Jaipur – Jodhpur 4Days 4Nights

Jaipur – Jodhpur 4Days 4Nights


ประเทศที่ติด Bucket List ของนักท่องเที่ยวที่ได้ชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปเยือนสักครั้ง ดินแดนที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม อาหาร และผู้คนสุดเฟรนด์ลี่ ใครที่อยากมาเห็นแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ สถาปัตยกรรมแปลกตา และชวนหลงใหล

“ทริปนี้ขอแจกแพลนเที่ยวอินเดีย 4 วันกับเมืองชัยปุระและจ๊อดปูร์ งบหมื่นนิด ๆ ก็เที่ยวได้”

และแน่นอนว่าทริปนี้เราทนเสน่ห์ความแตกต่างของทั้งสองเมืองไม่ไหว เลยเลือกไปเช็กอินกันทั้งสองที่พร้อมแจกพิกัดเที่ยวแบบจุก ๆ กับเมืองชัยปุระและจ๊อดปูร์ เมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม งานศิลปะสุดเก๋ และอารยธรรมโบราณ ที่ใครฝันอยากเยือนปราสาทที่สวยจนเหมือนหลุดมาจากเทพนิยาย และตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์สุด ๆ

การเดินทางในครั้งนี้สะดวกมาก ทำวีซ่าออนไลน์เพียงแค่ 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ราคาหลักร้อย และบินตรงมาเที่ยวได้เลย เพราะแอร์เอเชียเป็นสายการบินเดียวที่มีเที่ยวบินตรง เส้นทางดอนเมือง – ชัยปุระ 4 ชั่วโมงนิด ๆ นั่งไม่ทันเหนื่อยก็ถึงอินเดียแล้ว แถมบินกับแอร์เชียยังมั่นใจเรื่องตรงเวลา ราคาตั๋วสุดคุ้มเที่ยวได้ตามแพลน แอร์เอเชียยังมีเส้นทางบินตรงสู่อินเดียมากที่สุดรวมกว่า 10 เส้นทาง สะดวกและดีงามมากๆ 

สำหรับทริปนี้ ส่วนการเดินทางในเมืองก็เรียกใช้บริการ Uber แสนง่ายดาย และระหว่างเมืองเราใช้บริการ Mr.Singh บริการดี ราคาถูก แถมยังพูดไทยได้นิดหน่อย ส่งแพลนล่วงหน้าให้ช่วยวางแผนได้ด้วย ติดต่อได้เลยที่ Line : ranthambore 

บอกเลยว่าอินเดียเที่ยวสนุกมาก ยิ่งช่วงต้นปีหรือปลายปี อากาศเย็นสบาย เที่ยวสนุกสุดๆ จะมีที่ไหนปังสุดจนน่าปักหมุดเก็บไว้บ้าง ตามมาดูกัน!

ข้อควรรู้ก่อนมาอินเดีย

1.เราสามารถขอ e-Visa ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ก่อนเดินทาง 1 เดือน เอกสารที่ใช้

  • รูปถ่ายหน้าตรง พื้นหลังสีขาว หรือสีอ่อน
  • หน้าพาสปอร์ตไฟล์ PDF
  • ข้อมูลที่อยู่ของแพลนกำลังจะไป

สามารถเข้ามาสมัครได้ที่ : https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html หรือใครอยากดูขั้นตอนสมัครแบบละเอียดสามารถดูได้ที่  : https://chaleejourney.com/?p=1028

2.สำหรับเมือง Jaipur และ Jodhpur แนะนำให้ไปเที่ยวช่วง พฤศจิกายน – มีนาคม อากาศจะเย็นสบาย เที่ยวสนุก ถ่ายรูปไม่มีเหนื่อย

3.ค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริปเราหมดไปแค่หมื่นต้น ๆ ( ไม่รวมตั๋ว ) โดยราคานี้รวมค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเข้าสถานที่ และโรงแรมตลอด 4 วัน 4 คืนเลยนะ ถ้าแพลนดี ๆ สามารถถูกกว่านี้ได้อีก

Day 0 

Flight from Bangkok to Jaipur

การเดินทางในครั้งนี้สะดวกมาก เพราะ AirAsia เป็นสายการบินเดียวที่มีเที่ยวบินตรง เส้นทางดอนเมือง – JAIPUR เวลาค่ำ ๆ กับเวลา 4 ชั่วโมงนิด ๆ นั่งไม่ทันเหนื่อยก็ถึงอินเดียแล้ว ส่วนขากลับจะเป็นไฟล์ทดึก ข้อดีคือเราสามารถเที่ยวได้แบบเต็มวัน ขึ้นมานอนบนเครื่องได้แบบเต็มอิ่ม และถึงไทยเช้าแบบชิล ๆ

จองเลย https://www.airasia.com/th/th

พิเศษสุดตรงที่เราสามารถซื้อ VALUE PACK เพื่อรับการบริการสุดพรีเมียมในราคาแสนคุ้ม โหลดกระเป๋าน้ำหนัก 20 กก. แบบชิล ๆ จะขนเสื้อผ้ากับพร้อบไปเยอะแค่ไหนก็ไหว ก็จุดเช็กอินในอินเดียแต่ละที่สวยซะขนาดนั้น ไม่แต่งตัวจัดเต็มได้ยังไง หรือขากลับใครจะช้อป หิ้วของดีกลับมาก็เหมาะ ได้น้ำหนักมาแบบกำลังดีสุด ๆ และชอบตรงที่เลือกที่นั่งได้ตามใจ แถมมีอาหารและเครื่องดื่มจัดเต็มเสิร์ฟบนเครื่องให้เราเติมพลังให้พร้อมกับการออกเดินทางท่องเที่ยว แค่เริ่มต้นทริปในระหว่างเดินทางยังดีขนาด แล้วถ้าถึงอินเดียจะฺฟินขนาดไหน รับรองทริปนี้ ได้รูปกลับมาเพียบ! เตรียมกดชัตเตอร์ จิกให้กล้องแตกกันไปเลย!

การเดินทางในประเทศอินเดีย

หลัก ๆ การเดินทางเที่ยวในเมืองเราจะใช้บริการ Uber ตลอดทุกครั้ง เพราะสะดวก ราคาถูก แถมยังมีตัวเลือกทั้งรถยนต์ และออโต้ริกชอร์ (รถตุ๊ก ๆ แบบบ้านเรา ) ส่วนการเดินทางข้ามเมืองระหว่าง Jaipur ไป Jodhpur เราใช้บริการ Mr.Singh บริการดี ราคาถูก แถมยังพูดไทยได้นิดหน่อย สามารถติดต่อจอง และส่งแพลนล่วงหน้าได้ที่ Line : ranthambore 

Day 1 : Jaipur

001 CITY PALACE

หลังจากเดินทางมาถึงช่วงกลางคืน เช้าวันแรกก็ขอเริ่มกันที่แรกแบบอลังการงานสร้างสุด ๆ กับ CITY PALACE พระราชวังหลวงของเมืองชัยปุระ ที่เก่าแก่และเป็นแลนด์มาร์คสำคัญอีกแห่งที่ห้ามพลาด ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานศิลปะหลากหลาย ทำให้โดยรวมออกมาแล้วดูยิ่งใหญ่งดงาม บอกได้ถึงความเจริญรุ่งเรืองในยุคก่อน

Location : https://maps.app.goo.gl/tTge2rcdCvJRBdix8

ค่าเข้า : Rs.1000 / คน

ที่นี่เหมาะกับคนชอบเดินชมความสวยงามของตัวอาคาร เพื่อสร้างแรงบันดาลใจด้านศิลปะ อาคารที่เป็นสีชมพูอมแดง ตัดด้วยสีขาว ทำให้ดูเด่นมาก ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย ความเว้าโค้งของประตู และลวดลายเป็นแพทเทิร์นดูตั้งใจ งานปูนปั้นและงานกระเบื้อง ให้ฟีลเหมือนกำลังอยู่ในดินแดนเทพนิยาย เป็นปราสาทที่ต้องมีเจ้าชาย เจ้าหญิงแบบนั้นเลย 

ความพิเศษของที่นี่คือ มีพิพิธภัณฑ์ให้เราเข้าไปเยี่ยมชมได้ แถมพระราชวังแห่งนี้ยังเปิดให้เข้าชมได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ส่วนคนที่อยากลงลึกในประวัติศาสตร์ สามารถจ้างไกด์นำเที่ยวมาคอยให้ข้อมูลได้อีกด้วย แนะนำว่าถ้ามาเที่ยว เตรียมชุดสวย ๆ มาเยอะ ๆ เลย เพราะแต่ละมุมคือดีมาก

002 JANTAR MANTAR 

ชวนเที่ยวหอดูดาวโบราณ จุดเช็กอินยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ความพิเศษของที่นี่คือเป็นแหล่งรวมเครื่องมือทางดาราศาสตร์โบราณมากมาย ซึ่งปัจจุบันยังสามารถใช้งานได้อยู่ เครื่องมือทั้งหมดนี้เป็นของมหาราชาสวาอี ชัยสิงห์ เรียกได้ว่าเป็นโบราณสถานที่รวมเรื่องราวของดวงดาวเอาไว้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจสุด ๆ

Location : https://maps.app.goo.gl/eudDfZkC8MrrXCbp8

ค่าเข้า : Rs.200 / คน

ใครอยากเห็นนาฬิกาแดดสร้างจากหินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ต้องมาแวะเยี่ยมชมที่นี่เลย รับรองว่าจะได้เห็นเครื่องมือดาราศาสตร์แปลก ๆ อีกมากมาย ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 19 ชิ้นเลยทีเดียว สามารถใช้เวลาเดินชมกันได้เป็นวัน ๆ เลย ถ้าชอบดูดาว หรือสนใจเรื่องราวในประวัติศาสตร์และดาราศาสตร์ต้องห้ามพลาดนะ

003 HAWA MAHAL

มาถึงมหานครสีชมพูอันยิ่งใหญ่แห่งรัฐราชสถาน ถ้าไม่ได้มาที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึงจัยปูร์หรือชัยปุระ กับฮาวา มาฮาล หรือที่เรียกกันว่าพระราชวังแห่งสายลม หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวดูโดดเด่นและเป็นที่นิยมมาก ๆ ของชัยปุระ ด้วยตัวโครงสร้างของอาคารที่มีสีสันสวยงามเป็นเอกลักษณ์ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และที่ต้องสร้างเป็นสีชมพูเพราะว่า ฮาวา มาฮาล ถูกสร้างอยู่ในเขตเมืองเก่าของชัยปุระที่ได้รับฉายาว่าเป็นเมืองสีชมพู ซึ่งยังคงสีเดิมไว้มาจนทุกวันนี้


Location : https://maps.app.goo.gl/9o1objqncYfTiTYH6

ค่าเข้า : Rs.200 / คน

ใครชอบเดินดูสถาปัตยกรรมแปลกตา แนะนำเลย มองผ่าน ๆ ให้ฟีลเหมือนรังผึ้งเพราะมีหน้าต่างเยอะมาก ๆ ว่ากันว่ามี 900 กว่าบาน ด้วยการออกแบบนี้เอง ทำให้ตัวอาคารมีอากาศถ่ายเท เย็นสบายเพราะมีลมพัดผ่านตลอด อาจเป็นที่มาของชื่อพระราชวังสายลม

อีกจุดเช็กอินที่เป็นที่นิยมสำหรับถ่ายรูปฮาวา มาฮาล จะเป็นร้าน The Tattoo Cafe & Lounge ที่เป็นคาเฟ่ และร้านอาหาร มีมุมดาดฟ้าที่สามารถถ่ายฮาวา มาฮาล ได้แบบปัง ๆ ภายในร้านจะมีเมนูอาหารให้เราเลือกทานมากมาย เริ่มตั้งแต่ Coffee , Pizza , Pasta มากมาย เอาเป็นว่าใครมาที่นี่ อย่าลืมขึ้นมาถ่ายรูปเช็กอินบนนี้กัน รับรองว่าได้รูปชิค ๆ แน่นอน

Location : https://maps.app.goo.gl/3d7vCzn4CrrS38ze8

ค่าเข้า : Rs.250 / คน สามารถนำไปแลกซื้ออาหาร และเครื่องดื่มได้

004 NAHARGARH FORT 

ตกเย็นก็ถึงเวลาเดินทางมาชมวิวเมืองพร้อมกับเดินเสพบรรยากาศกันที่ป้อมปราการ Nahargarh เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่อลังการงานสร้างแบบสุด ๆ  เป็นป้อมที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย โดยป้อมปราการนี้เมื่อก่อนใช้เป็นกำแพงในการป้องกันเมืองชัยปุระ แต่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งแห่งแรกของชัยปุระ เปิดให้คนเข้าไปเที่ยวชมได้ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์ 

Location : https://maps.app.goo.gl/zCU5inwSMo26NZzW7

ค่าเข้า : Rs.200 / คน

โดยป้อมปราการ Nahargarh เป็นป้อมปราการที่สร้างลัดเลาะไปตามเนินเขาและสามารถมองเห็นวิวเมืองได้ไกลสุดตา แถมยังสวยงามมาก ๆ ด้วยความที่ด้านล่างเป็นเมือง มีตึกอาคารบ้านเรือนอยู่เต็มไปหมด มีไฮไลท์เป็นช่วงเย็น เป็นพระอาทิตย์ที่ตกจากระเบียงป้อมปราการเป็นภาพบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ไม่มาถือว่าพลาด!

Day 2 Jaipur 

005 Gulab Ji Chai Wale

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่อินเดีย ก็อยากลองชิมอาหารเช้าแบบโลคอล ๆ จนมาเจอกับกาแฟริมข้างทางที่ให้ฟีลแบบสตรีทฟู้ด เมื่อเรามาถึงจะเห็นผู้คนต่างมุงสั่ง Gulabji Special Chai ที่เป็นชา กลิ่นหอมละมุน มีรสชาติหอมหวาน มีกลิ่นขิงหน่อย ๆ แต่อร่อย ใครอยากได้ฟีลการเที่ยวอินเดีย เราแนะนำว่าต้องมาลอง

Location : https://maps.app.goo.gl/pdv2qeXyQtBkpchV9

นอกจากเมนูชาแล้ว เค้ายังมีขนมปังทาเนย และแซนด์วิชที่อบจนกรอบ ทานคู่กับชาเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ของเราได้แบบฟิน ๆ เลย

006 AMBER FORT 

เติมพลังกับอาหารเช้าเรียบร้อยก็ได้เวลาออกมานอกเมือง เพื่อชมความงดงามของสถาปัตยกรรมสุดใหญ่อย่าง “AMBER FORT” หนึ่งในป้อมปราการมีอายุ 430 กว่าปี โดยบริเวณด้านหน้าเราจะได้เห็นวิว และบรรยากาศโดยรอบที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาสีเขียว ใกล้ ๆ กันมีทะเลสาบอยู่ ถือเป็นป้อมปราการที่ดูสวยงาม และตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสุด ๆ ควรค่าแก่การมาเยือนสักครั้ง ถ้าใครมีเวลามากพอ สามารถเดินเข้าไปชมด้านในอาคารได้อีกด้วย

Location : https://maps.app.goo.gl/uw4wL2KxTGNZRnBk6

ค่าเข้า : Rs.500 / คน

กำแพงเมืองยาวสุดลูกหูลูกตา ดูเป็นป้อมปราการขนาดใหญ่ ที่เดินดูเท่าไหร่ก็แทบดูไม่หมด ความยิ่งใหญ่นี้สร้างในสมัยมหาราชา มาน สิงห์ที่ 1 ซึ่งมีความสวยงาม ดูโดดเด่นและแข็งแรง ยิ่งได้เห็นภาพกว้างระยะไกล ยิ่งสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในยุคนั้น ที่ทิ้งร่อยรอยทางประวัติศาสตร์ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในชัยปุระจนทุกวันนี้

เมื่อเข้ามาด้านในเราจะเจอกับสวน Agalitai ที่แปลว่าสวนสวรรค์ เป็นมุมที่ดูแล้วสบายตา ถ่ายรูปออกมาก็สวยไปหมดทุกมุม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเค้าถึงเรียกที่นี่ว่าสวนสวรรค์กัน

007 JAL MAHAL

จากป้อมปราการสุดอลังการสู่พระราชวังแห่งสายลม เชื่อกันไหมว่ามีพระราชวังแห่งน้ำด้วย! ชลมหัล กรุงชัยปุระ หรือที่รู้จักกันในชื่อ พระราชวังแห่งน้ำ อาจเพราะว่าที่ตั้งของพระราชวังอยู่กลางทะเลสาบ ทำให้มีไฮไลท์เป็นภาพสะท้อนน้ำ ดูสวยงามไปอีกแบบ ด้านนอกของพระราชวังให้ความรู้สึกว่าเก่าแก่แต่ยังดูใหม่ เป็นการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์โบราณและความทันสมัย เป็นอีกสถานที่ต้องมา ด้วยความสวยงามของอาคาร และทำเลการก่อสร้างที่ดูสวยงามลงตัวไปหมด

สำหรับคนที่มาเที่ยวชัยปุระ และอยากเห็นวิวยามค่ำคืนที่สวยงามเหมือนภาพวาด ดูแล้วเป็นภาพที่สวยงามจนน่าทึ่ง และพิเศษกว่าตรงที่พระราชวังมีทั้งหมด 5 ชั้น ซึ่ง 4 ใน 5 ชั้นจมอยู่ใต้น้ำ เมื่อน้ำในทะเลสาบขึ้นเต็มที่ ทำให้เหลือแค่ชั้นบนสุดเท่านั้นที่โผล่พ้นน้ำออกมา เรียกได้ว่าโชว์ความเทพของนักสถาปนิกในสมัยก่อนขั้นสุด

Location : https://maps.app.goo.gl/8zGm9jyjPWuQf4xc9

008 GAITOR KI CHHATRIYAN

ตกบ่ายก็ได้มาเดินทางมาชมอีกหนึ่งโลเคชั่นที่สวย และมุมถ่ายรูปเยอะมาก โดยที่นี่จากหลุมฝังศพของมหาราชา กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองชัยปุระ ด้วยหินอ่อนแกะสลักลวดลาย ทำให้อาคารมีความน่าสนใจ บรรยากาศสงบร่มรื่น ช่วยให้การเดินเยี่ยมชม สังเกตเห็นความสวยงามที่แฝงไปด้วยมนต์ขลัง

Location : https://maps.app.goo.gl/ej3i6NgdYMkjZFej6

ค่าเข้า : Free

บรรยากาศโดยรอบที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ทำให้การมาเยือนที่นี่เหมือนได้ผ่อนคลายเบา ๆ ได้ดื่มด่ำกับศิลปะ และได้ตั้งใจหามุมถ่ายรูปสวย ๆ ใช้เวลาไปกับสถาปัตยกรรมงดงามที่อยู่ตรงหน้า แทบทั้งหมดที่เป็นหินอ่อน ถูกแกะสลักลวดลายอย่างปราณีต ทำให้ไม่ว่าจะถ่ายรูปออกมามุมไหนก็ดูสวยงาม

009 ALBERT HALL MUSEUM 

เที่ยวชมเมืองกันมาเยอะแล้ว ลองแวะเข้าพิพิธภัณฑ์กันบ้าง ALBERT HALL MUSEUM พิพิธภัณฑ์ประจำรัฐ ที่มองเผิน ๆ ยิ่งใหญ่อลังการ จนถ้าหากไม่รู้มาก่อนว่าเป็นมิวเซียม ก็คงคิดว่าเป็นสถานที่ของบุคคลสำคัญของเมืองนี้

Location : https://maps.app.goo.gl/4HCQ3AaxYMJsqNvQ9

ค่าเข้า : Rs.150 / คน

ไฮไลท์ของมิวเซียม คือมุมด้านหน้า และด้านข้างอาคาร เป็นมุมยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ที่ต่างมายืนถ่ายรูปคู่ด้วย ยิ่งช่วงแสงเย็น ยิ่งดูสวยงามไปอีกแบบ ใครแวะมาย่านนี้ ก็ลองแวะมาดูนะ มีสิ่งของที่น่าสนใจจัดแสดงอยู่มากมาย

010 PATRIKA GATE 

ก่อนจะย้ายเมืองเราขอมาแวะเช็กอินกันต่อที่ประตูเมืองหมายเลข 9 เลขมงคลที่ซ่อนอยู่ตามซุ้มประตู ไม่ว่าจะเป็นการมีซุ้ม 9 ซุ้ม กว้าง 9 ฟุต ทุกอย่างล้วนใส่ใจรายละเอียดและคิดออกแบบมาไว้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือเป็นสีชมพู เป็นซุ้มประตูที่สวยงามอลังการมาก ใครเป็นสาวกสีชมพู ถ้าได้ไปลอดซุ้มประตูแห่งนี้สักครั้ง เหมือนทำมิชชั่นสำเร็จไปอีกหนึ่ง สวยงามไม่พอยังเป็นสิริมงคลด้วย

Location : https://maps.app.goo.gl/BhVNW9FchfRBUCzi7

ค่าเข้า : Free

มุมที่คนชอบถ่ายรูปกัน เป็นมุมแหงน ที่พอเราเงยหน้าหลังจากที่ลอดซุ้มเข้ามาแล้ว เราจะเป็นความเว้าโค้งและลวดลายข้างในแต่ละด้าน ที่มีความปราณีตสวยงามแสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ในยุคน้้น และอีกมุมนึงคือตรง บันไดทางขึ้นที่พอยืนแล้ว มีฉากหลังเป็นซุ้มประตูสีชมพูขนาดใหญ่ดูอลังการ

Day 3 : Jodhpur

011 MEHRANGARH FORT 

หลังจากเที่ยวเต็มอิ่มกับมหานครสีชมพูชัยปุระกันแล้ว ถ้าที่เที่ยวทั้งหมดที่ว่ามา ยังอลังการไม่พอ ขอแนะนำให้นั่งรถมาเที่ยวเมือง “จ๊อดปูร์ นครสีฟ้า” กันต่อ โดยจุดเช็กอินนี้ สวยงามซะยิ่งกว่าหลุดออกมาจากเทพนิยาย มองรวม ๆ แล้วดูเหมือนฉากหนังฟอร์มยักษ์สักเรื่องมากกว่า ป้อมปราการที่ตั้งอยู่บนภูเขา ถูกสร้างเอาไว้เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะ เพราะป้อมแห่งนี้เต็มไปด้วยร่องรอยการสู้รบในประวัติศาสตร์

Location : https://maps.app.goo.gl/muRECFPTaqtUbgbU8

ค่าเข้า : Rs.600 / คน

มีตำนานเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับที่นี่ ทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าค้นหา ยิ่งได้รู้ความหมายของชื่อ ที่แปลได้ว่า เป็นป้อมพระอาทิตย์ ยิ่งรับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ ด้วยพระอาทิตย์เป็นเทพประจำตระกูล ใครที่สนใจมาเที่ยวชม บอกเลยที่นี่คุ้มค่ากับการมาเยือน เพราะนอกจากสวย บรรยากาศดีแล้ว ยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย รอให้เราไปค้นหาคำตอบอยู่

12 JASWANT THADA 

ไม่ไกลจากป้อม Mehrangarh Fort มีอนุสรณ์สถานสีขาวขนาดใหญ่ ตั้งเด่นดูสวยงาม ท่ามกลางทิวเขาและผืนป่า ด้วยรอบ ๆ เป็นธรรมชาติ ทำให้อาคารสีขาวดูสวยงามมากขึ้นอีกเท่าตัว หากได้เดินเข้าไปเยี่ยมชมใกล้ ๆ จะเห็นสถาปัตยกรรมสุดปราณีต ที่สร้างจากหินอ่อนขาวบริสุทธิ์ แกะสลักลายสวยงาม

Location : https://maps.app.goo.gl/WzXA6MWqQUYXdRXg7

ค่าเข้า : Rs.50 / คน

สถานที่แห่งนี้นอกจากดูถ่ายรูปสวยแล้ว ยังเงียบสงบและร่มรื่น สระน้ำไม่ใหญ่มากข้าง ๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หลายคนเลือกที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มีพื้นที่ศาลาให้ได้พักเหนื่อยเพื่อให้พร้อมกับการออกเดินทางต่อ บรรยากาศด้านใน เป็นโถงหินอ่อนโล่ง เย็นสบาย เป็นอนุสรณ์สถานที่มาแล้วรู้สึกอยากหลับพักสักตื่น แล้วค่อยลุยสถานที่ต่อไป

13 Sunset Point Jodhpur 

มาถึงเมืองนี้ทั้งที ต้องแวะจุดเช็กพ้อยท์สักหน่อย ที่ Sunset Point Jodhpur จุดชมวิวเมืองมุมสูง ที่แทบจะมองเห็นได้ทั้งเมือง โดยเฉพาะโซนบ้านเรือนสีฟ้าที่ดูกลมกลืนเป็นกลุ่มก้อน มองดูแล้วสวยงามมาก คนส่วนใหญ่ที่ขึ้นมา ถ้าไม่ชมวิวเมืองก็ชมพระอาทิตย์ตกดิน

Location : https://maps.app.goo.gl/TXaihcSCQgaqcm2x9

ค่าเข้า : Free

คนที่อยากขึ้นมาชมวิวสวย ๆ แบบนี้ อาจต้องเดินชันสักหน่อย สามารถจ้างไกด์ให้ช่วยนำทางได้ กลางวันว่าวิวสวยแล้ว พระอาทิตย์ตกดินจนฟ้ามืดเปิดแสงไฟบ้านเรื่อง ดูสวยงามยิ่งกว่า เหมาะกับเป็นที่นั่งชิลปล่อยตัวปล่อยใจให้หลงใหลไปกับบรรยากาศตรงหน้า

Day 4 : Jodhpur

14 OLD TOWN

หลังจากที่เราแนะนำเมืองสีชมพูให้รู้จักกันไปแล้ว ตอนนี้เราก็อยากแนะนำให้รู้จักกับ จ๊อดปูร์ หรือที่รู้จักกันชื่อ “เมืองสีฟ้า” ที่นี่เป็นย่านเมืองเก่ามีอาคารบ้านเรือนคุมโทนให้เป็นสีฟ้า ทำให้ดูสวยงามและกลายเป็นเมืองโปรดของบรรดาช่างภาพหรือสายคอนเทนต์ทั้งหลาย แถมยังเป็นเมืองที่เหมาะกับการมาอยู่ซึมซับวัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนอินเดียได้เป็นอย่างดี ใครเป็นสายชิลอยากแนะนำให้มาเดินเที่ยวชมเมือง หาที่สูงเลือกมุมถ่ายรูปกว้าง ๆ ให้เห็นบรรยากาศรอบ ๆ ที่เป็นสีฟ้า ส่วนใครที่กลัวหลง ยังเดินเที่ยวเองไม่คล่อง สามารถใช้บริการนำเที่ยวชมเมืองนี้ได้

Location : https://maps.app.goo.gl/rSHnqi1WHuLG7bXG8

ถามว่าทำไมเมืองนี้ต้องทาสีฟ้า จากที่บอกต่อ ๆ กันมาคือเป็นการทำเพื่อบอกว่าวรรณะของตัวเองนั้นเป็นวรรณะที่สูง จึงได้ทาสีบ้านของตัวเองเป็นสีฟ้า ต่อมาทำให้ทุกคนเริ่มทาสีบ้านของตัวเองเป็นสีฟ้าตาม ๆ กัน  จนทำให้เมืองเก่าแห่งนี้กลายเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ มีสีสันและดูมีชีวิตชีวา 

จบกันแล้วกับการเที่ยวอินเดียครั้งนี้ เหมือนพาไปตะลุยเมืองแห่งประวัติศาสตร์ เรื่องราว วิถีชีวิต และสถานที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอ เป็นทริปที่ฟินมาก ใครชอบเที่ยวแบบสโลว์โลฟ์ชมงานศิลปะ ชมสถาปัตยกรรมไปเรื่อย ๆ แบบไม่เร่งรีบ เหมาะกับทริปนี้มาก เตรียมจองตั๋วเครื่องบิน ดอนเมือง – Jaipur บินตรงจากสายการบินแอร์เอเชีย สะดวกสบายแถมมี Value Pack เป็นการรับบริการแบบเต็มตัว รับรองว่าฟินทั้งขาไปและขากลับเลย

ใครอ่านแพลนของเราจบแล้ว อยากไปตาม จองเลยที่ https://www.airasia.com/th/th

,

Leave a Reply

Your email address will not be published.