JAPAN : 5 Days of Autumn Bliss in Kyushu – Fukuoka, Kumamoto & Oita 🇯🇵


5 Days of Autumn Bliss in Kyushu – Fukuoka, Kumamoto & Oita 🇯🇵

ใบไม้เปลี่ยนสีที่ฟุกุโอกะ เป็นความสวยงามมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เกิดขึ้นในทุก ๆ ปี นอกจากเราจะได้ชมบรรยากาศต้นไม้และใบไม้ทั่วทั้งบริเวณที่ถูกแต่งแต้มย้อมสีใหม่ตามธรรมชาติแล้ว เรายังได้ดื่มด่ำสัมผัสกับอากาศเย็นสบายต้อนรับลมหนาว สามารถเดินเล่นชมใบไม้เปลี่ยนสีได้แบบชิล ๆ จะหามุมนั่งพักผ่อนคลาย หรือจะหามุมถ่ายรูปสวย ๆ ก็ฟินจนแทบลืมเรื่องเหนื่อย ๆ ไปเลย

My Itinerary

Day 0 : Bangkok – Fukuoka

Day 1 : Fukuoka – Yufuin

  • Yufuin no Mori
  • Yufuin Tabinokura
  • Yufuin Floral Village
  • Miffy Kitchen
  • Snoopy Tea House
  • Comico Art Museum Yufuin
  • Yufumabushi Shin

Day 2 : YufuinBebpu – Oita – Fukuoka

  • Kinrin Lake
  • Bread, Espresso &
  • Beppu Onsen
  • Hita Old Town
  • Kunchō Sake
  • Hita Mabushi Senya 

Day 3 : Day Trip From Fukuoka – Kumamoto

  • Toranosuke.jpn
  • Kumamoto Castle
  • Yamamicyaya
  • Contemporary Art Museum, Kumamoto

Day 4 : Fukuoka

  • Panyanopettan
  • Ainoshima Island
  • Fukuoka art museum
  • Tenjin Yatai

Day 5 : Fukuoka – Bangkok

JR Kyushu Rail Pass

ทริป 5 Days of Autumn in Kyushu รอบนี้ เราแนะนำให้ใช้ ‘JR Kyushu Rail Pass’ ฝั่งเหนือ 3 วันในราคาราว ๆ 4,000 บาท เพราะ Pass นี้จะครอบคลุมรถไฟจาก Hakata Station ไปยังเมือง Yufuin, Oita, Bebpu และ Kumamoto ส่วนในเมือง Fukuoka เราเลือกใช้ตั๋ว Subway One Day Pass คุ้มกว่า

📍เส้นทางการจองตั๋ว JR Kyushu Rail Pass : https://www.klook.com/th/activity/2371-jr-kyushu-jr-pass/?spm=Home.SearchSuggest_LIST&clickId=7e3271300f

Day 1 : Fukuoka – Yufuin

Yufuin no Mori

หลังจากเท้าเหยียบแบบดินญี่ปุ่นเราก็เริ่มต้นทริปด้วยความคลาสสิก และเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของรถไฟสายนี้ไปยังเมือง Yufuin กันเลย โดยนอกจากหน้าตาของรถไฟจะดูดีแล้ว บรรยากาศข้างทางที่รถไฟวิ่งผ่านยังสวยงามไม่แพ้ก้น โดยความน่ารักของชื่อของรถไฟมีความหมายว่า ผืนป่าของยุฟุอิน นั่นก็เป็นเพราะว่ารถไฟวิ่งผ่านหมู่บ้านยุฟุอินและวิ่งท่ามกลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นใครที่ได้ขึ้นรถไฟขบวนนี้ อย่าลืมหาเวลาเก็บภาพสวย ๆ ไว้อวดเพื่อน ๆ ในโซเชียล

Yufuin Lodge Tabinokura

เมื่อมาถึงยังสถานี Yufuin เราก็โบกแท็กซี่แล้วมาเก็บของยังที่พักของเราในวันนี้กันก่อน โดยที่นี่ถือว่าเป็นโรงแรมที่ขึ้นชื่อของนักท่องเที่ยวชาวไทยเลยเพราะมีห้องค่อนข้างหลากหลายแถมยังเป็นโลเคชั่นที่ง่ายต่อการเดินไปไหนมาไหน นอกจากตัวโรงแรมที่พร้อมมอบความสะดวกสบายทั้งเตียงนอนและห้องที่กว้างขวางและสะดวกสบายต่อการไปยังแลนด์มาร์คต่าง ๆ แล้ว ภายในโรแรมยังมีบ่อแช่ออนเซ็น Outdoor ให้เราได้ผ่อนคลายหลังจากได้เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อยอีกด้วย

ส่วนด้านในที่นี่ก็ดูดีในแบบสไตล์ญี่ปุ่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแบบครบครัน เตียงนอนก็นุ่ม ใครที่กำลังมองที่โรงแรมที่ตอบโจทย์ทริปพักผ่อนเพื่อมอบรางวัลให้กับตัวเอง เราว่าที่นี่แหละดีงามที่สุด

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/h4s5J76g9AT4UD9y9

Yufuin Floral Village

หลังจากเก็บกระเป๋า เตรียมเมม เตรียมกล้องเรียบร้อยก็ถึงเวลาออกมาเที่ยวกับปลายทางที่แรกของเรา กับเมืองยุฟุอิน เมืองน่ารัก ๆ ในคิวชูที่เต็มไปด้วยจุดเช็กอินชื่อดัง มีพร้อมทั้งแหล่งช้อปปิ้งที่ติดวิวภูเขา ร้านอาหาร ที่พัก ร้านขนม และหมู่บ้านที่งดงามจนเหมือนหลุดออกมาจากโลกของการ์ตูน นั่นก็คือหมู่บ้าน Yufuin Floral Village ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีกลิ่นอายความเป็นยุโรปยุคเก่า เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยอิฐและไม้ แม้ตรอกซอยจะแคบ แต่ไม่รู้สึกอึดอัด เพราะด้านหน้าร้านต่าง ๆ ตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้สวยงามหลากหลายชนิด เสมือนเป็นสวนหน้าร้านย่อม ๆ

ไฮไลต์ของที่นี่คือร้านขายของภายในหมู่บ้าน ที่มีให้เลือกช้อปปิ้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก งานแฮนด์เมด หรือแม้กระทั่งงานศิลปะต่าง ๆ ใครที่เป็นสายอาร์ตรับรองว่าจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:00 – 18:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/fGjRXayXJDkJyLtT7

Miffy Mori no Bakery

ถัดมาข้าง ๆ กับ Yufuin Floral Village เราจะเจอกับร้านขวัญใจวัยรุ่นอย่างร้าน Miffy Mori no Bakery ที่เป็นร้านเบเกอรี่ มีขายขนมปังโฮมเมดและเครื่องดื่มกาแฟน่ารัก ๆ ที่สุด ตัวของขนมปังก็มีหน้าและไส้ให้เราได้เลือกสรรมากมาย ทั้งอร่อยแถมน่ารักมีเหรอที่เราจะอดใจไหว !

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:30 – 17:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/cBZMESEVKfNa1md48

Snoopy Tea House

เอ็นจอยกับร้าน Miffy Kitchen กันเสร็จก็เดินมาเพิ่มความสุขกับเหล่าสาวก Snoopy กันต่อที่ Snoopy Tea House ที่ใครไม่ได้เป็นติ่งของเจ้า Snoopy แต่ก็ต้องหลงใหลให้กับความน่ารักๆ ของน้องแน่ ๆ ภายในร้านนี้ทั้งเครื่องดื่ม อาหารและขนมสุดคิ้วท์รอให้บริการ แถมยังมีของใช้ต่าง ๆ ที่จะซื้อไปฝากคนรักหรือเป็นที่ระลึกในการมาหมู่บ้านนี้ก็ได้เช่นกันเลย

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:30 – 17:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/6HMjvmbLSbJmLTBt7

Comico Art Museum Yufuin

ใครที่เสพงานศิลปะได้ไม่จุใจพอ ยังมี Comico Art Museum Yufuin มิวเซียมที่จัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสุดผ่อนคลายในเมืองยูฟู ย่านยูฟุอิน ที่เพิ่งเปิดตัวมาหมาด ๆ  มีการจัดแสดงผลงานศิลปะของผู้มีชื่อเสียงมากมายทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ โดยจุดเด่นของที่นี่คือความงดงามที่สามารถสังเกตได้ตั้งแต่ด้านนอกอาคารจัดแสดง รูปทรงอาคารสุดเท่ที่ทำจากไม้สนเผา ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น มองดูแล้วแปลกตาเหมือนเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรือแลนด์มาร์คสำหรับถ่ายรูปมากกว่ามิวเซียม หากได้เดินดูรอบ ๆ จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสบาย ๆ ที่มาจากบรรยากาศโดยรอบที่ถูกตกแต่งด้วยหินและต้นไม้ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสงบ

อาคารจัดแสดงผลงานศิลปะนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้หลากหลายโซน แต่ละโซนก็จะจัดแสดงผลงานแตกต่างกันออกไป หลายผลงานเป็นการออกแบบโดยศิลปินและสถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อดัง เพราะที่นี่ไม่เพียงแต่จัดแสดงอาร์ตแกลเลอรี่เท่านั้น แต่ยังมีนิทรรศการกลางแจ้ง และผลงานประติมากรรมอีกมากมาย มุมถ่ายรูปยอดฮิตคือมุมนจัดแสดงผลงานประติมากรรม 3 มิติที่มีชื่อว่า Your Dog ของ Yoshitomo Nara ที่มีฉากหลังเป็นธรรมชาติและทิวเขาอันอุดมสมบูรณ์ ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมสักครั้ง

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:30 – 16:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/9qkYPcLHM4zhPjP69

Yufumabushi Shin

ใครมาเดินเล่นริม ทะเลสาบคินริน แล้วไม่แวะร้านนี้ถือว่าพลาด! ข้าวอบหม้อดินสุดพรีเมียมที่ต้องลองคือ Bungo Beef Mabushi เนื้อวัวบุนโกะนุ่มฉ่ำละมุน หรือถ้าสายปลาไหลต้องโดน Hitsumabushi หวานกลมกล่อมแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ฟินไปอีกขั้นกับน้ำซุปดาชิร้อน ๆ ทำโอะจะสึเกะกินตอนท้าย! วิวดี อาหารเริ่ด ครบทุกอารมณ์!

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 10:30 – 17:30 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/YoYP5gcTzKWXEcYD9

Day 2 : YufuinBebpu – Oita – Fukuoka

Kinrin Lake

เช้าตรู่วันที่สองเราขอออกไปเสพบรรยากาศของไอหมอกและความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่ทะเลสาบคินริน จุดเช็กอินไฮไลต์อีกแห่งในเมืองยุฟุอิน เพราะความงดงามของวิวที่มองเห็นคือทะเลสาบกว้างพร้อมภูเขาลูกใหญ่สวยงามเป็นฉากหลัง ไม่ว่าจะยกกล้องออกมาถ่ายมุมไหนก็ดูดีทุกมุม น้ำใส ๆ ที่มีเงาสะท้อนเป็นอาคารหลังใหญ่ ต้นไม้ที่ใบไม้เปลี่ยนสี รวมถึงภูเขาด้านหลัง ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้งดงามเหมือนกับภาพวาดยังไงอย่างงั้นเลยแหละ  นอกจากความน่ารักของหมู่บ้านนี้แล้ว ที่นี่ยังเป็นที่ถูกใจเหล่าช่างภาพเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนก็ดูสวยงาม และด้วยบรรยากาศภายในหมู่บ้านที่มีความเก่าคลาสสิกสวยงามแถมยังมีฉากหลังเป็นทิวเขาสูงใหญ่ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติและรับแต่อากาศบริสุทธิ์ ทำให้ที่นี่เป็นเหมือนจุดแลนด์มาร์คที่ต้องมาให้ได้ 

ใครที่อยากเห็นวิวอลังการแบบนี้ แนะนำให้มาช่วงฤดูหนาวและช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เพราะช่วงอากาศเย็น น้ำในทะเลสาบที่ไหลมาจากน้ำพุร้อนเมื่อเจออากาศยามเช้าจึงทำให้มีไอน้ำลอยอยู่เหนือผิวน้ำ มองดูเหมือนหมอกจาง ๆ ลอยเต็มพื้นที่ ได้บรรยากาศที่ผ่อนคลายไปอีกแบบ หรือจะมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็โรแมนติกมาก ๆ เพราะทั่วทั้งทะเลสาบจะกลายเป็นสีเหลือง สีส้มและสีแดงแซมสลับกับสีเขียว เป็นภาพที่หาดูได้แค่ปีละครั้งเท่านั้น

⏰ เปิดทุกวัน 24 Hr.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ivRw3TfBQLmySMVh6

Bread, Espresso

หลังจากเก็บภาพบรรยากาศช่วงเช้าของทะเลสาบแล้ว เราก็ขอมุ่งมายังคาเฟ่สุดคิ้วท์กลางเมืองยุฟุอิน โดยคาเฟ่ฟีลอบอุ่นแบบมินิมอลญี่ปุ่น มีกลิ่นหอมของขนมปังอบสดใหม่ลอยมาเตะจมูกตั้งแต่หน้าร้าน บรรยากาศคือเหมาะกับการหยุดพักจิบกาแฟหลังเดินเที่ยวแบบชิล ๆ หรือแชะรูปคู่กับขนมสวย ๆ ก็ปังสุด! โดเมนูไฮไลต์ต้องลอง “นมสดโทสต์” ขนมปังชิ้นหนาอบจนกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟคู่เนย และนมข้น หอมหวานละมุนในทุกคำ และ กาแฟลาเต้ ที่เข้มข้นจนต้องหลงรัก! หรือใครสายเบเกอรีก็ต้องจัดครัวซองต์อบร้อน ๆ กัดแล้วกรอบฟูเต็มคำ พร้อมกาแฟหอม ๆ คือที่สุดของความฟิน!

⏰ เปิดทุกวัน ร้านค้าสวนมากจะเปิดเวลา : 10:00 – 16:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/yVwx292JNcCx3ChL8

Beppu Onsen

ถ้าเบื่อกับชีวิตวุ่นวายในเมืองใหญ่ ลองมาปล่อยใจที่ Beppu Onsen เมืองออนเซ็นสุดฮิตที่มีน้ำพุร้อนเยอะเวอร์ระดับโลกกัน! ไฮไลต์ของที่นี่คือ “Beppu Jigoku” หรือ “นรกทั้ง 8” บ่อน้ำพุร้อนสุดว้าวที่ไม่เหมือนใคร บ่อแดง บ่อฟ้า บ่อโคลนเดือด แถมถ่ายรูปแต่ละที่คือคอนเทนต์ปังแน่นอน! นอกจากจะมาสัมผัสไอร้อนแบบชิค ๆ ยังมีไอเทมลับที่ต้องลองอย่าง ออนเซ็นทรายร้อน ให้เราได้ฝังตัวในทรายอุ่น ๆ จนผ่อนคลายแบบเต็มสิบ

ไฮไลต์ 4 บ่อที่ไม่ควรพลาด

  • Umi Jigoku
  • Oniishi Bozu Jigoku
  • Kamado Jigoku
  • Shiraike Jigoku

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Zdtk5Q9Mbz7QBzc88

Hita Old Town

อิ่มใจกับการทัวร์ออนเซ็นแล้วใครอยากย้อนยุคฟีลหมู่บ้านญี่ปุ่นเก่า ๆ ต้องมามาที่นี่ โดยหมู่บ้านนี้ยังได้ชื่อว่าเป็น Little Kyoto โดยเมืองนี้ไม่ได้มีดีแค่ออนเซ็นเท่านั้น ภายในย่านนี้เราจะได้เห็นบ้านเมืองเก่าแก่และร้านขายสินค้าน่ารักมากมาย รวมทั้งยังมีสถาปัตยกรรมโบราณให้เราได้เดินเล่นเพลิดเพลินกันอีกด้วย อย่างที่รู้กันด้วยความที่เป็นญี่ปุ่น บ้านเมืองหรือถนนหนทางของบ้านเค้ามุมไหนก็ดูดี น่าถ่ายรูปไปซะหมด เราก็ขอเก็บภาพน่ารัก ๆ คู่กับบ้านเก่าสมัยเอโดะช่วงประมาณปี 1630 – 1868 เป็นที่ระลึกสักใบหน่อยละกัน

นอกจากเดินเล่นฟิน ๆ แล้ว อย่าพลาด ล่องเรือในแม่น้ำมิคุมะ ที่มีวิวดีต่อใจสุด ๆ ยิ่งตอนเย็นพระอาทิตย์ตกคือโรแมนติกไม่ไหว! ถ้าโชคดีมาในช่วงเทศกาลจับปลาด้วยนกกาน้ำ (Ukai) เราจะได้สัมผัสวัฒนธรรมโบราณแบบแท้ ๆ ที่หาดูได้ยาก ใครอยากได้ฟีลย้อนยุคแต่ยังคงความชิล Hita Old Town คือคำตอบที่ต้องปักหมุด!

⏰ เปิดทุกวัน ร้านค้าสวนมากจะเปิดเวลา : 10:00 – 18:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/UoSkG2cwpeFbrx2N6

Hita Mabushi Senya 

ใครมาเดินเล่นในย่านประวัติศาสตร์ มะเมะดะมะจิ แล้วไม่แวะ Hita Mabushi Senya ถือว่าพลาดแรง! ไฮไลต์ของร้านคือ ฮิตะมาบุชิ ข้าวหน้าปลาไหลย่างที่หอมกรุ่น โดยร้านนี้เค้าจะนำปลาไหลสด ๆ มาย่างไฟถ่านจนหนังกรอบหอม เนื้อด้านในนุ่มละมุน ราดด้วยซอสสูตรลับของร้านที่ให้รสชาติหวานเค็มกลมกล่อมแบบกำลังดี ไฮไลต์เด็ดคือเมนู ฮิตะมาบุชิ ที่เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ และน้ำซุปดาชิหอมกรุ่น ให้คุณสนุกกับการกินได้ถึง 3 สไตล์ ไม่ว่าจะกินแบบเพียว ๆ เพิ่มเครื่องเคียง หรือราดน้ำซุปลงไปให้ได้ฟีลข้าวต้มสุดอุ่นท้อง คำเดียวคือจึ้ง!

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 11:00 – 17:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Ao9j8uM4StRFLbgs6

Kunchō Sake

หลังจากอิ่มท้องกับอาหารยอดฮิตแล้ว เราก็ขอมาเดินชมโรงผลิตสาเกโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่ปี 1702 ที่นอกจากขายสาเกมาตั้งแต่ยุคโอเดะยาวนานกว่า 300 ปีแล้วภายในบริเวณชั้น 2 ยังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เราได้เดินชมวัตถุดิบและขบวนการหมักสาเวแบบไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย ส่วนใครที่อยากลิ้มลองรสชาติสาเกโบราณ แบบฉบับของหวานที่นี่ก็มีจำหน่าย Soft Serve ที่รสชาติหวาน มีกลิ่นสาเกเบา ๆ หน่อยถูกใจแน่นอน

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:00 – 16:30 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/xMUYzN97KoFQCeTs6

Day 3 : Kumamoto

Toranosuke.jpn

พูดถึงของหวานที่เป็นต้นตำรับญี่ปุ่นก็ต้องยกให้เป็นโมจิ แต่สำหรับคนที่ชอบรับประทานอะไรที่มีไส้ ดัดแปลงให้มีความอร่อยและมีลูกเล่นมากขึ้นก็แนะนำให้ต้องลอง “ไดฟุกุ” ที่ฟุกุโอกะเองก็มีเช่นกัน ขนมที่นี่มีหน้าตาแตกต่างจากที่ไทยเยอะ ถึงเยอะมาก ดูน่ารักจนเห็นแล้วรับประทานไม่ลงเลยทีเดียว ร้านนี้ อ่านว่า โท-ระ-โนะ-สุ-เกะ เป็นร้านสุดเท่ในเมืองคุมาโมโต้ ที่เท่ตั้งแต่ชื่อของร้านที่เป็นชื่อในวัยเด็กของผู้สร้างปราสาทคุมาโมโต้  เจ้าของร้านพยายามที่จะสื่อสารความเป็นเอกลักษณ์ และคุณค่าต่าง ๆ ของเมืองนี้ผ่านการคิดและออกแบบขนมที่ผสมผสานยุคสมัยเข้าไว้ด้วยกัน

บรรยากาศของร้านตกแต่งได้ดูมีสไตล์มาก ๆ  ให้ฟีลเหมือนพิพิธภัณฑ์เนื่องจากผลงานที่กว่าจะออกมาเป็นไดฟุกุแต่ละชิ้นนั้นพิถีพิถันและผ่านกระบวนการคิดค่อนข้างปราณีต รวมไปถึงการจัดวางขนม  การจัดแสง แถมยังมีการนำเสนอเรื่องราวของขนม ดูรวม ๆ แล้วน่าสนใจมาก นอกจากบรรยากาศร้านแล้ว ยังมีไดฟุกุไส้ผลไม้ที่สามารถเลือกรสชาติได้หลากหลาย ไม่ซ้ำใคร ถือว่าเป็นร้านขนมที่มีการเล่าเรื่องราวความเป็นมาได้เป็นอย่างดี

⏰ เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ และวันพฤหัสบดี เวลา : 10:00 – 16:30 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Fc5nT3E64a8EwJAC7

Kumamoto Castle

ปราสาทที่ถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้สีเขียวขจี ดูร่มรื่น และพาให้เรารู้สึกอินกับบรรยากาศ ครั้งแรกที่ได้เห็นก็สัมผัสได้เลยว่าที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ ยิ่งได้อ่านประวัติยิ่งรู้สึกชอบ เพราะปราสาทแห่งนี้เป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นและขึ้นชื่อว่าเป็นป้อมที่ป้องกันการบุกรุกได้เป็นอย่างดี ด้านในมีหอปราการปราสาทเล็กและใหญ่ รวมถึงป้อมธนูและกำแพงหินที่ดูแข็งแกร่งสำหรับใช้ป้องกันศัตรู

ภายในปราสาทแบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ ที่มีการบูรณะซ่อมแซมจากของเดิมไว้อย่างเรียบร้อย แต่ก็ยังคงวัสดุเดิมเอาไว้บ้างบางส่วน มีจุดชมพระอาทิตย์ที่แสงแดดสีทองสาดส่องเข้ามากระทบกับเสาไม้ บอกเลยว่าเป็นภาพที่ชวนฝันและสวยงามเอามาก ๆ ใครมาเที่ยวญี่ปุ่นต้องไม่พลาดมาแวะปราสาทแห่งนี้ บอกตรง ๆ เลยว่าปราสาทที่ผ่านเรื่องราวมาอย่างยาวนานนั้นคุ้มค่าแก่การเข้ามาเยี่ยมชมมาก ๆ ไม่ว่าจะมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ตามรอยหนังสือการ์ตูน หรือตามรอยวัฒนธรรมญี่ปุ่นแถมเมื่อเราขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตัวประสาท จะได้เห็นวิวของมอง Kumamoto อีกด้วย

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 09:00 – 17:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Tvj7hRV6Rx58pXi27

สุดท้ายก่อนกลับเข้าเมืองฟุกุโอกะ ใครที่มาเยือนเมืองนี้ต้องห้ามพลาดลอง ‘Ningyoyaki รูปหมีคุมะมง’ ที่เปรียบเสมือนมอสคอตของที่นี่กันนะ ตัวขนมจะเป็นแป้งกรอบ ๆ ด้านในจะมีไส้ให้เราเลือกมากมายทั้งครีมมัสตาส ถั่วแดง ช็อกโกแลตและอีกมากมาย

Yamamicyaya

แวะเที่ยว ปราสาทคุมาโมโตะ แล้วมองหาร้านเด็ด ๆ เติมพลังแบบจัดเต็มต้องปักหมุด Yamamicyaya ร้านนี้อยู่ใกล้แบบเดินชิล ๆ ไปได้เลย ไฮไลต์ของที่นี่คือ ข้าวหน้าเนื้อแดง ที่เนื้อวัวฉ่ำ ๆ หั่นบาง ย่างมาหอมกรุ่น ราดด้วยซอสสูตรลับอร่อยขั้นเทพ กินคู่กับข้าวร้อน ๆ คือคำเดียวจบ ฟินแบบน้ำตาไหลเลย นอกจากนั้นบรรยากาศร้านคืออบอุ่น แต่ความพรีเมียมของเนื้อคือระดับ 10/10 หลังเดินชมวิวปราสาทเหนื่อย ๆ มานั่งพักที่นี่ กินเนื้อแบบฉ่ำ ๆ พร้อมฟีลญี่ปุ่นแท้ ๆ คืองานดีสุด ใครมาเที่ยวคุมาโมโตะแล้วไม่มาลองร้านนี้ ขอบอกเลยว่าคุณพลาดแล้วตัวเธอ!

⏰ เปิดทุกวัน เวลา : 11:00 – 18:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/1Ee9XHTeMFXNpdrw5

This image has an empty alt attribute; its file name is DSCF0272-1024x683.jpg

Contemporary Art Museum, Kumamoto

สถานที่ยอดฮิตของญี่ปุ่นที่ถ้าได้บินข้ามฟ้ามาเช็กอินแล้วต้องไม่พลาดเยี่ยมชมเด็ดขาด นั่นก็คือพิพิธภัณฑ์ ประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่จัดแสดงพิพิธภัณฑ์ได้น่าสนใจ และพิพิธภัณฑ์ที่อยากให้ทุกคนลองแวะมาเยี่ยมชม ก็คือ Contemporary Art Museum, Kumamoto พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของตึก Bipuresu Kumanichi Kaikan

จุดเด่นของที่นี่คือนักท่องเที่ยวจะได้เยี่ยมชมทั้งนิทรรศการที่จัดแสดงถาวร และนิทรรศการที่จัดแสดงหมุนเวียน สำหรับคนที่เคยมาแล้วสามารถแวะมาดูซ้ำได้ เพราะมีการจัดแสดงหมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอดทั้งปี มีความสวยงามอลังการในรูปแบบการแสดงแสง สี เสียง ของศิลปะยุคใหม่ เหมาะกับการเป็นพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจในงานศิลปะ แหล่งเรียนรู้และเป็นสถานที่ผ่อนคลายได้ เพราะมีที่นั่งให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อนกันแบบชิล ๆ มีห้องสมุดเล็ก ๆ ไว้คอยบริการ มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ ให้ได้ถ่ายรูปเช็กอินกัน มีช็อปขายของที่ระลึก สามารถแวะซื้อของขวัญน่ารัก ๆ ไปฝากคนที่บ้านได้อีกด้วย 

⏰ เปิดทุกวันพุธ – วันจันทร์ (ปิดทุกวันอังคาร) เวลา : 10:00 – 20:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/TNhAd1m5KNM9JX6F9

Day 4 : Fukuoka

ぱん屋のぺったん

เวลาเดินทางมาถึงเช้าวันสุดท้ายแล้ว ยิ่งอากาศเย็น ๆ แบบนี้ถ้าได้เครื่องดื่มร้อน ๆ สักแก้ว พร้อมขนมปังสักชิ้น คงทำให้การตื่นเช้าออกมาสูดอากาศท้าลมหนาวฟินสุด ๆ และร้านที่จะมาเติมเต็มความฟินให้กับเช้านี้คือร้าน ぱん屋のぺったん ครั้งแรกที่เห็นก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่าดีสุด ๆ  เพราะนอกจากจะได้กินขนมปังกับกาแฟแล้ว ยังได้ถ่ายรูปเก๋ ๆ กับเจ้าขนมปังหน้าตายียวน จนอดถ่ายรูปลงอวดเพื่อน ๆ ลงโซเชียลไม่ได้ พอลองได้เข้าไปในร้านนี้จริง ๆ ต้องบอกเลยว่า “Shocking Cuteness” มาก ๆ เพราะความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทำให้เปลี่ยนโลกของขนมปังรองท้องยามเช้าให้ดูน่ารักสดใสมากกว่าทุกวัน โดยเฉพาะถ้าเป็นของกินที่เป็นรูปสัตว์หรือลวดลาย หน้าตา รวมไปถึงการออกแบบน่ารัก ๆ รับรองว่าถ้าได้เห็นด้วยตาคงจะรู้สึกชอบใจเป็นพิเศษ

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าร้านนี้เล็กมาก มองผ่าน ๆ จะไม่รู้เลยว่านี่คือร้านเบเกอร์รี ด้านในจะมีลักษณะเป็นเหมือนเคาน์เตอร์ และมีเจ้าขนมปังรูปต่าง ๆ ที่นำมาจัดวางเอาไว้เพื่อให้คุณได้เลือกซื้อ สามารถบอกกับคนขายได้ว่าต้องการอะไร ชิ้นไหน ขนมปังจะถูกเสิร์ฟจากช่องด้านล่าง ดูแล้วเรียบง่ายไม่ยุ่งยาก รู้ตัวอีกทีก็ซื้อติดมือมา 3 ชิ้นแล้ว โดยขนมปังก็จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามเอกลักษณ์ของตัวขนม เช่น ขนมปังหน้าลุง ฟุกุฮาระ โยไค ดารุมะ และอีกมากมาย เรื่องราคาก็สมเหตุสมผลนะ ชิ้นนึงไม่เกิน 300 เยน แถมยังมีขนมปังให้เลือกหลากหลายอีกด้วย สรุปให้เลยครับว่าเป็นร้านขนมปังที่ฟิน เก๋ และน่ารักมาก!!

⏰ เปิดทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ (ปิดทุกวันเสาร์ – วันอาทิตย์) เวลา : 07:00 – 17:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/k7HhLJ4hWjCh6Awf7

Ainoshima Island

อีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ห้ามพลาด “เกาะแมว” เกาะชื่อดังในฟุกุโอกะที่มีน้อนแมวอาศัยอยู่เต็มเกาะ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอน้อนเต็มไปหมด เหมาะกับทาสแมวอย่างเรามาก ๆ ด้วยขนาดเกาะที่เล็ก ทำให้เราสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ง่าย ตัวเกาะจะต้องออกจากชายฝั่งทะเลไปประมาณ 7 กิโลแมว เอ้ย! 7 กิโลเมตร ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่บนเกาะจะเป็นชาวประมง แต่นอกจากด้านบนเกาะจะมีบ้านเรือนของชาวประมงแล้ว ยังมีร้านอาหาร คาเฟ่น่ารัก ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ไปแวะพักเหนื่อย จิบกาแฟชิล ๆ บนเกาะได้อีกด้วย

ด้านบนเกาะนี้ ไม่พูดถึงน้อนแมวคงจะไม่ได้ เพราะน้อนเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจแวะมา เหล่าทาสแมวสามารถมองเห็นเจ้าแมวหลากสีสันทั้งหลายได้ตามท้องถนน บ้านเรือนต่าง ๆ ท่าเรือ หรือแม้กระทั่งในศาลเจ้า เรียกได้ว่าทุกพื้นที่มีแต่แมวจริง ๆ หรือที่ใครอยากหากิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำ ก็สามารถเช่าจักรยานปั่นชมวิวรอบเกาะได้

⏰ เปิดทุกวัน เรือขาไปรอบแรก 07:50 น. และเรือขากลับรอบสุดท้าย 17:00 – 17:30 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/y2DiU6VZ3CmFvGCS6

Fukuoka Art Museum

โลเคชั่นสุดชิคที่มีไฮไลต์ฟักทองสีเหลือง Kusuma Yayoi อยู่ใจกลางด้านบนของมิวเซียม นอกจากสามารถถ่ายรูปได้ฟรี ๆ แล้ว รอบบริเวณนี้ยังติดกับสวนสาธารณะ Ohori park ที่ช่วงเย็นบรรยากาศของที่นี่จะดีมาก ทั้งคู่คนที่ต่างพากันออกมาเดินเล่น บ้างก็วิ่งออกกำลังกาย บ้างก็พาน้องหมาออกมาเดินพร้อมกับน้องเป็ดที่ว่ายกันเต็มทะเลสาบที่นี่เลย

ส่วนภายใน Fukuoka art museum จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ โซนศิลปะก่อนสมัยใหม่ โซนศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย โดยที่มีทั้งผลงานถาวร และนิทรรศการชั่วคราว ทำให้แต่ละช่วงที่มาเราจะได้ดูผลงานต่าง ๆ ที่เปลี่ยนใหม่ตลอดเวลา นอกจากนั้นภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีทั้งร้านอาหารที่เห็นวิวสวนสาธารณะ Ohori, ร้านกาแฟรวมถึงร้านขายของที่ระลึกน่ารัก ๆ อีกด้วย

⏰ เปิดทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) เวลา : 09:30 – 17:30 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/EnqT4Wh2N4jcpvjC7

Tenjin Yatai

“กึ๊ก!!…เสียงชามอาหารที่มาวางตรงหน้า ควันจากไอร้อนกรุ่นบนผิวน้ำ กลิ่นหอมที่ชวนน้ำลายไหล เสียงหักตะเกียบดังเป๊าะ!! เสียงเป่าลมให้เส้นที่คีบขึ้นมาเย็นลง และเสียงสูด ซู๊ดดดดด!! ที่คนต่อแถวอย่างผมต้องกลืนน้ำลาย” การเดินทางไปต่างแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศญี่ปุ่น บอกเลยว่าเรื่องกินเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากพลาดที่จะรีวิวให้ฟัง มาเที่ยวที่เมืองฟุกุโอกะทั้งที ก็ต้องแวะมาลองอาหารเมนูเด็ดในร้าน TENJIN YATAI SHU ถ้าจะให้อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คงต้องบอกว่าเป็นร้านอาหารแผงลอยที่โด่งดังในสมัยรุ่นปู่ รุ่นย่า ให้ฟีลร้านนั่งที่กินกันกับรถเข็นเลย

บรรยากาศตรงบริเวณที่นั่งกินก็จะมีป้ายร้านมาบังข้างหลังเราไว้ให้เห็นแค่ท่อนล่างตั้งแต่เข็มขัดจนถึงเท้า รับลูกค้าได้คราวละแค่ไม่กี่คน เป็นร้านที่เหมือนกับว่าใช้เวลาไม่นาน รีบกินรีบไป และให้คนอื่นได้เข้ามากินต่อ ส่วนมากจะเป็นอาหารจำพวกเส้นทำง่าย ร้อน ๆ ยกซดแบบฟิน ๆ ภาพเหล่านี้แทบจะหาไม่ได้จากร้านอาหารสมัยนี้ในญี่ปุ่น แต่ที่นี่ยังหลงเหลือให้เราได้ซึมซับ ลิ้มรส และได้ทดลองวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นเอาไว้อยู่ แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นแผงลอยแต่ด้วยความญี่ปุ่น ก็มีมาตรฐานในการออกกฏหมายควบคุมชัดเจน ตั้งแต่พื้นที่ ยันความสะอาด ไม่มีการปิดร้านระหว่างให้บริการลูกค้าเพื่อหนีตำรวจแน่นอน ใครที่อยากมาลองชิม โอเด้ง เทมปุระ เกี๊ยวซ่า ราเมง หรืออาหารกินเล่นอย่างกับแกล้ม ถ้ามีโอกาสแวะเวียนมา ก็มากันได้นะแนะนำเลย!

⏰ เปิดทุกวัน ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดเวลา : 18:00 – 24:00 น.

📍พิกัด : https://maps.app.goo.gl/bVcK4PBW4zSJLEg46

,

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *