่ยังเต็มไปด้วยความหมาย เป็นตัวแทนแห่งความทรงจำวัยเด็กของ Kusama และสะท้อนตัวตนที่จัดจ้านของเธอ สีสันตัดกับวิวทะเล Seto Inland Sea อย่างลงตัว ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดเช็กอินระดับโลกที่ห้ามพลาด! ไม่ว่ามุมไหนก็ได้รูปที่ทั้งอาร์ตและเก๋แบบไม่มีใครเหมือน เตรียมกล้องให้พร้อม แล้วไปแชะฟักทองลายจุดกันเลย!
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18



Honetsukidori Ikkaku Takamatsu
มาพักเบรกกับอาหารขึ้นชื่อของจังหวัด KAGAWA กันบ้าง กับเมนูไก่ติดกระดูก หรือโฮเนะสึกิโดริของร้าน Honetsukidori Ikkaku Takamatsu กัน ร้านนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นร้านยอดฮิตของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าใครมาเยือนจังหวัดนี้ ก็มักจะแวะมาชิมเจ้าไก่ติดกระดูกนี้เสมอ โดยเมนูนี้ทำจากขาไก่ชิ้นโตหมักด้วยเครื่องเทศมาเป็นอย่างดี มีรสชาติเค็มนิด ๆ เผ็ดหน่อย ๆ ทุกคำที่กัดจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเนื้อไก่และความฉ่ำ น้ำจากตัวไก่ที่ไหลออกมามีรสชาติเข้มข้นผสมกลิ่นหอมอ่อน ๆ กระตุ้นการอยากอาหารได้เป็นอย่างดี นอกจากเมนูไก่ขึ้นชื่อประจำร้านแล้ว ยังมีเมนูอื่น ๆ อีกมากมายไว้บริการ
ใครที่มากินไก่ร้านนี้ แนะนำให้ลองกินแบบเอามือจับกระดูกแล้วยกทั้งชิ้นขึ้นมากัดคำโต ๆ แทนที่จะหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เราจะได้ลิ้มรสเนื้อไก่แบบเต็มปากเต็มคำ ซึ่งทางร้านก็มีไก่ให้เลือกสองแบบ คือแบบเนื้อนุ่ม และแบบเนื้อเหนียวหนึบสู้ฟัน ใครชอบกินไก่ทอด หรือไก่ย่างแกล้มกับเครื่องดื่มเย็น ๆ ต้องร้านนี้เท่านั้น
⏰ เปิดทุกวันพุธ – วันจันทร์ (ปิดทุกวันอังคาร) เวลา : 11:00 – 23:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18



SABI
ทิ้งท้ายวันด้วยการแวะดื่มชาชิล ๆ แนะนำร้าน Sabi เลย ร้านนี้ก็ดูผิวเผินก็เหมือนร้านขายชา กาแฟ ทั่วไปที่หาได้ในหลาย ๆ เมือง แต่มีความพิเศษตรงที่มีคุณภาพของชาที่ถูกปรับปรุงและพัฒนาสูตรใหม่เสมอ ทำให้ได้ชาที่มีความเข้มข้นพร้อมกับความหอมกรุ่นจากชาแท้ ๆ ไม่ว่าจะเป็น Sensha Tea, Roasted Tea และชาชนิดอื่น ๆ ที่มีให้เราได้เลือกอีกมากมาย
เมนูที่อยากแนะนำให้ทุกคนลองก็คือ Matcha Cider หลายคนคงสงสัยว่ารสชาติจะไปด้วยกันได้ไหม? คำตอบก็คือเข้ากันได้เป็นอย่างดี ทางร้านใส่ใจพิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนการบดชาเขียวในปริมาณที่ตวงวัดมาอย่างดี เลือกใช้ Cider สูตรเฉพาะทางร้าน มาผสมรวมกัน เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง ให้เป็นเมนูเย็นชื่นใจ จากการได้ลองครั้งแรกต้องบอกเลยว่ารสชาติของชาเขียวนั้นไม่ขมเลย กลับมีความหอมอ่อน ๆ ให้เราได้เข้าถึงรสชาติต้นตำรับชาเขียวชัดเจน ส่วน Cider ที่ใส่มาไม่เปรี้ยวจนเกินไป ให้ความสดชื่นของผลไม้กำลังดี ส่วนอีกเมนูอย่าง Matcha Latte สีสันสวยงามเอาใจสายถ่ายรูป มีกิมมิคเล็ก ๆ ตั้งแต่การวาง Layer ของชาเขียวและนม ที่แบ่งชั้นกันได้เนียนมาก ๆ ส่วนรสชาติของชาแน่นอนว่าเข้มข้นถึงใจไม่แพ้กัน ด้วยการใส่ใจในทุกขั้นตอนเป็นอย่างดี จึง ทำให้ชาเขียวลาเต้แก้วนี้อาจกลายเป็นเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คน รับรองว่ากลับไทยไปแล้วจะต้องนึกถึง จนรีบหามัจฉะลาเต้สักแก้วมาดื่มเลยทีเดียว
⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 10:00 – 21:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18




Day 3 : Teshima Island – Shōdo Island
Teshima Island
เช้าวันนี้ที่สามเราขอตื่นเช้าหน่อยเพื่อไปให้ทันรอบเรือไปเกาะ Teshima โดยถ้าใครคิดว่า Naoshima ว่าอาร์ตแล้ว เกาะนี้ก็ขอเบียดขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่สายครีเอทีฟห้ามมองข้าม! Teshima เป็นเกาะเงียบสงบที่เต็มไปด้วยงานศิลปะล้ำ ๆ กลมกลืนไปกับธรรมชาติแบบไร้ที่ติ และแน่นอนว่าห้ามพลาด Teshima Art Museum พิพิธภัณฑ์ที่ไม่ได้มีแค่ผลงานศิลปะ แต่ตัวอาคารเองก็เป็นงานอาร์ตสุดมินิมอล ดีไซน์ทรงโค้งมนเหมือนหยดน้ำ ที่เชื่อมคุณกับความเงียบสงบจนแทบลืมหายใจ
นอกจากอาร์ตแล้ว บรรยากาศบนเกาะก็เก๋แบบสุด ๆ มีคาเฟ่เล็ก ๆ ร้านอาหารท้องถิ่น และวิวทะเลสวย ๆ ให้เดินชิลจนเพลิน สายถ่ายรูปหรือใครอยากหลบหนีความวุ่นวายมาฟีลธรรมชาติสุดเท่ Teshima ตอบโจทย์มาก! การเดินทางก็ง่าย แค่ขึ้นเฟอร์รี่จาก Naoshima หรือ Takamatsu แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18



และสิ่งที่ทำให้สะดุดตามากที่สุดก็คงเป็นแป้นบาสเก็ตบอลฟีลมินิมอลเก๋ ๆ มีแป้นและห่วงให้ชู๊ตถึง 6 แป้นในจุดเดียว ระยะสูงต่ำ ซ้ายขวา ลดหลั่นกันออกไปดูเหมือนเป็นงานศิลปะสักชิ้น เหมาะกับการเป็นมุมถ่ายรูปที่ทั้งเท่และดูอาร์ตมาก ๆ สามารถมาเช็กอินโพสต์ท่าชู๊ตลูกบาสเท่ ๆ กันได้ ส่วนใครที่ถ่ายรูปจนเบื่อแล้ว ที่นี่ก็มีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งที่น่าสนใจให้เราได้เดินชมกันต่ออีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมไฮไลต์ประจำเกาะ อย่างการปั่นจักรยานชมวิวถนนเรียบทะเล ปั่นแบบสบาย ๆ เอาหน้าโต้รับลมเย็น บอกเลยว่าฟินสุด ๆ ด้วยหมู่บ้านในเกาะนี้ให้ฟีลเหมือนอยู่ย่านชนบท มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย บ้านเรือนยังคงความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมอยู่บ้าง ทำให้บรรยากาศโดยรวมบนเกาะเหมือนกำลังอยู่ในซีรีย์ ยิ่งตอนเย็นได้นั่งชมพระอาทิตย์ก็ยิ่งรู้สึกโรแมนติกเข้าไปอีก เป็นเกาะที่เงียบสงบน่าพักผ่อน เต็มไปด้วยงานศิลปะ สร้างแรงบันดาลใจและฮีลใจเราได้ดีในช่วงนี้จริง ๆ
⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18





Teshima Art Museum
สถาปัตยกรรมที่ดูล้ำยุคบวกกับบรรยากาศโปร่งโล่งของ landscape ที่มีฉากหลังเป็นเนินเขาปกคลุมด้วยหญ้าเข้ากับทิวทัศน์งดงามทอดยาวไปตามแนวทะเล เป็น Art Museum ที่ดึงดูดใจให้น่าค้นหาตั้งแต่ทางเข้าเลยทีเดียว การก่อสร้างอาคารเป็นโครงสร้างแบบไร้รอยต่อ มีช่องวงรี 2 ช่องขนาดใหญ่เพื่อให้เกิดการระบายอากาศ และแสงธรรมชาติที่ทอดผ่านเข้ามา เล่นกับประสาทสัมผัสของคน ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ มีแต่พื้นที่โปร่งโล่งให้เราได้รู้สึกสงบ ได้ใช้จินตนาการไปกับสถาปัตยกรรมแห่งนี้ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติโดยรอบ
หลังจากได้เดินชมสักพักรู้สึกว่าเป็นการเปิดโลกมาก ๆ ทั้งตัวอาคาร วิว หรือส่วนที่นำมาประดับตกแต่งล้วนผสมผสานกันได้อย่างมีเสน่ห์ แฝงความหมายไว้อย่างล้ำลึกและทรงพลัง ทุกอย่างล้วนมีนัยยะของการเล่าเรื่องราว อย่างการถ่ายทอดเชิงสัญลักษณ์ผ่านงานศิลปะที่เป็นน้ำหยดเล็ก ๆ จากรูขนาดเล็กมาก ๆ ซึ่งเจ้าหยดน้ำเหล่านี้ก็จะไหลไปแบบไม่มีทิศทางและไม่แน่นอน บางครั้งก็ไหลไปรวมกันจนเป็นแอ่ง เหมือนกำลังจะสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนของทุกสิ่ง แม้กระทั่งชีวิตของคนก็เช่นกัน ซึ่งส่วนนี้ห้ามถ่ายภาพเนื่องจากจะเป็นการรบกวนผู้อื่นและทำลายบรรยากาศ เสียดายที่ด้านในเค้าห้ามถ่ายรูป แต่บอกเลยว่ามันดีมากควรค่าแก่การเสียเวลามาที่นี่สุด ๆ
⏰ เปิดทุกวันศุกร์ – วันจันทร์ (ปิดทุกวันอังคาร – วันพฤหัสบดี) เวลา : 10:00 – 16:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18






จบจากงานศิลป์ ก็มาต่อกันที่ คาเฟ่ของมิวเซี่ยม ที่เต็มไปด้วยข้าวของดีไซน์เก๋ ๆ เป็นงานอาร์ตที่น่าเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก โซนคาเฟ่นี้สามารถถ่ายรูปได้ ใครที่เดินเสพงานศิลป์กันจนอิ่มใจแล้ว สามารถมานั่งจิบกาแฟท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติได้ มีที่นั่งให้เลือกทั้งด้านในและด้านนอก ซึ่งทางคาเฟ่ใส่ใจทุกรายละเอียดแม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะหรือที่นั่ง ก็ดีไซน์ออกมาได้ดูดีสมกับเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะจริง ๆ






Shōdo Island
ถ้าใครอยากสัมผัสญี่ปุ่นแบบมีความยุโรปจาง ๆ ต้องมาที่ Shōdo Island เกาะมะกอกแห่งแรกของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายเมดิเตอร์เรเนียน ทั้งสวนมะกอกสุดชิค โรงงานผลิตน้ำมันมะกอก ไปจนถึงวิวสุดปังของทะเล Seto Inland Sea ไฮไลต์ที่ต้องเช็กอินคือ Olive Park ที่มีทั้งต้นมะกอกเรียงรายและกังหันลมขาวสุดเก๋ พร้อมพร็อพไม้กวาดแม่มดให้คุณถ่ายรูปเหมือนบินในฟีล “Kiki’s Delivery Service” แถมเกาะนี้ยังมีเส้นทางเดินเขา น้ำตก คาเฟ่เล็ก ๆ และเส้นทาง “Kankakei Gorge” วิวหุบเขาที่งดงามจนห้ามพลาด! เดินทางมาก็ง่าย แค่ขึ้นเฟอร์รี่จาก Takamatsu หรือเกาะ Teshima ก็ได้
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18

Tomioka Hachiman Shrine
มุมไฮไลต์แรกที่เราแนะนำเลยคือ ‘ศาลเจ้าโทมิโอกะ ฮาชิมัน’ ศาลเจ้าเก่าแก่โบราณที่มีการออกแบบลวดลายลูกเล่นให้ดูอ่อนช้อยงดงาม เป็นสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่ยังคงถูกรักษาให้ดูสวยงามอยู่เสมอ เราสามารถแวะมาเยี่ยมชมความงดงาม สักการะขอพร รวมถึงถ่ายรูปเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกได้ด้วยเช่นกัน บรรยากาศโดยรอบร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวมากมายโอบล้อม แถมมีจุดชมวิวยอดฮิตเป็นจุดชมวิวมุมสูง ซึ่งสามารถมองเห็นเกาะที่อยู่ใกล้ ๆ และเวิ้งน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา ใครที่ต้องการได้ภาพสวย ๆ ถ่ายให้ติดทั้งวิวและต้นไม้สีเขียวบนเกาะ แนะนำมุมบันไดเลย บันไดที่ทอดยาวเป็นทางลงไปใกล้ชิดกับริมน้ำ ถ้าเราเลือกมุมนั่งดี ๆ จะได้ภาพที่เป็นองศาพอดีกับเส้นนำสายตา โดยมีวิวข้าง ๆ เป็นต้นไม้สีเขียวและใบไม้เปลี่ยนสี มีวิวด้านหน้าเป็นทะเลกว้างใหญ่ และมีเกาะอยู่กลางทะเลพอดี
⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18




Shodoshima Olive Park
ถ้าถามว่าที่ไหนในญี่ปุ่นมีพื้นที่กว้าง ๆ บรรยากาศห้อมล้อมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ แถมมีเนินสูงที่ปกคลุมด้วยต้นหญ้านุ่ม ๆ ตัดกันกับท้องฟ้าสีสดใส ด้านล่างเป็นวิวผืนทะเลสวย ๆ แนะนำที่นี่เลย “Shodoshima Olive Park” หรือที่เรียกว่าสวนสาธารณะโชโดะชิเมะ เต็มไปด้วยต้นมะกอกกว่า 2,000 ต้น เป็นแหล่งบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจ ให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับมะกอกตามจุดเช็กอินต่าง ๆ ส่วนใครที่กระโดดถ่ายรูปท่าขี่ไม้กวาดจนเหนื่อยแล้ว ก็มานั่งพักหลบร้อนให้ลมโกรกพัดเย็น ๆ ที่ใต้ต้นมะกอกได้ บรรยากาศแบบนี้ให้ฟีลเหมือนได้มาปิคนิคเบา ๆ รู้สึกสงบและได้พักผ่อนเต็มที่ ยิ่งเป็นคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ ต้นไม้เขียว ๆ ทะเล และท้องฟ้า ลองแวะมาเที่ยวชมสวนมะกอกแห่งนี้ได้เลย
⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 08:30 – 17:00 น.
📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BR1xs2dDUJoUGLZ18








ทริปนี้หวังว่าคงจะโดนใจสายอาร์ตแบบสุด ๆ อย่างที่บอกไปครับว่าการมาเกาะ KAGAWA นั้นง่ายนิดเดียว เพราะเราสามารถบินตรงกับเส้นทางใหม่ที่สายการบินเวียตเจ็ทแอร์เปิดเพิ่ม บินถึงโอซาก้าได้แบบชิล ๆ นอกจากจะสะดวกสบายแล้ว ยังประหยัดเวลามาก ๆ ใครที่อยู่เชียงใหม่ไม่ต้องลำบากบินมาเริ่มจากในกรุงเทพฯเลย สามารถนั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่แถมใช้เวลาไม่นานก็เดินทางถึงโอซาก้าประเทศญี่ปุ่นแล้ว ใครแพลนทริปเที่ยวโอซาก้าไว้ช่วงนี้ แนะนำให้รีบจองตั๋วด่วนแล้วตามมากันได้เลย!




