Summer road trip in the Dolomites


ท่ามกลางเทือกเขามากมายในยุโรป แต่กลับมีไม่กี่แห่งที่ทิ้งภาพจำไว้อย่างชัดเจน จนทำให้เราอยากมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งกับวิวของยอดเขาหินปูนสูงชันรูปร่างแปลกตา ถูกโอบล้อมด้วยทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ทุ่งหญ้าเขียวขจี และหมู่บ้านไม้เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ

ยิ่งในฤดูร้อน ความงดงามของ “โดโลไมท์” ยิ่งจึ้งกว่าเดิม! มีเส้นทางเดินป่ามากมาย อากาศเย็นสบาย แค่ได้นั่งมองภูเขา จิบกาแฟ หรือเดินเล่นตามหมู่บ้านเล็ก ๆ ก็เหมือนได้ฮีลใจแบบสุด ๆ และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพความดีงามของที่นี่ชัดเจนยิ่งขึ้น เราจะพาไปชม 7 โลเคชันไฮไลต์ของโดโลไมท์ ที่จะทำให้พวกเธอรักที่นี่มากกว่าที่เคยจินตนาการไว้เข้าไปอีก!

001 : Tre Cime di Lavaredo

ถ้าต้องให้เลือกหนึ่งโลเคชั่นที่ชอบสุดในโดโลไมท์ ชื่อของ Tre Cime di Lavaredo จะต้องมาเป็นอันดับต้นๆ แบบแน่นอน ยอดเขาหินปูนสามแฉกที่ตั้งตระหง่านเรียงตัวอยู่ริมหน้าผา สูง ชัน และโดดเด่นที่มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าสวยแบบตะโกนกับเส้นทางเป็นลูกรังเรียบๆ เดินไม่ยาก แต่กลับให้ภาพพาโนรามาสุดอลังการ ยิ่งในช่วงฤดูร้อนเส้นทางรอบเขาจะเปิดเต็มฤดูกาล ทุ่งหญ้าเขียวขจีตัดกับผาหินสีเทา ยิ่งช่วงเย็นที่แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เงาของภูเขาจะทอดยาวลงบนพื้นดิน ทำให้ภาพที่เห็นตรงหน้าแทบจะหยุดหายใจไปเลย บอกเลยว่าที่นี่ไม่ว่าเราจะเป็นสายถ่ายภาพ เดินเขา หรือแค่ชอบธรรมชาติ Tre Cime คือที่ที่ต้องมาให้ได้อย่างน้อยสักครั้งในชีวิตจริง ๆ

ส่วนการเดินทางไปยัง Tre Cime di Lavaredo รอบนี้เราเริ่มต้นจากหมู่บ้าน Misurina เพื่อขึ้นเขาไปยัง Rifugio Auronzo จุดจอดรถที่ใกล้กับตัว Tre Cime มากที่สุด ในช่วงไฮซีซั่นซัมเมอร์นี้ต้องจองที่จอดรถด้านบนออนไลน์ล่วงหน้าเท่านั้นนะ โดยระหว่างข้างขึ้นเขาเราจะได้เห็นวิวทะเลสาบ แปลงหญ้า และแนวต้นสนสูงลิบตา ยิ่งช่วงที่เราไปคือชอบ Vibes Summer สุด ๆ และหลังจอดรถจากจุดเริ่มต้น เส้นทางเดินTre Cimeไปกลับทั้งหมดราว ๆ 14 กม. ทางเดินง่าย ไม่ชันมาก แถมมีวิวให้เราได้เดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ อีกด้วย ส่วนใครเหนื่อยก็มีจุดแวะพักให้อีกด้วย

หลังจากเดินขึ้นมาจุดที่สามารถถ่าย Tre Cime ได้แบบเต็มสามลูก อีกหนึ่งมุมไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดเลยคือมุมถ้ำ และบังเกอร์เก่า ที่จะซ่อนอยู่บริเวณหน้าผาโดยจุดนี้เคยใช้เป็นแนวป้องกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังคงสภาพทางเดินหิน ช่องส่องกล้อง และโครงสร้างถ้ำที่คนเคยใช้เป็นที่พักอาศัยและหลบภัย แต่ใด ๆ คือมุมตรงนี้คือจึ้งมาก ใครมาแล้วห้ามพลาดเด็ดขาด

002 : Lake Misurina

ไม่ไกลจากทางขึ้น Tre Cime di Lavaredo เราขออวยยศให้กับความสวยงามของ Lake Misurina ทะเลสาบขนาดกลางที่รายล้อมด้วยเทือกเขาสูง และอากาศเย็นสดชื่นตลอดทั้งวัน โดยที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมสำหรับคนที่อยากพักผ่อนแบบสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติ โดยไม่ต้องเดินไกลหรือปีนขึ้นที่สูง ไฮไลต์ความสวยจึ้งที่นี่คือผิวน้ำเรียบใสราวกระจกที่สะท้อนฉากหลังของยอดเขา Cadini di Misurina ได้อย่างคมชัดในวันที่ฟ้าเปิดโดยมีโรงแรมสีเหลืองฉูดฉาดเป็นภาพโฟร์กราวด์ที่ลงตัวสุด ๆ

บรรยากาศช่วงซัมเมอร์ที่นี่จะเต็มไปด้วยความสดชื่นสีเขียวของป่า และกลิ่นไอของฤดูร้อนที่ยังสดใหม่ มีทางเดินรอบทะเลสาบให้เดินชิล หรือเช่าจักรยานปั่นเบาๆ นอกจากนี้ยังมีโรงแรมสไตล์ยุโรปคลาสสิกตั้งอยู่ริมฝั่งที่ถ่ายรูปออกมายังไงก็ปัง ถ้าจะให้ดีเราแนะนำให้นอนแถวริมทะเลสาบนี้สักหนึ่งคืนเพราะบรรยากาศเช้า และช่วงเย็นคือดีม๊าก

003 : Lake Braies

ถ้ามีที่ไหนในโดโลไมท์ที่เหมือนภาพในฝันเราขอยกให้ที่แห่งนั้นคือ Lake Braies หรือ Pragser Wildsee ในภาษาเยอรมัน ทะเลสาบแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความใสของน้ำที่มีเฉดสีเขียวอมฟ้าแบบธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยภูเขาหินสูงตระหง่าน และแนวป่าสนที่ทำให้บรรยากาศดูสงบ และสมบูรณ์ราวกับอยู่ในฉากหนังโรแมนติกสักเรื่อง ยิ่งช่วงซัมเมอร์ที่นี่จะคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีกิจกรรมให้เราได้เอ็นจอยเยอะมากทั้งเรือพายไม้คลาสสิกล่องออกไปกลางน้ำเพื่อชมวิวแบบ 360 องศา หรือจะเดินรอบทะเลสาบตามเส้นทางธรรมชาติก็มีให้เลือกหลากหลายเส้นทางอีกด้วย

หนึ่งในกิจกรรมที่เป็นไฮไลต์ของ Lake Braies ที่พลาดไม่ได้เลยคือการ พายเรือไม้สุดคลาสสิกกลางทะเลสาบ ภาพของเรือสีน้ำตาลเข้มตัดกับน้ำสีเขียวใสสะท้อนยอดเขา Croda del Becco ด้านหลัง คือหนึ่งในภาพที่เราอยากถ่ายมากที่สุด ยิ่งมาได้เห็นของจริงมันยิ่งตรอกย้ำเลยว่าเราคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่มาเยือนที่นี่ด้วยตัวเองสักครั้ง ใครอยากรู้ว่าที่นี่สวยขนาดไหน ต้องมาเห็นด้วยตาเนื้อสักครั้งนะจริง ๆ

004 : Alpe di Siusi 

หนึ่งในโลเคชั่นที่ทำให้เราอ้าปากค้างเพราะที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ในจินตนาการของเราที่เป็นจริง ภาพทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา มีภูเขาสูงตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง บ้านไม้กระจายตัวอยู่บนเนิน เราขอยกให้เป็นหนึ่งในวิวแบบพาโนรามาที่สวยที่สุดในโดโลไมท์นี้เลย ยิ่งในฤดูร้อนทุ่งหญ้าจะเขียวสดเต็มที่ มีดอกไม้ป่าหลากสีเบ่งบานเต็มแนว ทางเดินเท้ากับเส้นทางจักรยานจะเปิดตลอดฤดูกาล และไม่ว่าจะยืนอยู่มุมไหน เราก็จะมองเห็นยอดเขา Sassolungo และ Sciliar เป็นฉากหลัดสุดอลังการ แถมอากาศก็เย็นสบาย มาพร้อมเสียงระฆังจากวัวที่เล็มหญ้าอยู่ใกล้ๆ ช่วยให้เราได้ฟีลเข้าไปอีก แต่ถ้าใครอยากได้ฟีลหมอก ๆ ที่นี่ยามพระอาทิตย์ขึ้นก็สวยมากเช่นกัน

นอกจากวิวที่เปิดโล่งแบบพาโนรามาเต็มสายตาแล้ว อีกหนึ่งเสน่ห์ของ Alpe di Siusi ที่ไม่ควรพลาดเลยคือการนั่ง “กระเช้าห้อยขา” มองวิวเนินเขา ทุ่งดอกไม้ และกระท่อมไม้เล็กๆ ที่ค่อยๆ เลื่อนผ่านไปด้านล่าง เป็นอะไีรที่ชิลล์และดีมากเลยแหละทุกคน

005 : Seceda 

ถ้าจะเลือกจุดชมวิวในโดโลไมท์ที่มีบอกว้าวแบบแปลกตาที่สุด ๆ เราขอยกให้ “Seceda” สันเขารูปฟันเลื่อยที่สวยแบบแปลกตาสุด ๆ ที่มาพร้อมวิวท้องฟ้า และแนวหญ้าเขียวๆ ที่ทอดยาวไปสุดสายตา ยิ่งในช่วงซัมเมอร์ที่นี่จะเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันที่กำลังเริ่มผลิบาน นั่งถ่ายรูปหรือนอนพักชิลล์มุมไหนก็แสนสบาย แถมที่นี่ยังมีร้านคาเฟ่ และร้านอาหารด้านบนให้เราได้พักปล่อยใจอีกด้วยนะ

ส่วนการเดินทางขึ้น Seceda ก็ง่าย ๆ สามารถใช้ Pass ที่ขึ้น Alpe di Cisles ด้วยกันได้เลย โดยเริ่มต้นจากเมือง Ortisei ด้วยกระเช้าไฟฟ้าเล็ก และต่อเคเบิลคาร์ที่ใช้เวลาเพียงถึง 30 นาที เราก็สามารถขึ้นมายังด้านบนก็ที่เป็นลานหญ้ากว้างพร้อมวิวเทือกเขาได้เลย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเส้นทาง Hiking หลากลายเส้นทาง แถมยังสามารถเดินไปยัง Alpe di Cisles ได้อีกด้วย

006 : Karersee

ทะเลสาบขนาดไม่ใหญ่มาก แต่กลับติดโผสถานที่ที่ “ต้องเห็นด้วยตา” สักครั้งให้ได้ ด้วยผิวน้ำที่ใส และมีเฉดสีเขียวอมฟ้าราวอัญมณี ล้อมรอบด้วยแนวป่าสนหนาแน่น และมีฉากหลังเป็นยอดเขา Latemar ที่สะท้อนลงบนผืนน้ำสุดสวยงาม และถ้าโชคดีมาในวันที่ฝนโปรยเบาๆ ทะเลสาบที่นี่จะถูกห่มด้วยม่านหมอกบางๆ ที่ลอยเหนือผืนน้ำ ถ่ายรูปออกมาคือสวยมาก แถมเรายังชอบบรรยากาศที่นี่ที่ๆไม่วุ่นวายมาก แถมที่นี่ยังเดินทางง่ายเพราะสามารถเดินจากที่จอดรถไม่กี่นาทีก็ถึงทะเลสาบแล้ว นอกจากนี้ที่นี่ยัง มีเส้นทางให้เราได้เดินวนรอบให้ชมวิวได้จากหลายมุมอีกด้วย

007 : St. Magdalena

หนึ่งในโลเคชั่นที่ทำให้เรารู้จักเมืองนี้กับภาพของหมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางหุบเขา และยอดเขา Odle ที่เป็นฉากหลัง นั้นคือหมู่บ้าน St. Magdalena ในหุบเขา Val di Funes โดยวิวไฮไลต์ของที่นี่คือจากจุดชมวิวด้านบน ที่จะมองเห็นโบสถ์หลังน้อย ๆ ตั้งอยู่โดดเด่นกลางทุ่งหญ้าสีเขียว และมีภูเขาหินแหลมๆ ด้านหลังเรียงตัวเป็นแบ็คกราวด์แบบลงตัวที่สวยดั่งภาพวาด ยิ่งช่วงซัมเมอร์ทุ่งบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยสีเขียวที่มองแล้วสบายตา ยิ่งถ้ามาช่วงอาทิตย์กำลังตกดิน เราอาจจะได้เห็นแสงสีทองเคลือบยอดเขาสุดอลังการเลยแหละ

ขอยืนยันคำเดิมว่า “โดโลไมท์ในฤดูร้อน” คือความลงตัวของธรรมชาติ ผู้คนต่างพากันออกมาทำกิจกรรมสนุก ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสดใส ทั้งท้องฟ้าที่แจ่มจ้า เส้นทาง Hiking ที่พาดผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจี ทะเลสาบสีน้ำมรกตนิ่งราวกับกระจก และกระท่อมไม้เล็ก ๆ ที่แอบตัวเงียบ ๆ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ แค่นี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลมากพอที่จะทำให้ใครหลายคนอยากมาที่นี่แล้วล่ะ


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *